หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช
การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่จังหวัดนครราชสีมา
เชิญชม การ์ตูนแอนนิเมชั่น  เสี้ยวลิ้มยี่  (The Legend of Shaolin Kung Fu)
เชิญชม VDO น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
เชิญชม ประวัติศาสตร์การเมือง ตอน ปิดตำนานทักษิณ
เจ้าแม่กวนอิม
ชมตัวอย่างภาพยนตร์,หนัง
ฐานิยปูชา ๒๕๕๑

เที่ยวย่านภูเขาทอง ร่วมงานห่มผ้าแดง



ภูเขาทองยามราตรีที่มีผ้าแดงห่มคลุมดูงดงามไปอีกแบบ

ฉันรู้มาว่าในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้มีงานบุญที่น่าสนใจงานหนึ่ง ชื่องานว่า "งานย้อนยุคห่มผ้าแดง องค์พระเจดีย์บรมบรรพต (ภูเขาทอง)" ที่วัดสระเกศ ภูเขาทอง เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายที่อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศฉันเท่าใดนัก

ภูเขาทองของวัดสระเกศนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของกรุงเทพฯเลยก็ว่าได้ และการจัดงานห่มผ้าแดงให้องค์พระเจดีย์นี้ก็ได้จัดต่อเนื่องกันมานานหลายปีแล้ว คราวนี้ได้จัดขึ้นอีกเป็นงานใหญ่ มีการแสดงแสงสีเสียงต่างๆ มากมาย แต่คงมีคนสงสัยว่าทำไมต้องห่มผ้าแดงให้ภูเขาทอง? ตอนแรกฉันก็ข้องใจเหมือนกัน จนตอนหลังได้มารู้ว่าประเพณีการห่มผ้าแดงนี้มีที่มาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เล่ากันมาว่าหลังจากที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ 3 พรรษา ก็ได้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายภัยพิบัติต่างๆ ขึ้นที่เมืองเวสาลี โจรผู้ร้ายเข่นฆ่าชาวเมือง ผู้คนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรด ความเดือดร้อนเหล่านั้นก็หมดสิ้นไป





อนุสาวรีย์ ร.3 ณ ลานพลับพลาฯ เมื่อมองเข้าไปจะเห็นวัดราชนัดดาและโลหะปราสาทได้อย่างเด่นชัด

ชาวบ้านชาวเมืองต่างก็สรรเสริญพระองค์เป็นการใหญ่ แต่พระองค์ตรัสว่า ที่เป็นเช่นนี้มิใช่ความอัศจรรย์ แต่เป็นเพราะอานุภาพแห่งบุญบารมีที่พระองค์เคยเอาผ้าประดับบูชาเจดีย์ในอดีตชาติ ความเชื่อนี้จึงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน พุทธศาสนิกชนจึงนำเอาผืนผ้าสีแดงมาห่มคลุมให้องค์พระเจดีย์ โดยหวังให้ชีวิตในชาติหน้าของตัวเองมีความสงบร่มเย็น

ไหนๆ ฉันก็ชวนเที่ยวงานบุญห่มผ้าองค์พระเจดีย์แล้ว ก็ไปรู้จักกับภูเขาทอง หรือบรมบรรพตพร้อมๆ กันด้วยเลยดีกว่า ภูเขาทองนั้นอยู่ภายในบริเวณวัดสระเกศ หรือชื่อเดิมว่าวัดสะแก วัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยภายหลังพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดขึ้นใหม่ และขุดคลองรอบวัดชื่อว่า คลองมหานาค และได้เปลี่ยนชื่อเป็น"วัดสระเกศ" ในเวลาต่อมา




พระประธานสีทองดูขรึมขลังในพระอุโบสถวัดสระเกศ



สำหรับภูเขาทองแห่งวัดสระเกศนั้น สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยตอนแรกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นพระปรางค์มีฐานย่อมุมไม้สิบสอง แต่สร้างไม่สำเร็จในรัชกาล จนเมื่อถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จึงทรงให้เปลี่ยนแบบเป็นภูเขาก่อพระเจดีย์ไว้บนยอด

การก่อสร้างดำเนินมาเรื่อยๆ จนมาแล้วเสร็จในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่รัฐบาลอินเดียถวายแด่พระองค์มาประดิษฐานไว้ในเจดีย์องค์นี้ด้วย

