หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

ตอนที่ 1 สู่ต้นกำเนิดแม่น้ำคงคา

หน้าที่ 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6

ตำบลฮารัปปาและโมเฮนโจดาโร

ฉันเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า ศาสนาพุทธเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ผู้คนในยุคก่อนนั้นเขานับถืออะไรกัน

ฉันยังเคยได้ยินนักปราชญ์เขาพูดกันว่า ถ้าจะให้เข้าใจความเป็นมาเป็นไปของศาสนาพุทธในอินเดียได้อย่างลึกซึ้ง เราต้องเข้าใจสภาพสังคมในยุคดั้งเดิมนั้นให้ถ่องแท้เสียก่อน นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ฉันต้องหันกลับมาค้นคว้าเรื่องราวที่เกิดขึ้นย้อนหลังไปก่อนที่พุทธศาสนาจะอุบัติขึ้นบนโลกใบนี้

เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 นี้เอง นักโบราณคดีได้ขุดพบซากเมืองโบราณแห่งหนึ่งที่บริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศปากีสถาน การค้นพบในครั้งนั้นทำให้โลกได้รู้ว่า ดินแดนแถบนี้เคยมีอารยธรรมขั้นสูงมานานกว่า 4,500 ปี

ฮารัปปาและโมเฮนโจดาโรคือตำบลเล็ก ๆ ในปากีสถานที่มีการขุดพบซากเมืองโบราณในครั้งนั้น จากการขุดค้นทำให้ทราบว่า ชาวเมืองที่นี่มีความรู้ในการก่อสร้างอย่างมาก

ที่อยู่อาศัยเป็นบ้านสองชั้นทำด้วยอิฐเผา มีถนนหนทางที่สร้างโดยใช้แผนผัง มีระบบระบายน้ำที่ดีเยี่ยม และยังพบว่าเป็นสังคมเมืองที่มีการค้าขาย ตลอดสองฟากถนนจะมีร้านค้าเล็กๆ เรียงรายอยู่ตลอดเส้นทาง

บริเวณอินเดียตอนเหนือ

มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าพวกเขาเป็นชนชาติเดียวกันกับชาวดราวิเดียน คนพื้นเมืองผิวคล้ำที่อาศัยอยู่ในอินเดียตอนใต้ในปัจจุบัน เพราะวัฒนธรรมของคนทั้งสองกลุ่มนี้มีความคล้ายคลึงกันมาก

1,000 ปีต่อมา ชาวอารยัน ชนผิวขาวกลุ่มหนึ่งได้อพยพลงมาจากบริเวณทะเลสาบแคสเปียนในเอเชียตอนกลาง เข้าสู่ลุ่มแม่น้ำสินธุทางอินเดียตอนเหนือ

พวกอารยันได้สู้รบขับไล่ชนพื้นเมืองดราวิเดียนที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองอยู่ในบริเวณแถบนี้มาก่อน ให้ถอยร่นลงไปอยู่ทางตอนใต้ แล้วสร้างอาณาจักรใหม่ขึ้นปกครองลุ่มแม่น้ำสินธุและแม่น้ำคงคา

ในระยะนั้นเองได้เกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ระหว่างชาวอารยันกับชนพื้นเมืองเดิม นับเป็นจุดเริ่มต้นของเชื้อชาติและอารยธรรมอินเดียในเวลาต่อมา

ชาวอารยันมีความเชื่อว่า เทพเจ้าคือผู้ดลบันดาลทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลก ไม่ว่าภัยพิบัติจากธรรมชาติ ความทุกข์ ความสุข ล้วนเกิดจากน้ำมือของเทพเจ้าทั้งสิ้น โดยเฉพาะมีเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 4 คือ พระอินทร์ พระยม พระพิรุณ และพระอาทิตย์ เป็นผู้กำหนดชะตากรรมของมนุษย์

พิธีการสวดมนต์ บูชาไฟ

แม้กระทั่งทุกวันนี้ ชาวอินเดียอารยันยังมีการสืบทอดพิธีบูชาไฟอย่างเคร่งครัด เพื่อถวายความเคารพต่อเทพเจ้าแห่งธรรมชาติ คือ พระอาทิตย์ ดิน น้ำ ลม และไฟ

ฉันได้มาเห็นการบูชาไฟซึ่งเป็นหนึ่งในพิธีกรรมโบราณของชาวอินเดียเชื้อสายอารยันที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาหลายพันปี

ขณะที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า พวกเขาก่อกองไฟใหญ่ลุกโชติช่วง ทุกคนนั่งรายล้อมรอบกองไฟ พลางท่องบทสวดเป็นทำนองเพลงดังก้องกังวาน

พวกเขามีบทเพลงที่ใช้ในการสวดสรรเสริญเทพเจ้า ทำพิธีบูชายัญ มีเวทมนตร์คาถา และบทกวีบรรยายความงาม ความลึกลับของธรรมชาติ บทเพลงสวดเหล่านี้ชาวอารยันถือว่าพวกเขาได้รับมาจากพระเจ้าโดยตรง และได้รวบรวมบทสวดเหล่านั้นขึ้นเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เรียกว่าคัมภีร์พระเวท และผู้ที่จะทำหน้าที่ท่องจำคัมภีร์พระเวทได้ ถูกจัดให้เป็นหน้าที่ของพราหมณ์เท่านั้น

