ขึ้นง้อไบ๊ 'ขุนเขาแห่งพุทธ'
แถวบนจากซ้ายไปขวา- วัดหัวจั้ง วัดเป้ากั๋ว และวิหารหลังคาทองแดง บนยอดเขาวั่นฝอ ล่างจากซ้ายไปขวา- วัดวั่นเหนียน ทิวทัศน์บนยอดเขาวั่นฝอ
ในประเทศจีนมีการก่อสร้างวัดทางพุทธศาสนาขึ้นแห่งแรกในราวคริสต์ศตวรรษที่ 1 บนเขาที่มีทิวทัศน์งดงามนามว่า เอ๋อเหมยซัน หรือตามที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ 'เขาง้อไบ๊' ตั้งแต่นั้นทิวเขาแห่งนี้ก็กลายเป็นสถานที่ตั้งของวัดพุทธที่สำคัญของประเทศ หลายศตวรรษผ่านพ้นไป สั่งสมคุณค่าและได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางพุทธศาสนาที่สำคัญของชาวจีน ซึ่งในจำนวนนั้นรวมถึงพระพุทธรูปที่ขึ้นชื่อที่สุด คือ พระพุทธรูปเล่อซัน ที่มีความสูงเป็นที่สุดในโลก
ยอดเขามีหิมะปกคลุมเกือบทั้งปี มีสภาพอากาศหนาวเย็น แม้แต่ฤดูร้อนยังมีลมพัดเย็นสบาย
ขุนเขาแห่งพุทธ และแหล่งศึกษาพันธุกรรม
เขาเอ๋อเหมยซัน เรียกอีกชื่อว่า ต้ากวงหมิงซัน ‘เทือกเขาแห่งแสงสว่าง’ เป็นหนึ่งในสี่ขุนเขาใหญ่ที่เป็นรากฐานของพุทธศาสนาในจีน ( เอ๋อเหมยซันในมณฑลเสฉวน พู่ถัวซันในมณฑลเจ้อเจียง จิ่วหัวซันในมณฑลอันฮุย และอู่ไถซันในมณฑลซันซี ) ตั้งอยู่ทางตอนกลางส่วนใต้ของมณฑลเสฉวน บนพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างที่ราบสูงทิเบต กับที่ราบแอ่งกระทะเสฉวน มียอดเขาพระพุทธรูปหมื่นองค์ วั่นฝอ เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดโดยมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 3,099 เมตร
ตามหลักฐานทางโบราณคดี ชี้ให้เห็นว่า เมื่อกลางคริสต์ศตวรรษที่ 1 บรรพบุรุษของชาวจีนรังสรรค์และก่อร่างอารยธรรมแห่งพุทธศาสนา ซึ่งเผยแผ่มาจากดินแดนชมพูทวีปตาม 'เส้นทางสายแพรไหม' ขึ้นบนเขาเอ๋อเหมยซันเป็นครั้งแรก โดยการก่อสร้างวิหารผู่กวงเตี้ยน(普光殿)บนยอดเขาจินติ่ง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่มีการปลูกสร้างโบราณสถาน รูปสลัก การประดิษฐ์สังฆภัณฑ์ งานศิลปะ ดนตรี ตลอดจนริเริ่มพีธีกรรมทางศาสนา ในเวลาต่อๆมา
วิหารถงเตี้ยน(铜殿)บนยอดเขาจินติ่งซึ่งมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 3,077 เมตร
ศิลปะวัดพุทธที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ปรากฏบนเขาเอ๋อเหมยซัน ได้รับการโจษขานให้เป็น ‘มงกุฎสุดยอดในปฐพี’ ที่ประดับอยู่ ณ ยอดเขาแห่งพุทธ วัดวาอารามที่อยู่บนเขารวมทั้งสิ้น 30 กว่าแห่ง ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีอาณาเขตกว้างขวางมีอยู่ถึง 10 กว่าแห่ง และยังประกอบด้วยกลุ่มโบราณสถานสมัยราชวงศ์หมิงและชิงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี พระพุทธรูปสลักสมัยถังและซ่ง เจดีย์หยก และกลุ่มสุสานที่หน้าผาสมัยราชวงศ์ฮั่น ยังอุดมด้วยโบราณวัตถุล้ำค่าอีกกว่า 7,000 กว่าชิ้น
