รื่นเริงงานวัด...คลาสสิคสยาม
ชิงช้าสวรรค์เครื่องเล่นคลาสสิคประจำงานวัด
พูดถึงงานเทศกาลรื่นเริงที่มากับลมหนาว วัยรุ่นสมัยนี้อาจจะพุ่งเป้าไปที่เทศกาลงานเบียร์เฟสติวัลตามที่ว่างหน้าห้างต่างๆ แต่หากเป็นคนยุคคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย เทศกาลรื่นเริงที่มาคู่กับลมหนาวก็คือ “งานวัด” นั่นเอง ทั้งที่จริงๆแล้วงานวัดก็คืองานบุญประจำปีที่แต่ละวัดต่างก็ถือฤกษ์ ถือยาม ถือข้างขึ้น ข้างแรม ถือวันมงคลในการจัดงานแตกต่างกันออกไป อาทิ งานปิดทองพระพุทธบาทจำลอง งานปิดทองฝังลูกนิมิต งานไหว้พระบรมสารีริกธาตุ งานปิดทองหลวงพ่อ งานฉลองโบสถ์ ฯลฯ
แต่เนื่องจากงานวัดจัดกันกลางแจ้ง เมื่อหมดฝน ลมหนาวมา งานประจำปีของวัดต่างๆก็ตามมา คนรุ่นก่อนจึงถืองานวัดเป็นเทศกาลที่มาพร้อมกับหน้าหนาวโดยปริยาย (สมัยก่อนเมืองไทยยังมีหน้าหนาวอย่างชัดเจนให้สัมผัส)
โดยจะมีตั้งแต่ช่วงต้นหนาวไปจนถึงปลายร้อนของอีกปี ก่อนจะไปหยุดพักอีกครั้งในช่วงฝน
นี่คือวัฏจักรของงานวัดทั่วๆไปในเมืองไทย ซึ่งหากมองย้อนกลับไปในอดีตความน่าสนใจของงานวัดเปรียบกับยุคนี้ก็คงคล้ายๆกับดัง ห้างสรรพสินค้า เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ หรือศูนย์รวมความบันเทิงต่างๆ
ที่สำคัญก็คืองานวัดในอดีตถือเป็นศูนย์รวมความบันเทิงของคนทุกเพศทุกวัยเสียด้วยสิ
โชว์ประเภทแปลกประหลาดถือเป็นหนึ่งในเสน่ห์ของงานวัด
1…
"ครั้งหนึ่ง ครั้งหนึ่งเธอจำได้ไหม สองเราเคยเที่ยวงานวัดบ้านใต้ ทำบุญปิดทององค์พระมาลัย ก่อพระเจดีย์ทรายร่วมกัน..."
เพลงงานวัด : วงเพื่อน
สมัยวัยเยาว์ยุคแฟนฉัน ผมค่อนข้างคุ้นเคยกับงานวัดเป็นอย่างดีเพราะตอนบ้านอยู่ต่างจังหวัด ทุกๆปีวัดในละแวกบ้านไปจนถึงวัดดังต่างอำเภอจะมีการจัดงานประจำปีตามฤกษ์ใครฤกษ์มัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นในช่วงหน้าหนาว
สำหรับงานวัดยุคโน้นรูปแบบหลักๆถือว่าไม่ได้แตกต่างจากงานวัดสมัยนี้เท่าใดนัก เป็นแหล่งรวมเครื่องเล่น กิจกรรม และสินค้าสารพัดสารพัน ที่พอยุคสมัยเปลี่ยน เครื่องเล่น สินค้า และกิจกรรมบางอย่างก็เปลี่ยนไป แต่กระนั้นเครื่องเล่นอย่าง ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ก็ถือเป็นเครื่องเล่นคลาสสิคคู่งานวัดที่เด็กๆชอบนักชอบหนา
ครั้งแรกที่ผมขึ้นชิงช้าสวรรค์นั้นค่อนข้างตื่นกลัว แต่พอขึ้นไปได้สัก 2-3 ครั้งเริ่มชิน และเริ่มชอบ
ส่วนม้าหมุน ยุคผมนอกจากตัวช้าง ม้า เป็ด แล้ว ยังมีพวกฮีโร่ญี่ปุ่น(หากเป็นสมัยนี้อาจจะเรียก J-Hero) ที่มีเหล่าไอ้มดแดงกับอุลตร้าแมนเป็นตัวชูโรง
