การภาวนาตามแบบพุทธะ ตอน 4

จากปริยัติสู่ภาคปฏิบัติ

ส่วนธรรมะอันเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น เรียกว่าสัทธรรมศาสตร์ ปริยัติ ท่านกำลังเรียนปริยัติ เพราะตั้งใจฟังปริยัติคือความรู้ที่เกิดจากฟัง ปริยัติคือความรู้ที่เกิดจากการท่องบ่นสาธยาย ปริยัติคือความรู้ที่เกิดจากการอ่านการเขียนแล้วจดจำเอาได้ เป็นความรู้ทางสัญญา หลักสูตรธรรมะที่เป็นคำสอนที่เราใช้เป็นหลักสูตรแห่งการศึกษาเพื่อเป็นคู่มือการปฏิบัตินั้นเรียกว่า ปริยัติธรรม

บัดนี้ เราได้น้อมเอาพระปริยัติธรรมมาปฏิบัติฝึกหัดดัดกาย วาจาและใจของตนเองให้อยู่ในความสงบ กายนั่งอยู่นิ่งๆ นั่งขัดสมาธิ เอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาวางทับมือซ้าย ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติให้มั่น เราน้อมเอาปริยัติธรรมมาปฏิบัติทำกายให้สงบนิ่ง ทำวาจาให้สงบนิ่งโดยไม่พูด ทำจิตให้จดจ่ออยู่อารมณ์จิต อันเป็นคู่มือแห่งการภาวนา ซึ่งเราจะเอาอารมณ์อันใดก็ได้ อันนี้เรียกว่า ปฏิปัตติสัทธรรม

ธรรมปฏิบัตินำไปสู่ปฏิเวธธรรม

เมื่อเราปฏิบัติ คือบริกรรมภาวนา ทำกายวาจาและใจให้สงบด้วยอารมณ์สิ่งใดสิ่งหนึ่งอันเป็นคู่ของจิต เมื่อจิตมีความสงบเป็นสมาธิ สมาธิคือปฏิเวธธรรม เป็นผลที่เกิดจากการปฏิบัติ ปีติและความสุขเป็นปฏิเวธธรรม เป็นผลเกิดจากการปฏิบัติ จิตดำเนินอยู่ในฌานที่หนึ่ง มีวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา เป็นปฏิเวธธรรม เป็นผลเกิดจากการปฏิบัติ สติที่มีพลังแก่กล้าสามารถกำหนดตามรู้อารมณ์จิตได้ทันการ รู้เท่าเอาทันในขณะจิตนั้น ไม่หลงอารมณ์จิตของตัวเอง เป็นปฏิเวธธรรม สติปัญญาสามารถกำหนดรู้อารมณ์จิต รู้อนิจจัง ความคิดไม่เที่ยง ทุกขัง ความคิดไม่ทนอยู่กับที่ อนัตตา ความคิดไม่เป็นตัวของตัว มีการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทุกขณะจิต อันนี้เป็นปัญญาเห็นชอบเรียกว่าปฏิเวธธรรม ยิ่งกว่านั้น ผลที่พึงได้บรรลุสมาธิวิโมกข์ สมาธิปีติ มรรค ผล นิพพาน ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติ เรียกว่า ปฏิเวธธรรม

ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธทั้ง ๓ ประการนี้ เป็นธรรมะคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อ่านต่อ...