และนอกจากงานบุญห่มผ้าแดงให้องค์พระเจดีย์แล้ว ที่วัดสระเกศก็ยังมีงานอีกงานหนึ่งที่เด็กๆ รวมทั้งผู้ใหญ่หัวใจเด็กต่างก็รอคอย นั่นก็คือ “งานวัดภูเขาทอง” ที่จะจัดขึ้นหลังจากได้ห่มผ้าพระเจดีย์เรียบร้อยแล้ว งานวัดภูเขาทองนี้ก็มีชื่อเสียงโด่งดังมานาน หลายคนก็ยังคงจำบรรยากาศนั้นได้ดี ฉันเองก็เคยพาเที่ยวงานวัดภูเขาทองไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ในปีนี้ใครอยากจะไปเที่ยวอีกก็เชิญได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม-7 พฤศจิกายน นี้

ส่วนสิ่งที่น่าสนใจอื่นในวัดสระเกศก็มี พระอุโบสถ ที่ภายในมีพระประธานสีทองเหลืองอร่ามดูขรึมขลังชวนให้สักการบูชาแล้ว ยังน่าชมด้วยงานจิตรกรรม ภาพทศชาติ ภาพมารผจญและภาพไตรภูมิ ฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ 3 ที่ผสมผสานกับการเขียนใหม่ของช่างใน รัชกาลที่ 7 เพราะภาพส่วนหนึ่งชำรุด ส่วนรอบพระอุโบสถมีซุ้มเสมาตั้งประจำทั้ง 8 ทิศ เป็นทรงกูบช้างหรือซุ้มหน้านางประดับกระเบื้องอย่างงดงาม รวมไปถึงหอไต ที่งดงามไปด้วยลวดลายศิลปกรรมและภาพจิตรกรรมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เพราะบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของชาวสยามในอดีตเมื่อเกือบสามร้อยปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังมีหอไตร ที่งดงามไปด้วยลวดลายศิลปกรรมและภาพจิตรกรรมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เพราะบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของชาวสยามในอดีตเมื่อเกือบสามร้อยปีที่ผ่านมา

แต่ไหนๆ ก็ได้มาเที่ยวในแถบวัดสระเกศ ทั้งที ฉันก็อยากจะพาเที่ยวในบริเวณนี้กันเสียหน่อย เพราะละแวกนี้มีสิ่งที่น่าสนใจให้เที่ยวชมมากมาย เริ่มจากในพื้นที่เขตป้อมปราบฯกันก่อน




ป้อมมหากาฬตั้งตระหง่านสีขาวเด่น



ชุมชนบ้านบาตร ชุมชนเก่าแก่ที่มีอาชีพทำบาตรพระขายมาช้านานตั้งแต่สมัยอยุธยา ซึ่งฉันได้เคยนำเสนอเรื่องราวของชุมชนแห่งนี้ไปแล้ว

สำหรับอารมณ์ท่องเที่ยววิถีชุมชนยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะแถบวัดสระเกศยังเป็นแหล่งรับทำเครื่องไม้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานไม้ชิ้นเล็กๆที่เป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้านหรือขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างประตู หน้าต่าง ที่หากเดินผ่านก็จะได้ยินเสียงไสไม้ แถมยังได้กลิ่นขี้เลื่อยมาแต่ไกลอีกด้วย ใครที่อยากจะได้งานไม้สวยๆ หรือสั่งทำประตูหน้าต่างก็สามารถสั่งทำที่นี่ได้

ความน่าสนใจของชุมชนย่านวัดสระเกศยังไม่หมดเท่านี้ เพราะที่นี่ยังเป็นแหล่งขายดอกไม้ไฟอันโด่งดัง จนได้รับการเรียกขานว่า "บ้านดอกไม้ไฟ" ซึ่งเมื่อก่อนนี้หากพูดถึงดอกไม้ไฟก็ต้องนึกถึงที่นี่ก่อนอันดับแรก มีขายตั้งแต่ประทัดเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงดอกไม้ไฟสวยงามขนาดใหญ่ แต่ตอนนี้ร้านดอกไม้ไฟก็เหลืออยู่เพียง 2-3 ร้านเท่านั้น เพราะการควบคุมดูแลในเรื่องของความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องไฟไหม้ที่เกิดได้ง่ายจากวัตถุไวไฟอย่างดินปืนซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของดอกไม้ไฟเหล่านี้




ร้านขายดอกไม้ไฟที่ยังเหลือไม่กี่ร้านในแถบภูเขาทอง



นอกจากวัดสระเกศและภูเขาทองแล้ว หากเดินมาหน่อยข้ามมายังเขตพระนครก็จะพบกับป้อมมหากาฬ 8 เหลี่ยม สีขาว ตั้งเด่นหราอยู่ ณ หัวมุมถนน ดำรงรักษ์ ป้อมแห่งนี้เป็นป้อมปราการเก่าแก่ตามมุมหักของกำแพงพระนครชั้นนอก สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งถือเป็นป้อมสมัยต้นรัตนโกสินทร์ 1 ใน 2 ที่ยังหลงเหลืออยู่ จากทั้งหมด 14 ป้อมคือป้อมมหากาฬกับป้อมพระสุเมรุ

