หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook

สื่อเทศชี้ต่างปท.ยังระแวง แต่ชาวไทยชื่นชมสุรยุทธ์

สื่อเทศวิจารณ์ คปค.เลือกพลเอกเกษียณอายุอย่าง "สุรยุทธ์" นั่งเก้าอี้นายกฯคนใหม่ อาจทำให้ต่างชาติเพิ่มความสงสัย ว่าฝ่ายทหารวางหมากกุมอำนาจต่อไป แต่สำหรับคนไทยแล้ว สื่อเทศเหล่านี้บอกว่า ชื่นชมและยอมรับนับถือในตัวพลเอกสุรยุทธ์เป็นอย่างยิ่ง


ทั้งโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น และโทรทัศน์บีบีซี พูดทำนองเดียวกันว่า การแต่งตั้งพลเอกเกษียณอายุมาเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว น่าจะทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากต่างชาติ ในเรื่องความจริงใจของคณะรัฐประหารที่จะหวนคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว

บทวิเคราะห์ของสำนักข่าวเอเอฟพี ก็ได้รายงานความเห็นของ นายจอห์น แฮร์ริสัน นักรัฐศาสตร์แห่งสถาบันเพื่อการศึกษาด้านการป้องกันและยุทธศาสตร์ ของสิงคโปร์ ซึ่งกล่าวว่า "ข้อเท็จจริงที่ว่า เขาเป็นทหารย่อมจะบ่งบอกว่า ฝ่ายทหารมิได้กำลังวางแผนที่จะยุติการกุมอำนาจ"

"ถึงแม้บรรดานายพล (ผู้ยึดอำนาจ) จะไม่ได้ออกมาใช้อำนาจกันอย่างเป็นทางการ แต่แน่นอนว่าพวกเขากำลังจะมอบอำนาจนั้นให้แก่มือคู่ที่ปลอดภัยไว้วางใจได้ ผมแน่ใจว่าบรรดานายพลเหล่านี้ มีไอเดียเป็นอย่างดียิ่งเกี่ยวกับคนที่พวกเขากำลังจะได้ตัวมา"

อย่างไรก็ตาม บีบีซีชี้ว่า ประชาชนไทยส่วนใหญ่ต่างเชื่อมั่นในคำพูดของพลเอกสุรยุทธ์ ที่กล่าวภายหลังพิธีรับตำแหน่งว่า เขาจะแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเอง และจะเป็นอิสระจากคณะทหาร เนื่องจาก พลเอกสุรยุทธ์เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ไร้มลทิน เป็นคนซึ่งได้ชื่อว่าไม่ทุจริตคอร์รัปชั่นเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ขณะเป็นทหาร ได้ยืนยันเรื่อยมาว่า ไม่ต้องการให้ทหารเกี่ยวข้องกับการเมือง และเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับว่า สามารถสร้างความสามัคคีในชาติได้

ขณะที่ซีเอ็นเอ็นได้สัมภาษณ์นายคริส เบเกอร์ นักวิเคราะห์การเมืองไทย ที่บอกว่า พลเอกสุรยุทธ์มีบุคลิกภาพที่อบอุ่นและดึงดูดคนให้เข้าหา เขายังถูกมองว่าเป็นทหารอาชีพ เป็นคนตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง และเป็นคนซื่อสัตย์อย่างยิ่ง

บทวิเคราะห์เอเอฟพีก็ชี้ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับผู้บัญชาการทหารบกคนอื่นๆ แล้ว พลเอกสุรยุทธ์ถูกมองว่าเป็นทหารปฏิรูป โดยย้ำเรื่อยมาในอดีตว่า กองทัพควรอยู่นอกการเมือง




"พระสุรยุทโธ" เมื่อครั้งจำพรรษาปฏิบัติธรรมภาวนาที่วัดป่าดานวิเวก บ้านแสงอรุณ ต.ศรีชมพู อ.โซ่พิสัย จ.หนองคาย เมื่อปี 2547 โดยมีพระอาจารย์ปรีดา ฉันทกโร (หลวงพ่อทุย) เจ้าอาวาส เป็นพระอาจารย์อบรมกรรมฐาน

