"หินทิเบต" ของขลังโดนใจวัยรุ่น
หินพวกนี้ เย็นนะ ลองจับดูแล้ว มันเป็นลาย ธรรมชาติ ด้วย ราคาดู ตัวเลข ที่สร้อย แล้ว X 10 ครับ
ยุคสมัยนี้สิ่งต่างๆ ก็ต้องอัพเดตเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัย ไม่เว้นแม้แต่เรื่องโชคลาง ความเชื่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย จากแต่ก่อนคนจะนิยมห้อยพระบูชา สายสิญจน์ ลูกประคำ เป็นที่พึ่งทางใจช่วยเสริมโชคลาภ วาสนา แต่ปัจจุบันวัยรุ่น วัยทีน หันมาห้อยก้อนหินสีสันสดใส กลายเป็นแฟชั่นฮิต เจ้าหินที่ว่านี้คือ "หินทิเบต" หรือ "หินดีซีไอ"
นอกจากลวดลายเก๋ๆ สีสันสดใสชวนให้น่าสวมใส่แล้ว ความหมายดีๆ ที่เป็นสิริมงคลของหินทิเบต ไม่ว่าจะช่วยคุ้มครองให้รอดปลอดภัยจากเคราะห์ร้ายต่างๆ เสริมโชคลาภ ความรุ่งเรือง ความมั่งคั่งและสุขภาพดี ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งให้บรรดาวัยรุ่น วัยทีน หันมาสวมใส่หินทิเบตกันมากขึ้น
สร้อยคอ
หลายคนที่ยังไม่รู้จักหินทิเบต ก่อนอื่นต้องมาทำความรู้จักกันก่อน ตามตำราอธิบายไว้ว่า หินทิเบต คือ รัตนะอันประเสริฐแห่งมงคลวัตถุ ที่เจิดจรัส ความสว่างไสว ความสุกสกาว นับเป็นสุดยอดแห่งอัญมณี เป็นพลังที่เกิดจากหินแห่งเทือกเขาหิมาลัยในประเทศทิเบต ดินแดนหลังคาโลก ที่ใกล้ชิดกับสวรรค์ ชาวทิเบตจึงนำหินไปประดับเป็นพุทธบูชา รอบองค์พระศรีศากยมุนีโจคัง พระพุทธรูปสำคัญประจำกรุงซาลา เมืองหลวงแห่งทิเบต
ลวดลายกลมๆ ที่อยู่บนหินจะเรียกว่า "ดวงตา" เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังจากสวรรค์ แต่ละดวงตาก็จะมีความหมายแตกต่างกันไปตามปีเกิดของแต่ละคน
สร้อยๆ มีหลายราคามาก
อย่างหินหนึ่งตา จะเหมาะกับผู้ที่เกิดปีมะเมีย มะแม และปีวอก สวมใส่แล้วจะนำความสว่างไสว เพิ่มพูนสติปัญญา ความเฉลียวฉลาด และได้รับความสำเร็จดังใจปรารถนา
หินสองตา จะเหมาะกับผู้ที่เกิดปีระกา จอ และปีกุน สวมใส่แล้วจะช่วยให้คู่รัก หรือสามีภรรยารักใคร่กัน ช่วยให้ได้รับความนับหน้าถือตาในสังคม จะประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน
ส่วนหินยี่สิบเอ็ดตา ถือว่าเป็นหินที่มีตามากที่สุด เหมาะกับผู้ที่เกิดปีชวด ฉลู และขาล เหมาะกับผู้นำ เพราะมีความเชื่อว่าเป็นหินแห่งพลัง เนื่องจากเป็นพลังแห่งความสำเร็จ เหมาะกับผู้ที่ต้องการพลังสูงสุด อาทิ ผู้นำในองค์กรต่างๆ นายพลแห่งกองทัพ ผู้อำนวยการโรงเรียน หรือผู้นำสูงสุดทางธุรกิจ
ลายตา ไปนิด ที่ร้านมันมี บอก ลายต่างๆ แต่อ่านไม่ออก
ส่วนแถบริ้วด้านข้างสามขีดจะบ่งบอกถึงความเป็นหยินและหยาง ขาวและดำ ดีและร้าย หมายถึงทุกอย่างต้องมีความสมดุล ความดีและร้ายในตัวเอง เป็นไปตามความเชื่อของชาวจีน
สำหรับกระแสความนิยมของหินทิเบตนั้น "เอก" วันนิวัติ ศุภวณิช หนุ่มเจ้าของร้านคอปเปอร์ 9 วัย 28 ปี บอกว่า ขายหินทิเบตมาได้เกือบสี่เดือน จะนำเข้ามาจากประเทศจีน ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสน ขึ้นอยู่กับเนื้อ ลวดลาย ความเก่าแก่ของหิน แต่ที่วัยรุ่นซื้อใส่กันราคาจะอยู่ประมาณ 200-300 บาท จะขายดีมากในกลุ่มวัยรุ่นนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ไปจนถึงชาวต่างชาติ
เจ้าของร้านคอปเปอร์ 9 ยังบอกด้วยว่า นอกจากความเชื่อของแต่ละคนที่เชื่อว่าใส่หินทิเบตจะเกิดโชคลาภ ประสบความสำเร็จ อย่างกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย จะเชื่อกันว่าใส่แล้วช่วยให้ประสบความสำเร็จในการเรียน ส่วนคนที่เริ่มต้นทำงานใหม่ๆ ก็จะเชื่อว่าใส่แล้วจะประสบความสำเร็จมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน อีกเหตุผลหนึ่งที่นิยมใส่กันก็คือใส่เป็นแฟชั่นตามแบบดารานักร้อง
"หินทิเบตที่ขายดีที่สุดก็คือ หินเก้าตา เพราะถือเป็นราชาแห่งหินทิเบต จะเหมาะกับคนเกิดปีเถาะ มะโรง มะเส็ง และทุกคน ที่ขายดีเพราะเลข 9 เป็นเลขมงคล เป็นเลขแห่งโอกาสที่ยิ่งใหญ่ ความหมายดีครอบคลุมทุกด้าน สวมใส่แล้วจะช่วยสะสมบุญ 9 ประการ ชำระล้างกรรมชั่ว ขจัดอุปสรรคสิ่งกีดขวาง ความสำเร็จเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว และเลข 9 ยังเป็นมหายานะ หรือพาหนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นำมาซึ่งอนาคตที่ดี ช่วยปกป้องคุ้มครองภยันอันตราย เสริมความมั่งคั่งร่ำรวย อายุยืน"
สาวน้อยอย่าง "เก๋" น.ส.ภริตา ทิมขำ วัย 18 ปี เฟรชชี่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บอกว่า เป็นคนชอบใส่เครื่องประดับแปลกๆ อยู่แล้ว อย่างหินทิเบตก็ชอบตรงลวดลาย ความคลาสสิค และความหมายของหินก็ดีด้วย อย่างหินเก้าตา ใส่แล้วจะช่วยให้ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องเรียน การทำงาน และเป็นสิริมงคลกับชีวิต อีกอย่างใส่หินทิเบตก็ดูน่ารักเก๋ไก๋ตามแฟชั่น เพราะเพื่อนๆ และพี่ๆ ในมหาวิทยาลัยก็ใส่กันหลายคน
ดูจากความหมายของหินทิเบตแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าหินเพียงก้อนเดียวจะสามารถทำอะไรได้มากมายถึงเพียงนี้ แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องความเชื่อ ส่วนใครจะเชื่อมากเชื่อน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน
ที่มาจากหนังสือพิมพ์ มติชน
|