กองทัพธรรมพระเจ้าอโศก วันที่โลกได้รู้จักพระพุทธเจ้า
ถ้ำกฤษณะคีรี
แม้ปัจจุบันคนทั่วไปจะรู้จักสถานที่แห่งนี้ในชื่ออุทยานแห่งชาติสัญชัยคานธี แต่สำหรับนักโบราณคดีแล้ว ที่นี่คือหมู่ถ้ำที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์ที่มีอาณาเขตกว้างขวางใหญ่โตที่สุดในอินเดียตะวันตก กินพื้นที่ถึง 2 ตารางกิโลเมตร มีถ้ำกระจายตัวอยู่ตามภูเขาเป็นจำนวนมาก เท่าที่พบตอนนี้ก็มีอยู่ทั้งหมด 112 ถ้ำ เป็นถ้ำที่สร้างขึ้นสำหรับให้พระภิกษุอาศัยถึง 107 ถ้ำ ที่เหลือจะเป็นถ้ำสำหรับประกอบพิธีสงฆ์
เรื่องราวการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของพระสงฆ์ที่นี่ เห็นได้ชัดว่ามีเส้นแบ่งเวลาระหว่างการก่อสร้างของพระยุคเถรวาทกับการเข้ามาบูรณะของพระในยุคมหายาน เพราะตลอดระยะเวลากว่า 1,100 ปีที่พระสงฆ์ได้อาศัยป่าแห่งนี้หลีกเร้นความวุ่นวายจากโลกภายนอก คณะสงฆ์ฝ่ายเถรวาทได้เริ่มเข้ามาอยู่ก่อนตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 4 จนกระทั่งคณะสงฆ์ฝ่ายมหายานได้ตามเข้ามาสมทบในราวพุทธศตวรรษที่ 10 และอยู่ร่วมกันไปอีก 300 ปีจึงทิ้งร้างไป
ถ้ำกฤษณะคีรี
ฉันได้เดินทางล่วงหน้ามารอพบกับลักษมี กีชอร์ คนนำทางในอินเดียคนแรกและคนเดียวที่เป็นผู้หญิง ลักษมีได้นำทางฉันขึ้นไปบนเขากฤษณะคีรี ซึ่งเธออธิบายให้ฟังว่า
“ถ้ำนี้สร้างเป็นหอสวดมนต์ เห็นได้ว่าเริ่มสร้างตั้งแต่ยุคที่ยังเป็นพุทธเถรวาท ดูจากเจดีย์ที่สร้างไว้ในถ้ำ เป็นธรรมเนียมการบูชาเจดีย์แทนองค์พระพุทธเจ้าของพุทธนิกายเถรวาท...ในถ้ำนี้เวลาสวดเสียงจะดังกังวานมาก ถ้ำที่ 11 นี้ดูจะแปลกไปจากถ้ำที่อยู่ของสงฆ์ถ้ำอื่นๆ จะเห็นว่ามีการสร้างโต๊ะหินขนาดใหญ่ไว้กลางถ้ำ มีจารึกระบุเอาไว้ว่าเป็นห้องฉันอาหาร แต่ขณะเดียวกันก็อาจจะใช้เป็นห้องประชุมไปด้วย” เธอเล่าขณะนำทางฉันดูถ้ำต่างๆ
เมื่อพุทธฝ่ายมหายานเข้ามาอยู่ ก็ได้สร้างพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์เพิ่มเติม มีการแกะสลักเรื่องราวในชาดกตามฝาผนังถ้ำ รวมทั้งสร้างรูปผู้บริจาคประดับไว้
ถ้ำนี้สร้างเป็นหอสวดมนต์
ถ้ำที่ 11 สร้างเป็นห้องฉันอาหาร
กล่าวกันว่า วัดถ้ำสงฆ์ที่กฤษณะคีรีได้รับการบริจาคเงินสร้างวัดจากเศรษฐี ที่ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าที่ส่งสินค้าออกไปขายในต่างประเทศ เพราะหมู่ถ้ำนี้อยู่ในเส้นทางที่พวกเขาจะต้องขนส่งสินค้าผ่านไปยังเมืองท่าริมฝั่งทะเลตะวันตก พระสงฆ์ที่นี่จึงค่อนข้างมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
นักโบราณคดีพบจารึกที่ระบุว่า มีการบริจาคเงินเพื่อสร้างโรงครัว สร้างบ่อน้ำถวายพระสงฆ์ ถ้ำแต่ละแห่งจึงมีบ่อเก็บน้ำกินน้ำใช้สร้างไว้ที่หน้าถ้ำ
ลักษมีได้นัดกับเจ้าหน้าที่รักษาป่าเอาไว้ โดยบอกว่าจะพาไปดูสถานที่แห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก ไม่อนุญาตให้คนทั่วไปเข้าไปในบริเวณนั้น พวกเขาพาฉันเดินลัดเลาะไปตามไหล่เขาและทุ่งหญ้า ห่างออกไปจากบริเวณถ้ำประมาณ 2 กิโลเมตร สถานที่แห่งนั้นซ่อนตัวอยู่ใต้ชะง่อนผาที่ห่างไกลจากสายตาผู้คน เจ้าหน้าที่ป่าไม้พาเราไต่หน้าผาลงไปข้างล่าง
สักครู่ใหญ่เราก็มาถึงสถานที่แห่งนั้น
ที่นั่น ฉันเห็นฐานของสถูปขนาดเล็กจำนวนมากตั้งเรียงรายไว้ใต้หน้าผา เจ้าหน้าที่บอกว่าที่นี่คือสุสานของพระสงฆ์ในสมัยโบราณ มีสถูปขนาดใหญ่สร้างไว้ตรงกลางลานสำหรับสักการบูชา เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่ากว่าทางการจะเข้ามาดูแล พวกล่าสมบัติก็มาขุดหาของจนสถูปพังไปหมดแล้ว
บริเวณสุสานโบราณที่ฝังศพพระสงฆ์ที่กฤษณะคีรี
ใกล้ๆ กับสถูป พวกเขายังพบถ้ำสำหรับพระสงฆ์นั่งวิปัสสนา ยังมีร่องรอยของภาพแกะสลักพระพุทธรูป ซึ่งอาจจะผุพังไปบ้างตามกาลเวลา แต่ก็มีเค้าโครงที่สมบูรณ์มาก สุสานพระสงฆ์แห่งนี้มีอายุอยู่ในช่วงที่พุทธมหายานได้เข้ามาแล้ว และอยู่ต่อไปจนกระทั่งวัดถ้ำที่กฤษณะคีรีถูกทิ้งร้างไปในพุทธศตวรรษที่ 14
ในช่วงเวลาเพียงห้าร้อยกว่าปีหลังจาก พระพุทธเจ้า ปรินิพพานได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมาย ทั้งการเดินทางของศาสนาพุทธไปสู่นานาประเทศและตามมาด้วยการเติบโตของพุทธนิกายมหายานไปทั่วอินเดีย
การเกิดขึ้นของมหายานนี้มีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป เพราะทั้งเถรวาทและมหายานก็ต่างเสริมความแข็งแกร่งให้กับศาสนาพุทธ ไปคนละด้าน ทำให้ ศาสนาพุทธ มีความมั่นคงและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอย่างทุกวันนี้ ขณะเดียวกันก็มีผลต่อการเติบโตของ ศาสนาพุทธ ในอินเดียในเวลาต่อมา
ที่มา จากหนังสือ "ตามรอยพระพุทธเจ้า"
|