ฉะนั้น สมโณ อัสสะ สุสะมะโณ สมณะต้องเป็นผู้สงบ สงบกาย ไม่ฆ่า ไม่ทุบ ไม่ตี ไม่ชก ไม่ต่อย ไม่เตะ ไม่ถีบ สงบปาก ไม่พูดปด ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล พูดแต่สิ่งที่เป็นมงคล สุภาสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมังคะละมุตตะมัง วาจาอันเป็นสุภาษิต วาจาเป็นของชาวเมืองที่ไพเราะเพราะพริ้ง พูดออกไปก็น่าฟังชื่นชมยินดี
วิสัยของบัณฑิต คิดก็เป็นไปด้วยความสุจริต พูดก็เป็นวจีสุจริต ทำก็เป็นกายสุจริต กายสุจริต ไม่ฆ่า ไม่ลักขโมย ไม่ประพฤติผิดในกาม วจีสุจิต ไม่โกหก ไม่หลอกลวง ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล ไม่พูดส่อเสียดยุยงให้แตกร้าวกัน มโนสุจริต ก็ไม่คิดอิจฉาตาร้อน อยู่กันให้สบายๆ ไม่เพ็งเล็งในสมบัติของคนอื่น ไม่คิดประทุษร้ายคนอื่น พยายามปรับจิตใจให้เป็นสัมมาทิฏฐิ อันนี้เป็นลักษณะของบัณฑิตทั้งหลาย
เพราะฉะนั้น ในเมื่อเราบวชมาในพระศาสนาหรือเป็นพุทธบริษัทผู้ปฏิบัติชอบ เราจะเป็นนักปราชญ์หรือจะเป็นอันธพาลกันแน่ ถ้าเราจะเป็นนักปราชญ์ เป็นบัณฑิต ก็ต้องสำรวมในสิกขาบทวินัย เป็นสมณะไม่ฆ่า อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต ปาฏิโมกเข จะ สังวะโร มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง ปัญตัญจะ สะยะนาสะนัง สมณะย่อมไม่เข้าไปฆ่า ไม่เข้าไปเบียดเบียน ไม่ข่มเหง ไม่รังแก สำรวมในพระปาฏิโมกข์ เว้นข้อที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม ทำตามที่พระองค์ทรงอนุญาต รู้จักประมาณในการบริโภคปัจจัย ๔ แล้วก็พิจารณาปัจจเวกขณปฏิสังขาโย อัชชะ มะยา ธาตุปัจจะยัง โบราณท่านว่า กินข้าวไม่ท่องปฏิสังขาโย ตายไปเป็นควายให้เขาไถนา คนโบราณสอนกันไว้ง่ายๆ แล้วก็ฟังง่ายๆ เมื่อมาคิดแล้วมันซึ้ง เพราะฉะนั้น เราอย่าไปดูถูกคติโบราณ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัดป่าสาลวันเรานี่ ปัญหาที่เราจะต้องคิดแก้ไขกันต่อไป ทำอย่างไรพระเณรของเรา ญาติโยมของเราจึงจะเป็นนักปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอย่างแท้จริงโดยไม่แอบอิงอามิสสินจ้างรางวัลใดๆ ทำอย่างไรเราจึงจะรักษาจารีตประเพณีของครูบาอาจารย์เอาไว้ได้
วัดป่าสาลวันเป็นวัดป่า เป็นสำนักพระธุดงคกรรมฐาน อาจารย์สิงห์เป็นผู้มาสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ มีข้อวัตรปฏิบัติ เดินบิณฑบาตเป็นวัตร ฉันในบาตรเป็นวัตร ฉันหนเดียวเป็นวัตร เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ศึกษาธรรมวินัยในด้านสมถวิปัสสนากรรมฐาน แล้วทำอย่างไรพวกเราจึงจะฟื้นฟูระเบียบครูบาอาจารย์ให้ดีขึ้น
เราบวชเป็นสมณะ ไม่จำเป็นต้องไปวุ่นวี่วุ่นวายที่จะไปแสวงหาญาติหาโยมอุปถัมภ์ปฐากที่โน่นที่นี่ ทำดีให้มันถึงที่แล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันมาเอง
เพราะฉะนั้น ให้มุ่งทำดี อย่ากลายเป็นคนชิงสุกก่อนห่าม บางทีเห็นท่านผู้อื่นได้ดิบได้ดี เกิดอิจฉาริษยา ครูบาอาจารย์มีรถยนต์รถเก๋งนั่งก็อิจฉาริษยา หลวงพ่อฟุ่มเฟือย สารพัดจะว่ากันไป ไม่รู้หรือว่าพระมีบุญ คนไม่มีบุญก็ได้แต่นั่งด่าเขาอยู่นั่นแหละ ยิ่งด่าเท่าไรยิ่งจนลง เพราะฉะนั้น ทางปฏิบัติเพื่อแก้จิตใจอิจฉาริษยานี่มันมีอยู่ พอเห็นใครเขานั่งรถยนต์คันสวยๆ สาธุ! ท่านมีบุญ เห็นใครเขาอยู่บ้านสวยๆ งามๆ สาธุ! ท่านมีบุญ ท่านจึงมีวิมานอยู่ เห็นใครร่ำรวยเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี สาธุ! เราขออนุโมทนาบุญกับท่าน ถ้าเขาร่ำรวยเพราะฉ้อโกงยังจะไปสาธุเอาบุญกับเขาอยู่หรือ ก็ต้องสาธุเอาซิ คนไม่มีบุญอย่างเรานี่ โกงทีเดียวติดตะรางจ้อย
เอาล่ะ วันนี้ขอกล่าวธรรมะพอเป็นเครื่องประดับสติปัญญาของท่านผู้ฟัง พอสมควรแก่กาลเวลา จึงยุติลงด้วยประการฉะนี้