"สนธิ" เดินสายแจงต่างชาติ ต้นเหตุ"รัฐประหาร"ครม.แม้ว
“สนธิ” บินลัดฟ้าสู่ลอนดอน-วอชิงตัน เตรียมแจงต้นเหตุ “รัฐประหาร” รับได้แม้ถูกต่างชาติมองถอยหลังเข้าคลอง แต่ดีกว่ามองไม่เห็นอนาคต ไม่มั่นใจ คปค.ปฏิรูปการเมืองสำเร็จ ฝากความหวัง คตส.เร่งเช็กบิล “ครม.แม้ว”
เมื่อวานนี้ (5 ต.ค.) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธปไตย กล่าวก่อนออกเดินทางไปเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ ว่า ในการเดินทางในครั้งนี้เป็นการเดินทางเพื่อไปสัมมนาเกี่ยวกับประเทศไทย หลังได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยลอนดอน หรือที่เรียกว่า School of Oriental adn African Studies ซึ่งเป็นศูนย์การศึกษาเกี่ยวกับภาคตะวันออกและแอฟริกา โดยในการสัมมนาในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก เนื่องจากข่าวที่ออกไปทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อประเทศไทย
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ จะมีการออกรายการกับสถานีบีบีซี ก่อน แต่ไม่แน่ใจว่า จะมีการแพร่ภาพให้คนไทยได้ดูในช่วงเวลาใด และเมื่อเสร็จภารกิจการชี้แจงที่ลอนดอนแล้วก็จะเดินทางไปที่ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อไป เพื่อพบปะกับคนไทยที่นั่น โดยอาจจะมีการเชิญสื่อมวลชนที่นั่นมารับฟังคำชี้แจงด้วย เนื่องจากสหรัฐอเมริการเป็นประเทศที่เข้าใจเราผิดมากที่สุด
ส่วนในวันจันทร์ก็จะเดินทางต่อไปนิวยอร์ก โดยกำลังติดต่ออยู่ว่าอาจจะมีการได้พูดคุยกับนิวยอร์กไทม์ และในตอนค่ำก็จะมีการปราศรัยกับคนไทยที่นั้น ซึ่งได้จองโรงแรมที่มีความจุ 400-500 คนไว้แล้ว
นายสนธิ กล่าวอีกว่า การที่ต่างชาติเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิวัติในครั้งนี้ ว่า เป็นการถอยหลังนั้นเป็นเรื่องของมุมมองที่ห้ามกันไม่ได้ ซึ่งเราอาจมองว่าไม่เป็นการถอยหลัง แต่ถ้าสังเกตจากการตั้ง ครม.ชุดนี้ก็นับว่าอาจเป็นการถอยหลังก็ได้ ซึ่งผมไม่ได้สนใจในเรื่องของ ครม.เท่าไร แม้จะมีหลายคนมองว่ามีคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลายคน แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่า ครม.ชุดนี้มีอายุแค่ 1 ปี คงทำอะไรมากไม่ได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นสภานิติบัญญัติมากกว่า
“ประเด็นการรัฐประหารที่ต่างชาติ มองว่า เราถอยหลังเข้าคลองนั้น เนื่องจากเขาไม่เข้าใจว่าในสมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว มีการผูกขาดรวบอำนาจหลายอย่าง ซึ่งผมเองยังมองไม่เห็นอนาคต แต่ภายใต้รัฐประหารอย่างน้อยผมเชื่อว่าเขาอยู่เพียงปีเดียวแล้วคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งอย่างน้อยที่สุดมันทำให้ผมมีความหวัง ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่ผมจะไปชี้แจงให้ต่างชาติเข้าใจ”
สำหรับการรัฐประหารครั้งนี้ สิ่งที่ผมพอใจที่สุด คือ การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และเป็นการตั้งในครั้งสุดท้ายในประกาศของ คณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 30
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ตนเองไม่มั่นใจกับการรัฐประหารในครั้งนี้ ว่า จะเกิดการปฏิรูปทางการเมือง เพราะมันเริ่มกลับเข้าไปสู่วงจรเดิมอีกครั้ง เนื่องจากการเลือกคนเข้ามาในสภานิติบัญญัติเป็นคนเดิม ที่เป็นการเอาคนไม่รู้เรื่องมา ซึ่งผมไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น เพราะจะทำให้เรากลับไปสู่จุดเดิม เนื่องจากสมาชิกนิติบัญญัติในชุดนี้ไม่ได้มีภาคประชาชนที่แท้จริงเข้าไปมีส่วนร่วม โดยเฉพาะภาคประชาชนที่ต่อสู้กับระบอบทักษิณ หมายถึงประชาชนที่ต่อสู้ในเรื่องนี้มาแต่ต้นแต่กลับถูกปล้นไป
“ผมไม่เห็นด้วยตั้งแต่ตนในการนำคนเดิมเข้ามาในสภานิติบัญญัติ ที่เป็นการเอาคนไม่รู้เรื่องมา เหมือนกับนำคนจำนวนมากมาเลือกหมอผ่าตัด โดยที่เขาไม่รู้ว่าหมอผ่าตัดคนไหนดีไม่ดี เพราะมันจะกลับไปสู่อีรอบเดิม”
นายสนธิ กล่าวอีกว่า การยึดอำนาจในครั้งนี้ถ้าดูให้ลึกๆ แล้วน่าจะเป็นการยึดเพราะว่าคนที่มีส่วนร่วมในขบวนการกลัวเสียอำนาจ สูญเสียตำแหน่ง แล้วพอมีการดำเนินการสำเร็จก็มีการแบ่งอำนาจ แบ่งตำแหน่งกันเอง จึงไม่ได้เป็นการยึดเพื่อปฏิรูปการเมือง แต่เป็นการยึดเพื่อปกป้องสถานภาพของตัวเอง
ส่วนการเดินสายชี้แจงในครั้งนี้ มีความจำเป็นที่ต้องช่วย เนื่องจากรัฐบาลหรือทหารทำแบบไม่ได้คิดถึงการปฏิรูปการเมือง
แต่ว่าทำแล้วคนที่แก้ต่างต้องเป็นประชาชนอย่างเรา โดยที่ไม่มีใครว่าจ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะชาติบ้านเมืองเป็นของผมด้วย และไม่สนใจว่าจะมีการซาบซึ้งกันหรือไม่ เพราะที่ทำไปเนื่องจากความจำเป็น และไม่ได้คาดหวังอะไร เพียงแต่ต้องการทำให้ดีทีสุดเท่านั้น
|