ผู้ว่าฯหนองคายสั่งทุกพื้นที่ห้ามจัดโชว์-เต้นโคโยตี้ล่อแหลม
ภาพที่ไม่ควรเกิดขึ้นในงานประเพณีทางศาสนา โดยเฉพาะการจัดเต้นโชว์ล่อแหลมยั่วยุทางเพศใกล้บริเวณวัด
หนองคาย-ผู้ว่าฯหนองคายแจงเต้นโคโยตี้เป็นการฉวยโอกาสของภาคเอกชนที่เปิดเช่าพื้นที่ขายสินค้าข้างวัดไทย ในโพนพิสัย เห็นคนชมบั้งไฟแน่นจึงนำโคโยตี้มาเต้นเรียกลูกค้า สั่งกำชับทุกหน่วยงานห้ามอนุญาตจัดกิจกรรมเช่นนี้ในวัด ย้ำทุกโรงเรียนงดส่งเสริมเด็กนุ่งน้อยห่มน้อยเต้นโชว์
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (30 ต.ค.) ที่ห้องประชุมปทุมเทวาภิบาลชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดหนองคาย นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวในที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดหนองคาย ประจำเดือนตุลาคม 2549 ถึงกรณีที่กระทรวงวัฒนธรรมได้รับหนังสือจากสำนักราชเลขาธิการระบุว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชปรารภเรื่องการแต่งกาย โดยพระองค์ได้ทอดพระเนตรงานบั้งไฟพญานาคที่ จ.หนองคาย ผ่านสถานีโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดออกมา มีภาพผู้หญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อย แสดงท่าเต้นด้วยท่าทางที่ยั่วยุทางเพศเป็นอย่างยิ่ง
โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชกระแสว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาโลก มีชาวต่างประเทศที่มีจิตศรัทธามาบวชในประเทศไทยมากมาย พระพุทธศาสนาในประเทศไทยก็มีมากว่า 800 ปีแล้ว หล่อหลอมให้คนไทยมีความสุภาพอ่อนโยน เมตตา กรุณา วันสำคัญทางศาสนาก็เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนควรน้อมรำลึกถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความเคารพ การจัดการแสดงใดๆ ในวันเหล่านี้จึงควรพิจารณาด้วยจิตสำนึกของความเป็นพุทธศาสนิกชน รู้กาลเทศะ ตลอดจนคำนึงถึงชื่อเสียงของประเทศไทยด้วย
นายสุพจน์ กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.49 ซึ่งเป็นวันออกพรรษาบั้งไฟพญานาค ทางเทศบาลตำบลโพนพิสัย อ.โพนพิสัย ได้จัดกิจกรรมและมีการให้ภาคเอกชนเช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้าข้างวัดไทยและมีร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์รายหนึ่ง คือ ร้านซันมอเตอร์ มาเช่าพื้นที่จัดบู๊ทห่างจากวัดเพียง 30 เมตรเท่านั้นและฉวยโอกาสนำนักเต้นโคโยตี้มาเต้นเรียกลูกค้าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
เมื่อมีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวนี้ออกไปทางผู้ว่าฯ ได้เรียกผู้ประกอบการมาชี้แจง ซึ่งทางผู้ประกอบการได้ขอโทษถึงการกระทำดังกล่าวที่เป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ รวมทั้งทำหนังสือชี้แจงต่อทางจังหวัดและทางจังหวัดได้ทำหนังสือชี้แจงถึงสำนักราชเลขาและกระทรวงมหาดไทยแล้ว
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้หลายคนเมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวเข้าใจว่าเป็นหนึ่งในงานที่ทางอำเภอหรือจังหวัดจัดขึ้น ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ใช่ แต่ทางเทศบาลตำบลโพนพิสัยและอำเภอโพนพิสัยต้องรับผิดชอบที่ปล่อยให้มีการกระทำดังกล่าว ถึงแม้จะให้เอกชนเช่าที่แต่ก็ต้องตรวจสอบการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้เช่าด้วย การที่สื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวนี้จะไปโทษสื่อไม่ได้ เนื่องจากสื่อต้องนำเสนอในสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องดูแลแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ต้องหาต้นตอของเหตุไม่ใช่ไปโทษว่าเป็นเพราะสื่อนำเสนอ
ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ยังกล่าวอีกว่า ทางจังหวัดได้ให้ความสำคัญกับการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามอยู่แล้ว ซึ่งมีมาตรการหลากหลาย ไม่ใช่เป็นการวัวหายล้อมคอก แต่ทางจังหวัดมีมาตรการป้องกันการกระทำที่ไม่เหมาะสมได้
โดยช่วงการประชุมเตรียมจัดงานบั้งไฟพญานาคก็ได้กำชับให้ทุกอำเภอจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์และยึดประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามไว้ โดยมอบหมายให้นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้ดูแลงานด้านนี้ กำชับให้ทุกอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
หากจะมีการจัดกิจกรรมในวัดไม่อนุญาตให้มีกิจกรรมการเต้นโชว์ เต้นยั่วยุทางเพศ แม้กระทั่งการเล่นเกม การพนัน เช่น เกมปาเป้า ในวัดอย่างเด็ดขาด หากมีผู้จัดซึ่งทราบว่าเป็นลักษณะรถเร่จากต่างจังหวัดมาจัดเล่นเกมปาเป้าเหล่านี้ให้ทางตำรวจดำเนินการได้ทันที หากตำรวจไม่ดำเนินการจะให้กองร้อยอาสา จ.หนองคาย เป็นผู้จับเอง ทุกฝ่ายอย่าปฏิเสธความรับผิดชอบ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันควบคุมสอดส่องดูแลไม่ให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีก
ส่วนทางโรงเรียนให้ผู้บริหารโรงเรียนทุกแห่งในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหนองคายเขต 1,2,3 งดส่งเสริมกิจกรรมเด็ก เยาวชนประเภทการเต้น การนุ่งน้อยห่มน้อย การเต้นยั่วยุ ครูต้องให้ความสำคัญอย่าหลงไปตามกระแส ต้องสั่งสอนเด็กให้รู้จักคิด รู้จักอาย ซึ่งหากพบว่ายังมีโรงเรียนหรือวัดใดจัดกิจกรรมต้องห้ามพวกนี้ อย่าเชิญผู้ว่าฯหรือนายอำเภอไปเป็นประธานเปิดงานเด็ดขาด
|