การรู้คัมภีร์พระเวททำให้พราหมณ์เป็นผู้มีความรู้เหนือผู้อื่น มีอำนาจมหาศาลเพราะเป็นผู้สื่อสารกับเทพเจ้า สามารถประกอบพิธีบวงสรวงบูชายัญ ขอเทพเจ้าให้บันดาลความสุขความสำเร็จให้แก่มนุษย์ได้ จนในที่สุดพราหมณ์ก็กลายเป็นชนชั้นสูงสุดของสังคมเทียบเท่ากษัตริย์ ศาสนาพราหมณ์และระบบวรรณะก็ได้เกิดขึ้นในยุคพระเวทนี้เอง

การอพยพเข้ามาในลุ่มแม่น้ำสินธุซึ่งมีความเจริญมาก่อน ทำให้ชาวอารยันต้องสู้รบกับชนพื้นเมืองเป็นเวลายาวนาน ผู้รู้พระเวทคือชนวรรณะพราหมณ์จะเป็นผู้สร้างขวัญกำลังใจให้พวกนักรบคือเหล่าวรรณะกษัตริย์ สำหรับชาวอารยันที่ไม่มีหน้าที่สู้รบจะต้องจัดหาเสบียงเลี้ยงสังคมด้วยการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และค้าขาย จัดเป็นกลุ่มวรรณะแพศย์ ส่วนผู้แพ้สงครามซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองเดิมจะตกเป็นทาสรับใช้ชาวอารยัน หรือกลุ่มวรรณะศูทร

แรกเริ่มนั้นระบบวรรณะได้เกิดขึ้นตามการแบ่งหน้าที่กันในสังคม และการแบ่งผิวระหว่างชาวอารยันซึ่งมีผิวขาวกับชาวพื้นเมืองผิวคล้ำ เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่สังคมในสมัยนั้น

แต่ในเวลาต่อมาระบบวรรณะได้กลายเป็นตัวสร้างความแตกแยกในสังคมชมพูทวีปไปในที่สุด

แผนที่เส้นทางไปต้นแม่น้ำคงคา

ฉันเดินทางขึ้นไปทางเหนือของอินเดีย เพื่อค้นหาความเชื่อความศรัทธาของชาวฮินดู ที่ทุกปีจะมีประเพณีจาริกแสวงบุญไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นที่สถิตของเทพเจ้า

หนึ่งในนั้นคือการจาริกสู่ต้นกำเนิดของแม่น้ำคงคาในเทือกเขาหิมาลัย สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถือว่าเป็นกุศลสูงสุดที่พวกเขาต้องบำเพ็ญให้ได้สักครั้งในชีวิต

ฉันได้ติดตามการเดินทางของพวกเขาไปยังดินแดนแห่งเทพเจ้า อันเป็นที่เคารพสูงสุดของชาวอินเดียมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อประจักษ์ชัดถึงความแข็งแกร่งของลัทธิความเชื่ออันเก่าแก่ เป็นความเชื่อที่มีต่อเทพเจ้าผู้กำหนดชะตาชีวิตของมนุษย์

ตามแผนของฉันนั้น เมื่อเข้าเขตรัฐอุตตรจัล เส้นทางจะเริ่มเลาะเลียบไปตามลำน้ำคงคา จากเมืองหริดาวา ไปยังเมืองฤาษีเกศ ไต่เทือกเขาสูงชันผ่านเมืองอุดรกาสี จนถึงเมืองคงคาทรี เมืองสุดท้ายที่รถยนต์เข้าถึง จากนั้นจะต้องเดินเท้าลัดเลาะไหล่เขาสูงชันไปจนถึงต้นน้ำคงคา

แผนที่เส้นทางไปต้นแม่น้ำคงคา

โดยสภาพทางภูมิศาสตร์ แม่น้ำคงคามีต้นกำเนิดจากธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัย นักแสวงบุญทุกคนรู้ว่า ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของอินเดีย พวกเขาจะต้องเดินทางไปให้ถึงต้นแม่น้ำซึ่งเป็นธารน้ำแข็ง บนความสูงเกือบ 4,000 เมตร ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือหลายเดือน

ต้นกำเนิดของแม่น้ำคงคามาจากธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัย

ฉันมุ่งหน้ามาที่เมืองฤาษีเกศเป็นจุดแรกของการเดินทางในครั้งนี้

ฤาษีเกศเป็นเมืองแห่งนักพรตมาตั้งแต่สมัยโบราณ เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา ท่ามกลางป่าเขาที่สงบวิเวก ในอดีตเคยเป็นที่รวมของฤาษีและโยคีซึ่งเป็นผู้ที่สละทางโลก ออกแสวงหาความหลุดพ้นด้วยการบำเพ็ญตบะและปฏิบัติโยคะ

หน้าที่ 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6

ที่มา จากหนังสือ "ตามรอยพระพุทธเจ้า"


ไปข้างบน