นอกจากความโด่งดังในฐานะที่เป็นยอดเขาแห่งตำนานของแผ่นดินพระภูผาเซียน และวัฒนธรรมประวัติศาสตร์อันเรืองรองแล้ว เสน่ห์งดงามของธรรมชาติอันตระการตา ยังทำให้ชื่อเสียงของเทือกเขาแห่งนี้ขจรขจายไปทั่วทั้งในและต่างประเทศ
กวีชื่อดังหลายท่านของจีนในอดีต อาทิ กวีสมัยถัง หลี่ไป๋ ท่านซูตงพอ กวีสมัยซ่ง หรือนักเขียนวรรณกรรมยุคใหม่ กัวม่อลั่ว ได้เคยฝากผลงานกวีนิพนธ์ ชื่นชมความงามและพรรณนาคุณค่าแห่งเทือกเขาเอ๋อเหมยซันนี้ไว้หลายยุคหลายสมัย
คุณสมบัติทางธรรมชาติประการหนึ่ง ที่ทำให้เขาเอ๋อเหมยซันมีความสำคัญต่อประเทศจีนอย่างยิ่ง คือ ความสมบูรณ์ทางภูมิประเทศและทางธรณี เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมของชั้นหินที่มีมาแต่ ยุคแคมเบรียน จึงเป็นโรงเรียนกลางแจ้งที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาวิจัยเรื่องวิวัฒนาการของเปลือกโลกและสิ่งมีชีวิตบนโลก
นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งพืชพันธุ์ธรรมชาติอันมีค่า โดยเฉพาะการเป็นแหล่งปกคลุมของพืชเขตร้อน ซึ่งอุดมด้วยพืชชั้นสูงถึง 242 ตระกูล แยกเป็น 3,200 กว่าชนิด มีพื้นที่ป่าปกคลุมถึง 87% จึงเป็นแหล่งศึกษาวิจัยพันธุ์พืชหายากของโลก
ทั้งนี้จำแนกเป็นพันธุ์พืชในประเทศจีน พันธุ์พืชในแถบพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างจีนกับเขตเทือกเขาหิมาลัย และพันธุ์พืชแถบเอเชียญี่ปุ่น พืชชั้นสูงบุพกาลที่อยู่ในภาวะวิกฤต และมีเฉพาะในประเทศจีน มีความหลากหลายถึง 100 กว่าชนิด ในจำนวนนี้มี 31 ชนิด ที่ทางรัฐบาลได้ประกาศให้เป็นพันธุ์พืชคุ้มครอง รวมถึงพืชที่ใช้ทำยาสมุนไพรอีก 200 กว่าตระกูล
ทะเลหมอกบนเขาง้อไบ๊มีให้เห็นทั้งปี
เขาเอ๋อเหมยซัน ยังเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าที่มีความหลากหลายทางพันธุกรรม ของสัตว์ในถิ่นเหนือยุคเก่า คาบเกี่ยวกับถิ่นเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะสัตว์หายากในถิ่นเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และกลุ่มที่อาศัยอยู่บนแถบที่ราบสูง ซึ่งมีมาแต่ยุคดึกดำบรรพ์
พระพุทธรูปสลักเล่อซัน ประติมากรรมระดับโลก
พระพุทธรูปเล่อซัน มีความสูงกว่าพระพุทธรูปที่เมืองบามียัน ในอัฟกานิสถาน 18 ม.