แน่นอนว่าตัวที่เป็นพระเอกสุดๆในบรรดาฮีโร่ญี่ปุ่น หากเป็นชุดไอ้มดแดงก็เห็นจะเป็น“มดเขียว วี 3” ที่พอใครได้ขึ้นขี่เจ้าตัวนี้เท่านั้นแหละ จะต้องทำท่าถูมือ พร้อมออกแอคติ้งและตะโกนว่า “บูดๆเบี้ยวๆขอเป็นมดเขียว วี 3” กันแทบทั้งนั้น ส่วนพวกที่แห้วบางคนถึงกลับร้องไห้ บางคนไม่ยอมขึ้นให้พ่อแม่จ่ายเงินฟรีแล้วรอขึ้นรอบใหม่แทน ส่วนถ้าเป็นชุดอุลตร้าแมนก็ต้องอุลตร้าทาโร่ ที่มี 2 เขา ที่พอขึ้นไปแล้วก็ต้องจำ 2 เขาโยกเล่นพร้อมทำท่าปล่อยแสง...ปรี๊ด...ปรี๊ด
ม้าหมุน เครื่องเล่นที่เด็กๆชอบนักชอบหนา
นั่นถือเป็นของเล่นเล็กๆน้อยๆตามงานวัดที่ยังคงคลาสสิคไม่เสื่อมคลาย เพราะทุกวันนี้ทั้งชิงช้าสวรรค์และม้าหมุนก็ยังคงเป็นตัวชูโรงของงานวัดอยู่ ซึ่งจริงๆแล้วของเล่นทั้งสองอย่างนั้นเลียนแบบมาจากฝรั่งเมื่อราว 50 ปีที่แล้ว แต่ว่าคนไทยสามารถนำมาประยุกต์เล่นในงานวัดได้อย่างกลมกลืนลงตัว และปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตามยุคสมัย อย่างชิงช้าสวรรค์ยุคนี้ก็ทำให้ใหญ่ขึ้น มีสีสันมากขึ้น ส่วนม้าหมุนนั้นก็เปลี่ยนบรรดาฮีโร่ของเด็กๆไปตามยุคสมัย
นอกจากของเล่นคลาสสิคอย่างม้าหมุนและชิงช้าสวรรค์แล้ว ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของงานวัดโดยเฉพาะตามต่างจังหวัดก็คือ “หนังกลางแปลง” ที่มีทั้งหนังขายยา ขายของ วัดไหนรวยก็จะมีหนังกลางแปลงตั้งแต่หัวค่ำไปยันเช้า ฉายไป หยุดพักขายยา ขายของไป แถมคนพากย์ก็เก่งมากๆ คนเดียวพากย์ได้เสียงพระเอก นางเอก ผู้ร้าย เด็ก คนแก่...เอากะเขาสิ
สำหรับผมมีงานวัดครั้งหนึ่งที่ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่และยังจำได้ไม่ลืมก็คือ ครั้งนั้นเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด และค้างอยู่ที่นั่นประมาณ 3 วัน บังเอิญช่วงที่ไปนั้นวัดแถวบ้านญาติมีการจัดงานประจำปี มีหนังกลางแปลงฉายตั้งแต่หัวค่ำไปจนถึงประมาณ ตี 2 เห็นจะได้
สมัยนั้นผมเป็นเด็กออกไปดูกับญาติรุ่นราวคราวเดียวกัน ดูไปได้ประมาณ 5 ทุ่ม เกิดอาการง่วงก็กลับมานอนหลับปุ๋ยแล้ว
ครั้นพอวันรุ่งขึ้นญาติที่ไปเที่ยวงานวัดด้วย มาปลุกผมตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันแจ้ง
“ตื่นๆ ไอ้...ไปงานวัดเร็ว ไปหาตังค์ใช้กัน”
หะแรกผมก็งงว่า มันปลุกผมไปงานวัดทำไมตอนเช้ามืด เพราะงานเขาจบไปแล้ว แต่ว่าพอไปถึงงานนอกจากขยะที่ทิ้งไว้แล้ว ญาติผมบอกให้เดินก้มดูตามพื้น เพราะอาจมีคนทำเงินตกไว้ ว่าแล้วเราก็แบ่งสายกันเดินก้มหน้างุดๆดูตามพื้น
งานนี้เรา 2 คนไม่ผิดหวังด้วยประการทั้งปวง เพราะญาติผมในฐานะที่เป็นมืออาชีพมันเก็บได้แบ๊งค์ร้อยใบแดงๆ 1 ใบ ส่วนผมเก็บได้ใบละยี่สิบ 2 ใบ ซึ่งในยุคแฟนฉันเงินจำนวนนี้ถือเป็นค่าขนมสำหรับเด็กที่พอตัวทีเดียวแหละ
...เงินค่าขนมที่เก็บได้เหล่านี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นอานิสงส์ผลบุญที่ได้จากงานวัดหรือเปล่า???
ปืนอัดลม นี่ก็เป็นของเล่นประจำงานวัดเช่นกัน
2…
“...เที่ยวเดินจนเพลียผ่านโรงเมียงู ผู้ชายชอบดูเพราะตาได้กินอาหาร...”
