รู้ที่จิต แก้ที่จิต ตอน 3

การปฏิบัติธรรมต้องยอมรับว่าตัวเองผิด แล้วปฏิบัติให้ถูกต้อง

เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมนี่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ต้องเป็นผู้ฉลาด พยายามเชื่อตัวเองให้มาก แต่ว่าอย่าเป็นคนดื้อรั้น หลักธรรมวินัยที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ทรงสอนเอาไว้ ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๒๒๗ สิ่งใดที่ไม่ผิดศีลตามชั้นตามภูมิของตนเองนั้นเป็นการถูกต้อง แต่เมื่อทำไปแล้วมันผิดศีลผิดธรรม ผิดหลักสิกขาบทของเราเอง มันก็เป็นการไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมจึงสมควรดูที่จิตที่ใจของเราเองให้มากที่สุด

มันไม่มีปัญหาอะไรหรอก สิ่งภายนอกและสิ่งแวดล้อมทั้งหลายมันเป็นแค่เพียงอารมณ์จิตที่มายั่วยุให้เราเกิดกิเลสและอารมณ์เท่านั้น ถ้าหากว่าเรายอมรับว่าเราเองนั่นแหละ มีอะไรเกิดขึ้น เราเองนั่นแหละเป็นผู้ผิด สามีว่าภรรยาไม่ดี ใครเป็นผู้ผิด ก็ตัวเองผู้ว่านั่นแหละเป็นผู้ผิด เพราะตัวไปเอาคนไม่ดีมาเป็นภรรยา ถ้าภรรยาว่าสามีไม่ดี ตัวเองนั่นแหละเป็นผู้ผิด พ่อแม่ไปตำหนิลูกเต้าไม่ดี ตัวเองนั่นแหละเป็นผู้ผิด อยากให้กำเนิดลูกไม่ดีแล้วไม่รู้จักอบรมสั่งสอน หลวงพ่อเป็นสมภารเจ้าวัด ก็หลวงพ่อเองนั่นแหละไม่ดี เพราะสอนพระเณรไม่เป็น

เพราะฉะนั้น ถ้าเราย้อนเข้ามาหาตัวเองนี่ เราก็จะรู้ข้อบกพร่องของเราเองว่าเราควรที่จะปรับปรุงตัวเองอย่างไร แต่ละคนๆ แต่ละผู้ที่มาปฏิบัติธรรมวินัยนี้ ถ้าหากเราพยายามเพ่งมองเข้ามาที่ตัวเอง สำนึกถึงตัวเองว่าเวลานี้เรามีสภาวะความเป็นอยู่อย่างไร เรามีเพศอย่างไร มีภูมิอย่างไร มีขั้นตอนแห่งการปฏิบัติอย่างไร พยายามเอาใจใส่ ศึกษาให้รู้ระเบียบที่ตนจะพึงยึดเป็นหลักปฏิบัติให้ถูกต้อง แล้วพยายามปฏิบัติให้ดี

สิทธิเสรีภาพในทางธรรมวินัย

พระพุทธเจ้า คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พระพุทธเจ้าคือท่านผู้รู้ดีรู้ชอบด้วยพระองค์เองและสอนบุคคลอื่นให้รู้ตามด้วย

พระธรรม คือ คำสั่งสอน ได้แก่ พระธรรมวินัย เมื่อเราปฏิบัติตามสิกขาบทวินัย ปฏิบัติตามธรรมตามวินัยที่ถูกต้อง เราก็มีสิทธิเสรีภาพในทางพระวินัย ไม่ใช่เสรีภาพแบบชนิดตีหัวหมา ปาหัวไก่ หรือไม่ใช่ชนิดเสรีภาพที่ไม่มีขอบเขต แต่เวลานี้เรามีเสรีภาพที่ไม่มีขอบเขต เราอยากจะทำอะไรตามอำเภอใจเราเอง ไม่ได้คำนึงถึงระเบียบวินัยกฎเกณฑ์ของพระศาสนา อยากด่าใครก็ด่า อยากเตะใครก็เตะ อยากจะต่อยใครก็ต่อย หนักๆ เข้าก็ใช้วาจาหยาบคาย บางทีก็ได้ยินเสียงว่าพระวัดป่าสาลวันกัดจิกกันคือหมูคือหมา โอ๊ย! สารพัดเด๊! ใครไปด่าพระว่าหมูว่าหมา มันจะกลายเป็นหมูเป็นหมา ๕๐๐ ชาติ เหมือนกันกับพระอาจารย์ที่กินเจ แล้วไปด่าพระว่าเป็นสุนัขบ้าง เป็นกาบ้าง เป็นแร้งบ้าง แล้วก็เป็นเสือบ้าง พอตายไปไปเกิดเป็นอีแร้งคอดำหัวแดงไปจับอยู่ต้นไม้แก่นร่อน ร้องทุกข์หลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นก็บอกว่าเสียดาย สงสารเด๊! สงสารเด๊! อุตส่าห์อดเนื้ออดหนังไม่กินเนื้อกินปลา ปากไม่อยู่สุขไปเที่ยวด่าหมู่ พอตายไปแล้วมาเกิดเป็นอีแร้งตัวนี้ จะเกิดเป็นอีแร้ง ๕๐๐ ชาติ เป็นกา ๕๐๐ ชาติ เป็นสุนัข ๕๐๐ ชาติ แล้วจะเป็นเสือ ๕๐๐ ชาติ ทีนี้คนที่มาว่าพระวัดป่าสาลวันกัดกันกินคือหมูคือหมานี่ สงสารเด๊! มันจะเกิดเป็นหมา ๕๐๐ ชาติ

เพราะฉะนั้น ระวัง ไวปากเสียศีล ไวตีนตกต้นไม้ การพูดคำหยาบมันผิดศีลข้อมุสาวาทา ศีล ๕ ยังไม่บริสุทธิ์บริบูรณ์ดี ยังกล้าปฏิญาณตนว่าเป็นสมณะ เพราะฉะนั้น แม่ขาวแม่ชีหรือใครๆ ก็ตามที่อยู่ในวัดนี้ ขอได้โปรดสำรวมปาก อย่าไปด่าไปว่ากันให้มันวุ่นวี่วุ่นวายไปหมด

มือเขามีสำหรับไหว้พระ ไหว้ผู้มีคุณธรรม ปากมีไว้สำหรับสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย ท่องบ่นสาธยายคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ได้มีไว้สำหรับด่ากัน มีแข้งมีขาเดินไปสู่โรงทำวัตรสวดมนต์ เป็นพระมีขาเดินไปบิณฑบาตโปรดญาติ โปรดโยม ไม่ใช่มีเอาไว้สำหรับเตะถีบกันและกัน อ่านต่อ...