|
โคโยตี้ที่รัก โคโยตี้ที่วัด..
ภาพที่ไม่ควรเกิดขึ้นในงานประเพณีทางศาสนา โดยเฉพาะการจัดเต้นโชว์ล่อแหลมยั่วยุทางเพศใกล้บริเวณวัด
ใครจะมองอย่างไรก็ว่ากันไป...แต่สำหรับผมถือว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงแสดงความห่วงใยเรื่องสาวนักเต้นที่เรียกกันว่า “โคโยตี้” นุ่งน้อยห่มน้อยไปเต้นโชว์กันกลางวัด ในงานบุญบั้งไฟ ที่จ.หนองคาย...
และสำนักงานราชเลขาธิการของพระองค์ท่านได้ทำหนังสือความเป็นห่วงดังกล่าวไปยังกระทรวงวัฒนธรรม...
ตอนนี้เลยออกมาเต้นกันหลายหน่วยงาน หลายกระทรวง ทราบว่า..วันที่ 3 พ.ย.นี้ กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับสังคมจะล้อมวงสัมมนากันให้เป็นเรื่องเป็นราว ยกระดับเรื่องนี้ให้เป็นวาระแห่งชาติกันเลยทีเดียว...
ก็ดีครับ คนละไม้คนละมือ ร่วมด้วยช่วยกันอย่างสอดคล้องสัมพันธ์ และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน..
แต่ระวังไว้หน่อยว่า ล้อมวงกันทั้งทีอย่าเสียเวลาถกกันแต่เรื่อง “โคโยตี้” เรื่องเดียว ควรที่จะหารือกันถึงปัญหาอื่นๆ ทางสังคมที่เกี่ยวโยงไปด้วยเลย...
เรื่องของสาวเชียร์เบียร์, การห้ามขายเหล้าให้กับผู้มีอายุไม่ถึง 20 ปี, เรื่องของพริตตี้,เรื่องของสถานบันเทิงรอบรั้วสถานศึกษา, เรื่องของการตั้งตู้ขายถุงยางอนามัยในสถานศึกษา ฯลฯ...
โอ๊ย สารพัดปัญหา สงสัยว่าสัมมนากันวันเดียวไม่พอหรอก ต้องนัดกันอีกครั้งว่ากันให้เป็นเรื่องเป็นราว กำหนดประเด็น กำหนดวาระให้ชัดเจน..
ถ้าทำได้จะดีมาก ดีกว่าต่างคนต่างทำ หันหน้าไปคนละทาง สร้างดาวกันคนละดวง อย่างที่ผ่านมาบางกระทรวงทำเท่เร็วจนเกินไปก็ตกม้าขาแพลงไปแล้วแบบเห็นๆ กรณีการห้ามโฆษณาเหล้า...
จำเพาะวันที่ 3 พ.ย.คุยกันให้สะเด็ดน้ำเรื่อง “โคโยตี้” เรื่องเดียวก็พอ ถือเป็นปัญหาเฉพาะหน้า...
อันที่จริงเรื่อง “โคโยตี้” บุกวัด สกัดได้ไม่ยากเลย หากว่า มหาเถรสมาคมหรือ มส.กำชับไปยังวัดทุกวัดว่าห้ามเด็ดขาด เจ้าอาวาสวัดไหนปล่อยให้มีการแสดงในลักษณะวาบหวิวแบบโคโยตี้ โป๊ลามก หรืออนาจาร แบบจ้ำบ๊ะ ฯลฯ ถือเป็นการละเมิดจริยาสังฆาธิการ ต้องถูกลงโทษ ตั้งแต่ภาคทัณฑ์ยันถอดถอน..
ทุกวันนี้ วัดได้ถูกรุกรานด้วยลัทธิพุทธพาณิชย์ ลัทธิบริโภค ความเห็นแก่ตัวของพ่อค้าแม่ขาย ตลอดจนมัคนายกที่มีวาระแฝงเร้น...
วัดไหนที่มีเจ้าอาวาสหรือพระเณรที่แข็งแรงในหลักธรรม ก็พอจะห้ามปรามหรือหยุดกลุ่มคนดังกล่าวได้ วัดไหนที่เจ้าอาวาสหรือกรรมการวัดพลอยหลงใหลได้ปลื้มกับผลประโยชน์เข้าวัดเล็กๆ น้อยๆ ก็ปล่อยให้อบายมุขคุกคามถึงขอบเขตขันธสีมา
พูดก็พูดเถอะ...โคโยตี้บุกวัดนั้นเป็นภาพกว้างที่ดูแล้วพุทธบริษัทย่อมรู้สึกร้าวรานจิตใจอย่างไม่ต้องสงสัย
ในขณะที่อีกด้านหนึ่งโคโยตี้ก็กำลังเบ่งบานเป็นดอกเห็ดกลางฤดูฝนในกรุงเทพฯ เมืองหลวง และเมืองใหญ่เมืองเล็กทั่วไทย...
