หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
ชม Video โอลิมปิก  ปักกิ่ง 2008 (Beijing 2008  Olympic Games)
ฐานิยปูชา ๒๕๕๒
ฐานิยปูชา ๒๕๕๑
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช
การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่จังหวัดนครราชสีมา
เชิญชม การ์ตูนแอนนิเมชั่น  เสี้ยวลิ้มยี่  (The Legend of Shaolin Kung Fu)
เชิญชม VDO น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
เชิญชม ประวัติศาสตร์การเมือง ตอน ปิดตำนานทักษิณ
เจ้าแม่กวนอิม
ชมตัวอย่างภาพยนตร์,หนัง
คลังเก็บรูปภาพ

ตายแล้วฟื้น ของคุณยายกิมเอ็ง โลเจริญกูล


ตายแล้วฟื้น

คุณยายกิมเอ็ง โลเจริญกูล อายุ ๗๗ ปี บ้านเลขที่ ๘๗๕ ถนนโพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา คุณยายเป็นหลานของคุณตา หลวงมณเฑียรบริรักษ์ คุณยายเกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๐ วัยเด็กไม่เคยเจ็บไข้หรือมีอันตรายใดๆ คุณแม่คุณพ่อเป็นห่วงมาก ไม่ยอมให้ไปไหนมาไหนตามลำพัง เมื่ออายุ ๗ ขวบ เริ่มเจริญสมาธิภาวนากับพระอาจารย์ที่ จ.นครราชสีมา โดยนั่งหลับตาเจริญภาวนาอนุสติพุทโธเป็นอารมณ์ หายใจเข้านับ ๑ หายใจออกนับ ๒ จนถึง ๑๐ แล้วเริ่มนับใหม่ หายใจเข้านับ ๑ หายใจออกนับ ๒ จนถึง ๑๐ หมุนเวียนจนหมดชั่วธูปชั่วเทียนที่จุดเอาไว้ ปฏิบัติเจริญภาวนาทางจิตนานๆ เข้าจนเคยชิน จิตก็นิ่งเงียบและสงบสงัดดี ปรากฏการณ์ทางจิต บางครั้งเห็นแสงสว่างเกิดเต็มห้องทั้งๆ ที่เป็นกลางคืน บางครั้งเหมือนตัวเรานั่งอยู่บนลูกกลอง บางครั้งรู้สึกคล้ายตัว เองค่อยๆ ลอยขึ้นพร้อมกับแสงสีรุ้งล้อมรอบตัวสว่างจ้าไปหมด บางครั้งเหมือนคนจุดเทียนส่องนำทาง แสงพุ่งมาแต่ไกล นำตัวเราเข้าไปสู่ต้นเทียน เกิดความสงบสงัดทางกระแสจิต มีความสบายใจมาก แม้เงินล้านก็หาซื้อไม่ได้

เมื่ออายุ ๑๕–๑๖ ปี อยากฟังเทศน์ เธอไปยืมกัณฑ์เทศน์ “ไตรโลกพิสดาร” ที่วัดบึง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นิมนต์พระภิกษุสามเณร จากวัดสะแก ๔ รูปมาเทศน์ทุกๆ วันพระ ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ เธอฟังเทศน์แล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใสดำริว่า ถ้ามีเงินจะซื้อหนังสือกัณฑ์เทศน์ “ไตรโลกพิสดาร” จำนวน ๑ ชุด ถวายวัด

เมื่ออายุ ๒๑ ปี เธอก็ได้แต่งงาน อายุ ๒๒ ปี เริ่มตั้งท้องลูก คนแรก เธอก็ได้สร้างหนังสือกัณฑ์เทศน์ “ไตรโลกพิสดาร” จำนวน ๑ ชุด ถวายวัด เมื่ออายุ ๒๗ ปี เธอก็ตั้งท้องลูกคนที่ ๓ ได้ ๕ เดือน เธอ เกิดฝันร้าย ฝันว่าผีตายโหงท้องกลมมาจากที่ไกลมานั่งข้างๆ เตียงของเธอ บอกเธอว่า “คุณนาย เธอหมดอายุแล้ว จะอยู่ได้เพียงอายุ ๒๗ ปี เท่านั้นเองนะ” เธอไม่พอใจ ต่อว่าเขาไปว่า เธออยากตายก็ตายไปคนเดียวเถอะ ฉันยังไม่อยากตาย เพราะฉันจะต้องทำบุญอีกมาก รวมทั้งทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เธอด้วย ผีตายโหงตายท้องกลมบอกเธอว่า “คอยดูก็แล้วกัน อย่าหวังนะว่าเธอจะได้อยู่ต่อไปอีก” ว่าแล้ว ใบหน้าผีตายท้องกลมที่ดูน่าเกลียดผอมโซหิวตนนั้นก็ได้ลอยออกไปหน้าบ้าน

เธอตั้งท้องลูกคนที่ ๓ ครบ ๑๐ เดือนก็คลอด เมื่อเธอคลอดได้ ๒ วัน เธอก็ตกเลือดหนักมาก หมอหลวง หมอพระ เชิญมาหมด รักษาอย่างไรก็ไม่หาย กลางวันออกอาการหนักมาก เวลา ๖ โมงเย็นก็รู้สึกตัว ใครๆ ก็ว่าเข้าขั้นตรีทูต ดวงตาของเธอสีน้ำข้าว มองอะไรก็ไม่เห็น เพราะตกเลือดมาก ท้องเธอบวมและอืดขึ้นมา วิญญาณหรือกายทิพย์ของเธอค่อยๆ เคลื่อนออกจากร่างกายเนื้อด้วยอาการสงบ

