หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook

วิถี แห่ง การปฏิบัติ วิถี แห่ง พระอาจารย์ "มั่น" วิถี แห่ง ท่านมหาปิ่น

ปี 2460 พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จำพรรษาที่ป่าบ้านดงปอ ต.ห้วยหลวง อ.เพ็ง จ.อุดรธานี

จากบันทึกของ พระญาณวิริยาจารย์ (พระอาจารย์วิริยังค์) ทำให้ได้รู้ว่า หลักการในการจำพรรษาของท่าน

ท่านไม่ต้องการให้อยู่รวมกันหลายรูป เพราะจะทำให้ไม่วิเวก

"ดังนั้น ท่านจึงตรวจดูเฉพาะองค์ที่กำลังจะได้รับผลที่แน่นอนให้จำพรรษาอยู่กับท่าน เพื่อที่จะได้แนะนำตลอดระยะเวลา เพื่อความก้าวหน้าไม่หยุดยั้งของศิษย์"

ส่วนผู้ที่กำลังจะทำการอบรมเพื่อรอความแก่กล้าของสมาชิกท่านก็แนะนำให้ไปอยู่แห่งละองค์ 2 องค์ จะได้อบรมตนให้ยิ่งไม่ต้องกังวลกับใคร แต่หากเกิดความสงสัยในการปฏิบัติขึ้นแต่ละองค์ก็จะมากราบนมัสการเพื่อให้ช่วยแก้ความสงสัยเป็นรายๆ ไป


พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

การให้บรรดาศิษย์แยกกันไปอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ก็ใช่ว่า พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จะทอดธุระแต่อย่างใด

ตรงกันข้าม ท่านก็คอยสดับตรับฟังทุกจังหวะก้าวการเคลื่อนไหว

อย่างน้อยที่สุด การสดับตรับฟัง ด้าน 1 ก็จะทราบถึงจังหวะก้าวการเคลื่อนไหว ขณะเดียวกัน ด้าน 1 ก็จะได้เข้าไปช่วยเหลือแนะนำอย่างทันท่วงที

อย่างเช่นกรณีของพระอาจารย์รูปหนึ่งซึ่งต้องการแสดงอภินิหารให้เป็นที่ปรากฏ

เหตุเกิดขึ้นระหว่าง พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จำพรรษาที่บ้านโคก ต.ดองโขม อ.เมือง จ.สกลนคร

ปรากฏว่าได้กิตติศัพท์พระอาจารย์รูปหนึ่งจำพรรษาอยู่บนภูค้อ

พระอาจารย์รูปนี้ประกาศเป็นผู้ที่รู้ในหมู่ชาวบ้านว่า จะไม่ฉันอาหารตลอด 3 เดือนที่อยู่ในพรรษา

สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก

พระอาจารย์รูปนี้ไม่ได้เป็นศิษย์ของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ท่านจึงเพียงแต่แนะนำศิษย์คนอื่นๆ ของท่านว่า

"การไปอยู่ป่าอยู่เขาทำอย่างนั้นไม่ถูกต้อง"

ที่ว่าไม่ถูกต้อง "เพราะไปทำอภินิหารอดอาหารอยู่ถ้ำ เพื่อที่จะได้คนไปหา เป็นการผิดวิสัย"

พร้อมกันนั้น พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ก็แนะนำว่า

"พวกเราอย่าได้พากันทำเช่นนั้น เพราะตามความเป็นจริงแล้วการอยู่ป่าต้องทำตัวเก็บตัวแสวงหาความสงบด้วยใจจริง โดยความบริสุทธิ์ในการแสวงหาธรรมปฏิบัติ การอยู่ป่าอยู่เขาโดยการเพื่อแสวงหาลาภหาปัจจัยนั้นไม่ถูกต้อง"

"พวกเธอถ้าหากว่าจะพึงแสวงหาความสงบแล้วต้องอย่าทำอะไรที่ชวนให้คนหลงตามไปหามันจะไม่เป็นการบริสุทธิ์ใจของนักปฏิบัติ"


พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

หรือในกรณีของ พระมหาปิ่น ปัญญาพโล

ทุกคนย่อมทราบกันอยู่แล้วว่า พระมหาปิ่น ปัญญาพโล เป็นน้องชายของ พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม

เมื่อพระผู้พี่ชายนำตัวมามอบเป็นศิษย์ หลังจากนั้น พระอาจารย์ปั่น ภูริทัตโต ได้พิจารณาเห็นว่า พระมหาปิ่น ปัญญาพโล มีบุญวาสนาได้บำเพ็ญมาพอสมควรที่จะเห็นอรรถธรรมได้ ท่านถึงพยายามแนะนำธรรมปฏิบัติให้อย่างละเอียดลึกซึ้ง

อยู่มาวันหนึ่ง พระมหาปิ่น ปัญญาพโล นั่งพักอยู่ในกุฎีหลังเล็กมุงด้วยหญ้าแฝกในเสนาสนะป่า

เป็นเวลาประมาณ 23.00 น.เศษ ท่านได้ผ่านการนั่งสมาธิมาแล้ว 2 ชั่วโมง

ระหว่างนั้นท่านนั่งพลางนึกถึง พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ว่า "ท่านอาจารย์มิได้ร่ำเรียนปริยัติธรรมมากเหมือนเรา ท่านจะมีความรู้กว้างขวางได้อย่างไร เราได้ร่ำเรียนมาถึง 5 ประโยคจะต้องมีความรู้กว้างขวางมากกว่าท่าน ที่ท่านสอนเราก็ไม่รู้ว่าจะถูกหรือว่าผิดกันแน่"

ทันใดนั้นก็ต้องสะดุ้งสุดขีดเมื่อมีเสียงเคาะข้างฝาดังขึ้นพร้อมกับคำพูดของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ว่า

"ท่านมหาปิ่น นี่เธอจะมานั่งดูถูกเราด้วยเหตุไร การคิดเช่นนี้เป็นภัยต่อการบำเพ็ญสมณธรรมจริงหนา ท่านมหา"

ได้ยินดังนั้น พระมหาปิ่น ปัญญาพโล ออกจากเสนาสนะตรงไปกราบเท้า พร้อมกับกล่าวว่า

"กระผมกำลังนึกถึงท่านอาจารย์ในด้านอกุศลจิต กระผมขอกราบเท้า จงอโหสิแก่กระผมเถิด ตั้งแต่วันนี้ต่อไป กระผมจะบังคับจิตใจมิให้นึกคิดถึงสิ่งที่เป็นอกุศลจิตอย่างนี้ต่อไปอีก"

เป็นคำสารภาพของพระมหาเปรียญธรรม 5 ประโยค

เป็นการยอมรับผิดต่อ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ทั้งกายและใจโดยแท้


ไปข้างบน