ผมกวาดสายตามองไปแล้วก็รู้สึกใจหายใจคว่ำในความเป็นไป...อยู่ครามครัน
จาก “โคโยตี้” ที่หมายถึงหญิงสาวนักเต้น ชุดวาบหวิวที่เลียนแบบมาจากหนังเรื่อง โคโยตี้ อักลี บาร์ห้าวสาวฮอต (Coyote Ugly)จากชื่อสถานบันเทิง โคโยตี้อักลี ซาลูน บาร์แห่งหนึ่งในมหานครนิวยอร์ก ซึ่งให้พนักงานหญิงโชว์เต้นบนเคาน์เตอร์เพื่อความบันเทิงแก่แขก จนมาถึงปรากฏการณ์ครั้งแรกของสาวโคโยตี้เมืองไทยที่ฟอร์เต้ บาร์ชื่อดังในซอยสุขุมวิท 24 เมื่อปี 2545..
วันนี้โคโยตี้ไทย...เดินทางมาไกลเกินกว่าที่คิด ไกลเกินกว่าความบันเทิงธรรมดา...
ยอมรับว่า ผมเองผ่านการชม พูดคุยกับบรรดาโคโยตี้มา 3- 4 ครั้ง
มีทั้งน้องๆ ที่กำลังจะต่อปริญญาโท, กำลังเรียนปริญญาตรี -ปวส.-ปวช.,จบม.6 - ปวช.-ปวส. แต่ยังไม่มีงานทำ...
ในจำนวนเหล่านั้น มีบางคนที่ชอบความสนุกร่าเริง ทำงานหาเงินเรียนหนังสือ, บางคนหาประสบการณ์ให้ชีวิตและอาจจะแอบวาดหวังว่าจะพานพบคู่ชีวิตฐานะดี, บางส่วนไม่ปฏิเสธการขายบริการทางเพศหากการพูดคุยและค่าตอบแทนถูกใจ..
แต่ในภาพรวมชีวิตของพวกเธออยู่ในความเสี่ยงภัย...ถูกแวดล้อมด้วยสังคมที่มีค่านิยมฟุ้งเฟ้อเสียเป็นส่วนใหญ่...
มีบ้างเหมือนกันที่หลุดรอดจากลัทธิบริโภค ค่านิยมฟุ้งเฟ้อมาได้ แต่น้อย...
จะอย่างไรก็ตาม วันนี้สาวโคโยตี้ไทย ซึ่งแม้จะยังบานเป็นดอกเห็ด แต่ก็ยังมีจำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับจำนวนวัยรุ่นหนุ่มสาวทั้งประเทศ แต่ประเด็นสำคัญที่น่าคิดเป็นอย่างยิ่งก็คือ ขณะนี้นักเรียน นักศึกษาหญิงจำนวนมากไม่เคอะเขิน หากแต่มาดมั่นในการเดินไปสู่วิถีโคโยตี้...สาวนักเต้นในชุดวาบหวิวและเซ็กซี่สุดๆ
ประทานโท ษ บางครั้งผมดูการแต่งกายของเชียร์ลีดเดอร์บางสถาบัน มันก็น้องๆ หรือแทบไม่ต่างจากสาวโคโยตี้...ผมกำลังบอกว่า สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย ควรจะได้เหลือบแลใส่ใจการแต่งกายของนักศึกษาของตนเองบ้าง...พร้อม ๆ กับการปลูกฝังเรื่องจริยธรรม..เรื่องวิธีคิดและค่านิยม..
กระทรวงวัฒนธรรมไม่ต้องไปกำหนดอายุสาวพริตตี้ สาวโคโยตี้ ว่าต้องอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีหรอก เพราะนั่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญอยู่ตรงที่ว่าจะอายุ 18 หรือ 28 หรือ 38 หรือกี่ปีก็ตาม หากกระทำอนาจาร เต้นโป๊เปลือยในสถานที่สาธารณะ หรือในวัดย่อมไม่เหมาะสมทั้งสิ้น..
การที่เราปล่อยให้โคโยตี้บุกเข้าไปในวัด หรือแม้กระทั่งไปจัดสวนเบียร์กันในวัด มันแสดงถึงความอ่อนแอ ปวกเปียกของสังคมไทยโดยรวม โดยเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ...
ครับ สำหรับผมนอกจากตัวเองจะรู้สึกว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชีนีนาถ ทรงเป็นห่วงกรณีโคโยตี้แสดงกลางวัดแล้ว ยังทำให้ผมนึกถึงพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ตรัสแก่ ครม.รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์วันถวายสัตย์ปฏิญาณ...
พระองค์ทรงรับสั่งถึงปัญหาน้ำท่วมตอนหนึ่งว่า ที่จริงปริมาณฝนก็ไม่ได้มากไปกว่าเมื่อก่อน แต่ปัญหาน้ำท่วมมันรุนแรงหนักหนาสาหัสมาก เพราะว่าเรา “ไม่ได้รักษาบ้านเมืองมานาน”
โคโยตี้บุกวัดก็เหมือนกันล่ะครับ...เราหละหลวม ปล่อยปละละเลยมานาน!
อ่อนแอ และเละตุ้มเป๊ะกันไปหมดแล้ว!!
| |