นอกจากป้อมมหากาฬแล้ว ฝั่งตรงข้ามป้อม ตรงหัวมุมมหาไชยเป็นที่ประดิษฐานของ อนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ณ ลานพลับพลาเจษฎาบดินทร์ ที่เดิมเป็นที่ตั้งของโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย โดยบริเวณของลานเป็นสวนสาธารณะ ที่มีพลับพลาทรงไทยสวยงามน่าไปยืนถ่ายรูปคู่เป็นยิ่งนัก

จากลานพลับพลาฯเมื่อมองเข้าไปจะเห็น วัดราชนัดดารามวรวิหาร วัดที่รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างพระราชทานแก่พระเจ้าหลานเธอ หม่อมเจ้าหญิงโสมนัส ที่ภายหลังรัชกาลที่ 4 ทรงสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระนางโสมนัสวัฒนาวดี





พุทธศาสนิกชนร่วมกันแห่ผ้าแดงขึ้นไปยังภูเขาทอง



วัดแห่งนี้มีไฮไลท์คือโลหะปราสาทอันโดดเด่นสวยงาม ถือเป็นโลหะปราสาท หนึ่งเดียวในเมืองไทยที่ในโลกมีเพียง 3 องค์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ปัจจุบันกำลังอยู่ในการซ่อมแซม ซึ่งหากว่ามีโอกาสเหมาะเมื่อไหร่ฉันจะมาเดินทอดน่องและเก็บเรื่องราวอย่างละเอียดของโลหะปราสาทและสิ่งที่น่าสนใจในละแวกลานพลับพลานำเสนอแก่มิตรรักนักอ่านอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนทริปนี้ขออำลาด้วยการชวนคุณผู้อ่านไปเที่ยวงานบุญห่มผ้าแดงองค์ภูเขาทอง ที่หากว่าใครไปยังย่านนั่นแล้วละก้อ อย่าลืมเดินเท้าท่องเที่ยวชมชีวิตผู้คนในชุมชนแถบนี้ หรือไปชมแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่างๆในละแวกนั้น ซึ่งไหนๆไปทั้งทีก็ควรเที่ยวให้คุ้มค่ากับเวลาที่ใช้เดินทาง เพราะเป็นที่รู้ๆกันว่ากรุงเทพฯเมืองฟ้าอมรนั้นเป็นเมืองที่รถติดระยับในอันดับต้นๆของโลกทีเดียว

* * * * * * * * * * * * * * * * * *

งาน"ย้อนยุค ห่มผ้าแดงองค์พระเจดีย์บรมบรรพต (ภูเขาทอง)" รวมทั้งการแสดงแสงสีเสียงในชื่อชุด "การแสดงทัศนาจินตภาพ รัศมีแห่งพระบารมี บรมบรรพต เจดีย์ภูเขาทอง" จะจัดขึ้นในวันที่ 29-31 ตุลาคม 2549 โดยการแสดงจะจัดให้มีวันละ 1 รอบ เริ่มเวลา 19.00 น. ณ พระอุโบสถวัดสระเกศ ทีมนักแสดงประกอบด้วย อาจารย์วิโรจน์ ตั้งวานิชย์ พร้อมทั้งนักแสดงและแดนเซอร์ และนักเรียนโรงเรียนวัดสระเกศอีกกว่า 80 คน

ส่วนการห่มผ้าแดงให้องค์พระเจดีย์จะมีขึ้นในวันที่ 29 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 05.30 น. จะมีการเริ่มริ้วขบวนแห่ผ้าแดงออกจากวัดสระเกศ เพื่อแห่ไปยังชุมชนรอบๆ วัด ก่อนจะนำผ้าแดงขึ้นห่มองค์พระเจดีย์ในเวลา 07.00 น. โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ องค์ประธานในพิธีกล่าวสัมโมทนียกถา ณ ศาลาจารุนิธิ์ ทางขึ้นบรมบรรพต ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมงานกรุณาแต่งกายแบบไทยย้อนยุค หรือเสื้อฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และงานวัดภูเขาทอง จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม-7 พฤศจิกายน 2549

สำหรับวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ 344 ถ.จักรพรรดิพงษ์ แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. มีรถประจำทางสาย 8, 15, 37, 47, 49, 38 ผ่าน

สอบถามรายละเอียดงานห่มผ้าแดงภูเขาทองและข้อมูลวัดสระเกศเพิ่มเติมได้ที่ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โทร.0-2281-2853






ไปข้างบน