บางท่อนจากเพลงชิงช้าสวรรค์ : ขับร้องโดย ศุ บุญเลี้ยง
จากวัยเด็กพอเริ่มเป็นวัยรุ่น(มัธยม) เริ่มเบื่อและอายในการเล่น ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน เพราะมองว่าเป็นของเล่นเด็กไปแล้ว
นี่อย่างพวกเราวัยจ๊าบต้องไปเดินดูสาว เดินจีบสาว และเดินดูโชว์ต่างๆที่งานวัดหลายแห่งถือเป็นแหล่งรวมโชว์ต่างๆที่ฟังชื่อแล้วน่าแปลกไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก 2 หัว ผีกระสือ ผีกระหัง เด็กประหลาด ที่พอตีตั๋วเขาไปปรากฏว่าถูกหลอกทั้งเพ
ส่วนที่ไม่หลอกก็เห็นจะเป็นละครลิง รถไต่ถัง และที่สนุกที่สุดก็เห็นจะเป็นสาวน้อยตกน้ำ เพราะยามที่ปาถูกเป้าแล้วสาวๆตกน้ำนี่จะเฮกันลั่นทีเดียว ส่วนสาวๆก็ต้องทนหนาวรอตกน้ำอีกต่อไปจนกว่าจะเลิกงาน
นอกจากนี้ก็ยังมีเมียงูที่หนุ่มๆ โดยเฉพาะวัยรุ่นชอบกันมาก ทั้งๆที่รู้ว่าเมื่อเข้าไปแล้วจะเจออะไร แต่ก็มักจะหาโอกาสเข้าไปชมอยู่เสมอ แถมบางครั้งเจอเมียงูหน้าตาจิ้มลิ้ม ผมกับเพื่อนๆยังมีการร้องเพลงแซวอีกต่างหาก
“บาทเดียวดูเพลินอะไรไม่เกินเมียงู ลูบได้คลำได้ ลูบได้คลำได้ แต่อย่าเอาไม้แหย่รู”
เมียงูหลายคนเจอเพลงนี้เข้าไปออกอาการหน้าเขียวปัด ดูท่าทางว่าพวกหล่อนอยากจะให้คนร้องถูกงูกัดตายเต็มแก่!?!
แต่หากมาในยุคนี้งานวัดบางแห่งเมียงูหรือสาวน้อยตกชิดซ้ายไปเลย เมื่อเจอลีลาของสาวโคโยตี้เข้าไปยักย้ายส่ายสะโพกในวัด จนทำเอาทั้งฆราวาสและบรรพชิตสมาธิแตกไปตามๆกัน
ใครหนอช่างคิดช่างทำกันได้ ขนาดในวัดก็ยังไม่ละเว้น แทนที่จะได้อานิสงส์ผลบุญเลยกลายเป็นได้อานิสงส์ผลบาปแทน
เมื่อไปเที่ยวงานวัดแล้วอย่าลืมไปไหว้พระทำบุญด้วย
3…
ครั้นมาถึงวันทำงานในยุคปัจจุบัน แม้ว่างานวัดยิ่งมายิ่งลดน้อยถอยลง แต่ว่าหากมีโอกาสก็จะพาคนรู้ใจไปเดินเที่ยวงานวัด แม้ว่าบางครั้งคนจะแน่นเอี๊ยดต้องใช้วิธีไหลไปแทนการเดินอย่างกับงานวัดสระเกศหรืองานวัดภูเขาทองก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหาโอกาสไปเดินงานวัดอยู่ดี
เพราะเวลาเดินงานวัดคราใด มันเหมือนกับการย้อนวัยไปในยุคแฟนฉัน เป็นการโบยบินของอารมณ์และจินตนาการกลับไปสู่วัยเยาว์อีกครั้ง
นอกจากนี้ผมยังรู้สึกว่าอานิสงส์ของการเที่ยวงานวัด มันช่วยให้เราได้บุญติดตัวกลับไป
ไม่มากก็น้อย!?!
*********************************
ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-7 พ.ย. นี้ ที่วัดสระเกศจะมีงานประจำปี หรืองานวัดสระเกศหรืองานวัดภูเขาทอง ควบด้วยงานห่มผ้าแดงภูเขาทองหรือบรมบรรพต ในวันที่ 29-31 ต.ค. และงานลอยกระทง ใน วันที่ 5 พ.ย. ซึ่งนี่คืองานวัดยอดนิยมและโด่งดังของกรุงเทพฯ สำหรับผู้ที่อยากสัมผัสกับ“งานวัด”มหกรรมรื่นเริงแบบไทยๆ ก็สามารถไปเที่ยวชมกันได้ตามอัธยาศัย แต่ทั้งนี้ควรระวังพวกมิจฉาชีพไว้ด้วย
หมายเหตุ : ภาพจากงานวัดภูเขาทองปีที่แล้ว
|