หมาป่ากับเทพพิทักษ์
ยังมีหมาป่าผอมโซตัวหนึ่งหาอะไรกินไม่ได้มาหลายวันแล้ว มันเลยร้องคร่ำครวญขอให้เทพารักษ์ผู้ดูแลป่าเขาช่วยด้วย
“ท่านเทพารักษ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่อยากเป็นหมาป่าแล้ว เพราะหากินลำบาก เหลือเกิน ข้าอยากไปเป็นหมาบ้าน ที่มีคนเลี้ยงดู จะได้ไม่อดๆอยากๆ”
ด้วยความสงสารเทพารักษ์จึงเสกให้เจ้าป่าหมาป่าได้เป็นหมาบ้านสมความปรารถนา แต่นานไปเจ้าหมาป่าที่กลายเป็นหมาบ้านก็มาร้องขอให้เทพารักษ์ช่วยอีก
“ท่านเทพารักษ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่อยากเป็นหมาบ้านแล้ว เพราะข้าไม่ได้พักผ่อน เลย ต้องคอยเฝ้าเวรยามเห่าหอนทั้งวันทั้งคืน ข้าอยากเป็นชาวนาเจ้าของหมา จะได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง”
เทพารักษ์ฟังแล้วก็เห็นใจ จึงเสกให้หมาป่าได้เป็นชาวนาสมใจ หลังจากนั้นไม่กี่ปีเจ้าหมาป่าที่กลายเป็นชาวนาก็กลับไปหาเทพารักษ์องค์เดิม
“ท่านเทพารักษ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่อยากเป็นชาวนาแล้ว เพราะอายุข้ามากขึ้นแต่ ต้องทำงานหลังคดหลังแข็งทั้งวัน เหนื่อยสายตัวแทบขาด ข้าขอไปเป็นพ่อค้าดีกว่า”
เทพารักษ์ผู้มีเมตตาจึงเสกให้หมาป่าได้กลายเป็นพ่อค้าสมหวังดังใจ ค้าขายได้ ไม่นาน เจ้าหมาป่าที่เป็นพ่อค้าก็รู้สึกเบื่อที่ต้องเดินทางไปมาค้าขายอยู่ตลอด จึงได้ เข้าไปกราบไหว้บนบานกับเทพารักษ์ขอเป็นขุนนาง
“ท่านเทพารักษ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่อยากเป็นพ่อค้าแล้ว เพราะต้องเดินทางค้า ขายอยู่ตลอด นานๆจึงจะได้กลับบ้านช่อง ข้าเป็นห่วงลูกเมียมาก ขอให้ข้าได้เป็น ขุนนางเถอะ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ข้าจะไม่ลืมพระคุณท่านเลย”
ฝ่ายเทพารักษ์เห็นว่าหมาป่าขอเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว จึงได้เสกให้กลายเป็นขุนนาง แต่เพิ่งเป็นขุนนางไม่ทันไร เจ้าหมาป่าก็วางอำนาจอวดเบ่งอวดใหญ่ไปทั่ว ผู้คนต่าง ก็พากันเกรงกลัว จนวันหนึ่งเจ้าหมาป่าในร่างขุนนางคิดอยากเป็นเจ้าเมือง จึงได้ไปขอกับเทพารักษ์อีก แต่คราวนี้เทพารักษ์ไม่ให้ เพราะเห็นว่าเจ้าหมาป่าไม่ได้ตั้งอยู่ในคุณธรรม และก็ผิดสัจจะที่เคยให้ไว้ ทำให้หมาป่าโกรธมาก จึงได้ออกคำสั่งให้คนไปตัดไม้ใหญ่ซึ่งเป็นที่สิงสถิตของเทพารักษ์ทิ้งเสีย เมื่อเทพารักษ์ล่วงรู้ถึงความคิดของหมาป่า เห็นว่ามันเป็นคนอกตัญญู เป็นคนโลภที่ไม่รู้จักพอ จึงเสกให้มันกลายร่างมาเป็นหมาป่าผอมโซดังเดิม
..........
นิทานเรื่องนี้ตรงกับที่โบราณว่า “โลภมากมักลาภหาย” และคนไม่มีคุณธรรม ไม่รู้จักบุญคุณคน เรียกว่าเป็นคนอกตัญญู คนพวกนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ย่อมไม่เจริญก้าวหน้าไปได้
|