หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช
การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่จังหวัดนครราชสีมา
เชิญชม การ์ตูนแอนนิเมชั่น  เสี้ยวลิ้มยี่  (The Legend of Shaolin Kung Fu)
เชิญชม VDO น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
เชิญชม ประวัติศาสตร์การเมือง ตอน ปิดตำนานทักษิณ
เจ้าแม่กวนอิม
ชมตัวอย่างภาพยนตร์,หนัง
ฐานิยปูชา ๒๕๕๑

“วัดไชยวัฒนาราม” พระอารามหลวงคู่เมืองอยุธยา

วัดไชยวัฒนาราม เป็นพระอารามหลวงสมัยอยุธยา ที่สร้างขึ้นในสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาองค์ที่ 24 ซึ่งเป็นยุคที่ศาสนาเจริญรุ่งเรือง สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดไชยวัฒนารามขึ้นเมื่อ พ.ศ.2137 ในบริเวณนิวาสถานของพระราชชนนีเพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระราชมารดา วัดตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งตะวันตกของเกาะเมือง ตรงข้ามกับพระตำหนักสิริยาลัย ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา


เดิมวัดไชยวัฒนาราม มีชื่อว่า “วัดชัยวัฒนาราม” ซึ่งสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า วัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือกรุงละแวก (พนมเปญในสมัยนั้น) จึงใช้คำว่า “ชัย” ที่หมายถึงชัยชนะ แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น “วัดไชยวัฒนาราม” เพราะคำว่า “ ไชย” หมายถึงไชโย เป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และครอบคลุมรวมทั้งหมดรวมถึงชัยชนะด้วย

สำหรับการสร้างวัดนั้น สมเด็จพระเจ้าปราสาททองซึ่งเป็นกษัตริย์สมัยอยุธยาตอนปลายทรงสร้างปรางค์ขนาดใหญ่เป็นประธานของวัด เท่ากับเป็นการรื้อฟื้นศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้นที่นิยมสร้างปรางค์เป็นประธานของวัด เนื่องจากพระองค์ทรงได้เมืองเขมรมาอยู่ใต้อำนาจ จึงได้นำรูปแบบสถาปัตยกรรมขอมเข้ามาใช้ในการสร้างพระปรางค์ของวัดไชยวัฒนารามนี้ด้วย โดยตั้งใจจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด ในประเทศกัมพูชา

พระปรางค์ประธานนั้นมีชื่อว่า “พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ” ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส ที่มุมฐานมีปรางค์ทิศประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ รอบพระปรางค์ใหญ่ล้อมรอบไปด้วยระเบียงคตที่เดิมนั้นมีหลังคา แต่ปัจจุบันพังทลายลงมาแล้ว ภายในระเบียงคตประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยสร้างด้วยหินทรายที่เคยลงรักปิดทองจำนวน 120 องค์ เป็นเสมือนกำแพงเขตศักดิ์สิทธิ์ แต่ปัจจุบันพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยเหล่านั้นนั้นไม่มีเศียร เพราะถูกขโมยตัดเศียรไปขาย และหาสมบัติที่เล่ากันว่าซ่อนอยู่ภายในพระพุทธรูป

และที่แปลกจากวัดอื่นๆอีกก็คือที่นี่มีใบเสมาที่ทำด้วยหินสีเขียว ซึ่งคล้ายกับหินดินดำแต่มีสีเขียว แกะสลักเป็นลวดลายประจำยาม 4 แฉกเหมือนดอกไม้ นอกจากนี้ยังมีพระอุโบสถที่สร้างอยู่ทางด้านหน้ากำแพงเมรุทิศเมรุราย นอกระเบียงคต ปัจจุบันเหลือแต่ฐาน ข้างๆมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง และมีปรางค์เจดีย์ขนาดย่อมอีกจำนวนหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นมาในภายหลัง

ความสำคัญของวัดนี้นอกจากจะเป็นวัดที่มีความสวยงามและมีการก่อสร้างไม่เหมือนวัดอื่นๆแล้ว วัดนี้ยังเป็นที่ฝังศพของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ หรือเจ้าฟ้ากุ้ง พระราชโอรสในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศและกวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลาย และเจ้าฟ้าสังวาลย์ ซึ่งต้องพระราชอาญาโบยจนสิ้นพระชนม์ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เนื่องจากเจ้าฟ้ากุ้งไปรักกับเจ้าฟ้าสังวาลย์ พระชายาในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ คนกรุงเก่าเล่าว่า เพลาใดที่เป็นคืนเดือนเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงอาจจะได้เห็นชายหญิงแต่เครื่องกษัตริย์มาเดินอยู่ในวัดแห่งนี้

และยังมีเรื่องเล่ากันว่า สมัยก่อนคนมักศึกษาด้านไสยศาสตร์ คาถาอาคม และเมื่อคราวก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2 วัดไชยวัฒนารามถูกแปลงเป็นค่ายตั้งรับศึก ทหารที่ต้องออกศึกสงครามก็เป็นห่วงครอบครัว ลูกเมียที่บ้าน เกรงว่าจะเกิดภัยอันตรายจึงได้ใช้คาถาอาคมผนึกบ้านเรือนของตนไว้ พรางตามิให้ข้าศึกศัตรูเห็นได้ ซึ่งในปัจจุบันชาวบ้านในละแวกวัดไชยฯ ก็เคยเห็นทหารใส่ชุดนักรบโบราณปรากฏตัวให้เห็นบ่อยครั้ง บ้างก็ถ่ายรูปที่วัดไชยฯ แล้วติดรูปหญิงสาวในชุดไทย จนเรื่องเล่าเหล่านี้ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์และละครเรื่อง “เรือนมยุรา” ซึ่งจะจริงแท้ประการใดก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคล

แต่อย่างไรก็ตาม วัดไชยวัฒนารามแห่งนี้ก็ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดอยุธยา ที่ยังคงความงดงามและเสน่ห์ของพระอารามเมืองกรุงเก่าไว้เช่นเดิม


ไปข้างบน