รักษ์วงศ์กรรมฐาน ตอน 1

ต้นสายกรรมฐาน

ครูบาอาจารย์ในสายพระธุดงคกรรมฐาน เริ่มต้นตั้งแต่เจ้าประคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจันโท จันทร์) ปฏิปทาของพระเดชพระคุณองค์นี้ เอาใจใส่บริหารทั้งฝ่ายคันถธุระและวิปัสสนาธุระ หมายถึงฝ่ายปริยัติและฝ่ายปฏิบัติ มีบูรพาจารย์บางท่านเคยเล่าให้ฟังว่า ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ เวลาที่ท่านไปธุดงค์ ลูกศิษย์ของท่านที่ยังเรียนปริยัติอยู่ก็หอบคัมภีร์ไป ไปพักตามร่มไม้ ชายคา หรือถ้ำเหวที่ไหน ท่านก็สอนปริยัติธรรม แล้วก็นำในการประพฤติปฏิบัติ ท่านปฏิบัติอย่างนี้ตลอดมาจนกระทั่งถึงแก่มรณภาพไป

ภายหลังเจ้าพระคุณองค์นี้ได้ลูกศิษย์ผู้ใหญ่ ๒ องค์ ฝ่ายวิปัสสนาธุระก็ได้แก่ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล ฝ่ายคันถธุระหรือฝ่ายปริยัติก็ได้แก่ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสสมหาเถระ) เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ทำงานในฝ่ายคันถธุระ ในฝ่ายปริยัติ ท่านอาจารย์เสาร์ทำงานในฝ่ายวิปัสสนา

ดังนั้น พระสงฆ์ในภาคอีสานของเรานี่ ในยุคนั้นสมัยนั้นจึงเป็นพระสงฆ์ที่มีความสมบูรณ์แบบ ทางสายปริยัติก็มีเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์เป็นผู้บริหารงาน ทางฝ่ายวิปัสสนาธุระหรือกรรมฐานก็มีพระอาจารย์เสาร์เป็นผู้บริหารงาน ภายหลังพระอาจารย์เสาร์มาได้ลูกศิษย์องค์สำคัญ คือ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

ใครคือผู้รักษาวงศ์วาน…ใครคือผู้ทำลาย

การจัดงานบูรพาจารย์ของเราก็เพื่อจะได้มาปรึกษาหารือปรับปรุงข้อวัตรปฏิบัติให้คงเส้นคงวาอยู่อย่างที่ครูบาอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ร่วมกับพวกเรา อันนี้ขอฝากท่านสหธรรมิกทั้งหลายนำไปพิจารณาด้วย

ในสมัยปัจจุบันนี้มีเพื่อนฝูงมาบอกว่าเขาจะทำลายพุทธศาสนาอย่างนั้นอย่างนี้ พากันหวั่นกลัวกันแล้วก็มาขอความเห็นขอความร่วมมือ ว่าให้ช่วยกันป้องกันพระพุทธศาสนา ศาสนาอื่นบ้าง นักการเมืองบ้าง จะมาทำลายพระพุทธศาสนา แต่พระพุทธเจ้าเทศน์อย่างนี้ ท่านเทศน์ว่า “ตระกูลที่มั่งคั่งสมบูรณ์ ตระกูลนั้นจะเสื่อมหรือจะเจริญก็เพราะลูกในตระกูลนั้น ลูกต่างตระกูลไม่มีสิทธิที่จะไปทำลายวงศ์สกุลของเขาให้เสื่อมหรือให้เจริญ” ดังนั้น ในทำนองเดียวกัน พระพุทธองค์ตรัสว่า ศาสนาของเราจะเสื่อมหรือจะเจริญขึ้นอยู่กับพุทธบริษัท คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ถ้าหากภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พากันปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นสัมมาปฏิบัติ ศาสนาของเราตถาคตจะทรงอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย เพราะฉะนั้น อันนี้ขอฝากท่านพุทธบริษัททั้งหลายไว้พิจารณา อ่านต่อ...