เมื่อกายทิพย์เคลื่อนออกจากร่างกายเนื้อ สายใยแห่งกายทิพย์ ขาดจากร่างกายเนื้อ กายทิพย์ก็ได้ลอยออกไป แล้วถูกกักตัวอยู่ใน “หุบเขา” เธอมองดู แหงนดูยอดเขาจนคอตั้ง ยังมองไม่เห็นยอดเขา หาทางออกไม่ได้ มันมืดไปหมด เธอนั่งคิดอยู่คนเดียว เธอคิดว่า “ทำอย่างไร เราจึงจะหลุดออกจากที่คุมขังนี้ได้” สมองของเธอไม่ได้คิดถึงใคร เพราะคิดไม่ออก สักครู่หนึ่ง เธอก็คุกเข่าลงกราบพระแม่ธรณี พนมมืออธิษฐานถึงพระแม่ธรณีเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โปรดช่วยบันดาลบารมีที่ข้าพเจ้าได้สร้างสมอบรมมาแต่ชาติก่อนและชาตินี้ รวมทั้งหนังสือกัณฑ์เทศน์ “ไตรโลกพิสดาร” โปรดมาช่วยด้วย

สิ้นคำอธิษฐาน แสงสว่างเจิดจ้ามาจากทางด้านทิศบูรพาท่าม กลางแสงสีทองนั้น กัณฑ์เทศน์ ๗ แพลอยมา เพียงแค่แสงจากกัณฑ์เทศน์สาดส่องถึงภูเขาเท่านั้น เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด ภูเขาอันสูงชันนั้นได้ระเบิดแตกแยกออกเป็น ๒ ซีก ทางระเบิดออกแล้ว เธอ ดีใจมาก วิ่งออกไปพร้อมร้องตะโกนว่า “เราไม่ตายแล้วๆ” เสียงของเธอดังก้องกังวานไปทั่ว มีโจรมาจากไหนก็ไม่รู้จำนวนมากมายเป็นจำนวนนับพันๆ คน เธอเสี่ยงบารมีอธิษฐาน ขอให้แย่งดาบโจรได้ เธอฆ่าและตัดหัวโจรได้ ๒-๓ เข่งใหญ่ วิญญาณหรือกายทิพย์ของเธอจึงกลับเข้าร่างเดิม

เธอตายเมื่อ ๖ โมงเย็น และฟื้น ๖ โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น ท้องอืดและบวมนั้น อุจจาระปัสสาวะถ่ายออกมาเอง จนกระทั่งท้องแห้งเป็นปกติ เธอค่อยๆ เห็น ค่อยๆ ได้ยิน ไข้ปรอทขึ้นถึง ๑๐๕–๑๐๖ จนทนไม่ไหว อกของเธอจะระเบิดให้ได้ พยาบาลหยอดน้ำข้าวให้เธออยู่ถึง ๑๕ วัน หมอว่าเธอจะต้องตายแน่ๆ ไม่รอดหรอก

วันที่ ๑๕ ตอนบ่าย ๔ โมง เธอได้เห็นเตี่ยที่ตายไปแล้ว ซึ่งศพของเตี่ย แม่นำไปฝังไว้ที่เมืองจีน เตี่ยได้ถือขันเงินใบใหญ่เท่าบาตรพระ เตี่ยเดินเข้าประตูมา เธอถามว่า “เตี่ยมาช่วยลูกหรือคะ”

ท่านยิ้มอย่างเมตตาเหมือนตอบรับว่า “ใช่แล้ว”

คนเฝ้าไข้จับมือเธอไว้ บอกว่า “คนจะตายเห็นผีเห็นสาง เห็นจะไปตอนนี้แน่”

เธอบอกว่าเตี่ยมา มานั่งอยู่บนหัวนอน เขาก็ไม่เชื่อ เธอยกมือไหว้ท่าน เห็นน้ำในขันมีน้ำตาเทียนสีขาวๆ เสมือนดอกพิกุลลอยอยู่คู่กันกับดอกมะลิ กลิ่นของดอกมะลิหอมสุดสดชื่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง ท่านนำน้ำมนต์มาพรมที่ร่างกายของเธอ รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันที เตี่ยเอาน้ำมนต์พรมไปๆ เหมือนเธอไม่มีอาการไข้ และเตี่ยก็จางหายไป อาการไข้ขึ้นสูงก็ได้ลดลงปกติ ไม่ได้กินยา เธอดีใจ บอกคนในบ้านว่า “ฉันหายจากไข้แล้วนะ” มีแรงขึ้นมาแล้ว ขอกินข้าวสักชาม เมื่อกินก็กินได้ชามหนึ่งจริงๆ ทุกคนไม่เชื่อสายตาเลย เธอลุกขึ้นนั่งคิดไตร่ตรองดูครู่หนึ่ง เราได้ฟื้นขึ้นมาเพราะบุญกุศลบารมีที่สั่งสมมาแท้ๆ

เธอกราบแม่พระธรณี อธิษฐานใจต่อแม่พระธรณีว่า “จากนี้ไป จะขอทำบุญทอดกฐินทุกๆ ปีไม่ขาด” เธอทอดกฐินปีหนึ่ง ๑ วัดบ้าง ๒ วัดบ้าง ๔ วัดบ้าง และบางปีก็หลายวัดเพราะกฐินตกค้างเขาขอมา

เจ้าเกิดมา มีอะไร มาด้วยเจ้า
เจ้าจะเอา แต่สุข สนุกไฉน
เจ้ามา ตัวเปล่า เจ้าจะเอาอะไร
เจ้าก็ไป ตัวเปล่า เหมือนเจ้ามา”


ไปข้างบน