นอกจากนั้น ตำแหน่งสุดท้ายของเขาซึ่งคือองคมนตรี ตลอดจนการที่เขาบวชเป็นพระสงฆ์อยู่ 3 เดือน ยิ่งเพิ่มพูนชื่อเสียงของเขาในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต

เอเอฟพีได้อ้างความเห็นของนายฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ แห่งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า สำหรับคณะทหารแล้ว พลเอกสุรยุทธ์ "มีภูมิหลังจากการเป็นทหาร เป็นองคมนตรี เขาจึงพูดจาด้วยความยาวคลื่นเดียวกันกับพวกเขา"

แต่นายฐิตินันท์ก็บอกว่า ในขณะนี้ประเทศไทยยังจำเป็นต้องมีผู้นำซึ่งสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นในประชาคมนานาชาติได้ด้วย

"เขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคณะทหาร" นายฐิตินันท์บอก "แต่เขาอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกดีที่สุดสำหรับประเทศไทย"

"จุดบกพร่องของพลเอกสุรยุทธ์คือ ขณะที่เขาเป็นทหารอาชีพและมีชื่อเสียงอันน่าเชื่อถือนั้น เขาทราบวิธีที่จะบริหารเศรษฐกิจไทยหรือเปล่า"

นายฐิตินันท์ยังได้กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ช่วงหลายๆ เดือนต่อนี้ไป จะพิสูจน์ถึงความอดทนของพลเอกสุรยุทธ์ เพราะต้องพยายามสร้างความมั่นใจให้คนไทยและบุคคลภายนอกว่า กำลังนำประเทศกลับสู่ประชาธิปไตย แต่ขณะเดียวกันก็ต้องทำให้เพื่อนมิตรเก่าในกองทัพพึงพอใจด้วย

"เขาต้องทำให้ทหารอยู่ในแถว เขาต้องดูเหมือนกับมีความชอบธรรม เขาต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ดูเหมือนเป็นแค่ลูกสมุนหรือเป็นหุ่นเชิดของฝ่ายทหาร" นายฐิตินันท์บอกและเสริมว่า "เขายังต้องทำให้สิ่งต่างๆ ดำเนินไปได้ด้วย นี่เป็นการเลี้ยงตัวให้สมดุลซึ่งลำบากยากยิ่ง"

ด้านนายไมเคิล เนลสัน ซึ่งสอนรัฐศาสตร์อยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเช่นกัน กล่าวว่า การที่พลเอกสุรยุทธ์ได้รับงานนี้ เป็นสัญญาณแสดงว่าคณะทหารกำลังมองหาผู้นำซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดก่อนอื่นคือ สามารถสร้างความสามัคคีขึ้นภายในชาติ

"พวกเขาไม่ได้ต้องการส่งสัญญาณให้โลกทราบ พวกเขาต้องการส่งสัญญาณถึงชาวไทยร่วมชาติของพวกเขา"

"ทัศนะเช่นนี้คือ สิ่งสำคัญในเวลานี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ นั่นเราอาศัยพวกเทคโนแครตไปทำได้ สิ่งสำคัญในเวลานี้คือการทำให้เกิดความปรองดองขึ้นในประเทศไทย และพลเอกสุรยุทธ์ก็ถูกมองว่าสามารถทำให้บรรลุวัตถุประสงค์นี้ได้"

นักการทูตชาติตะวันตกผู้หนึ่งเห็นพ้องว่า การแต่งตั้งพลเอกสุรยุทธ์ จะได้รับความนิยมชมชื่นในประเทศไทยยิ่งกว่าในต่างประเทศ

"มันอาจจะดีสำหรับประเทศไทย และไม่ได้รับการต้อนรับในโลก" นักการทูตผู้นี้ซึ่งขอสงวนนามกล่าว

"ดูเหมือนว่าพลเอกสุรยุทธ์มีประวัติในทางบวกที่ชัดเจนและโปร่งใสยิ่ง เขาเป็นคนที่นำเอาทหารออกมาจากการเมืองและธุรกิจ มันทำให้เขาเป็นคนซึ่งได้รับความเคารพนับถือมาก ตอนนี้เขาต้องทำอย่างเดียวกันเลย นั่นคือการลากเส้นแบ่งระหว่างทหารกับการเมือง"


ไปข้างบน