พระพุทธรูปสลักริมหน้าผาเล่อซัน สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิถังเสวียนจงแห่งราชวงศ์ถัง ต้นรัชสมัยไคหยวนปี ค.ศ.713 โดยการเจาะสกัดหินบนเขาเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาท หลังพิงเขา หันหน้าสู่แม่น้ำหมินเจียง มีความสูง 71 เมตร กว้าง 10 เมตร ซึ่งใหญ่กว่าพระพุทธรูปหินสลักที่ถ้ำผาหยุนกัง(ต้าถง)ในมณฑลซันซี(มรดกโลกทางวัฒนธรรม ปี 2001)ถึง 3 เท่า
พระพุทธรูปเล่อซันสร้างขึ้นโดยจำลองแบบมาจากพระอาจารย์ไห่ทง แห่งวัดหลิงหยุน ใช้เวลาก่อสร้างนาน 90 ปี จนมาสำเร็จในปี ค.ศ.803 ในสมัยจักรพรรดิถังเต๋อจง แกะสลักขึ้นด้วยฝีมือช่างงามวิจิตร ลายเส้นที่พลิ้วไหวและสัดส่วนขององค์พระที่ได้สมดุล เต็มไปด้วยพลังที่แผ่ขยายออกไปกว้างใหญ่ไพศาล ล้วนสะท้อนถึงศิลปวัฒนธรรมอันเฟื่องฟูในยุคราชวงศ์ถัง
สิ่งหนึ่งที่สามารถอนุรักษ์องค์พระเล่อซันให้คงความโอ่อ่าสง่างามมาจนถึงวันนี้ได้ ต้องยกให้ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ เมื่อครั้งเริ่มเจาะสกัดหินกันเลยทีเดียว กล่าวคือ การเจาะทางระบายน้ำไหลด้านหลังกรรณทั้งสองและเศียรองค์พระ เพื่อกันการกัดเซาะของน้ำฝนไม่ให้ไหลบนตัวองค์พระและทำลายทัศนียภาพขององค์พระพุทธรูป ทำให้องค์พระไม่สึกกร่อนเสียหายมาก สามารถคงรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับเมื่อพันกว่าปีก่อน
เศียรพระขนาดใหญ่อันน่าเกรงขาม ดึงดูดนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาชื่นชม
นอกจากนี้เขาหลิงหยุนซันด้านหลังองค์พระ ยังเป็นเทือกเขาที่มีความสำคัญทางพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยราชวงศ์สุยและถัง นอกจากจะมีชื่อในด้านความงามทางธรรมชาติ ซึ่งล้อมรอบด้วยยอดเขาทั้ง 9 และเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปเล่อซันแล้ว ยังมีวัดหลิงหยุน ซึ่งสร้างในสมัยต้นราชวงศ์ถัง(รัชสมัยไคหยวนปีที่ 713 )
ตามบันทึกในประวัติศาสตร์ระบุว่า ก่อนรัชสมัยฮุ่ยชั่ง(ราวปีค.ศ.841) ในแผ่นดินจักรพรรดิถังอู่จง บนยอดเขาแต่ละยอดล้วนมีวัดตั้งอยู่ทั้งสิ้น แต่เนื่องด้วยในปีที่ 4-5 ของรัชสมัยฮุ่ยชั่ง จักรพรรดิถังอู่จง ไม่สนับสนุนพุทธศาสนา จึงมีราชโองการรับสั่งให้ทำลายวัดพุทธบนเขาแห่งนี้ เหลือแต่วัดหลิงหยุนที่รอดพ้นจากการถูกทำลายในครั้งนั้นมาได้ แต่ต่อมาวัดแห่งนี้ก็ไม่พ้นถูกทำลายลงด้วยผลสืบเนื่องมาจากสงครามในปลายราชวงศ์หยวน แห่งรัชสมัยจักรพรรดิซุ่นตี้ จึงแทบไม่เหลือเค้าเดิมของวัดศิลปะสมัยถังอยู่เลย
กาลเวลาล่วงเลยมาถึงสมัยราชวงศ์หมิงจึงได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ถึง 2 ครั้ง ทว่าในปลายสมัยราชวงศ์หมิง ก็ได้รับภัยพิบัติจากสงครามอีกครั้ง ต่อมาในสมัยจักรพรรดิคังซี แห่งราชวงศ์ชิง จึงได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์อีกครั้ง ใช้เวลาถึง 6 ปีจึงแล้วเสร็จเป็นวัดหลิงหยุนในปัจจุบัน สิ่งปลูกสร้างที่อยู่ภายในวัดจึงมีศิลปะแบบสมัยหมิง และชิงผสมผสานอยู่ร่วมกัน
ซ้าย-หอชิงอิน ขวา-อีกฉากหนึ่งของทิวทัศน์บนยอดเขาง้อไบ๊
พระพุทธรูปสลักเล่อซัน ตั้งอยู่บริเวณที่มีแม่น้ำไหลผ่านสามสาย คือ ต้าตู้เหอ ชิงอีเจียง และหมินเจียง ในเขตเมืองเล่อซัน อาณาบริเวณโดยรอบยังประกอบด้วย เขาหลิงหยุน สุสานในถ้ำริมผาม๋าเฮ่า เขาอูโหยว และบริเวณเขาอูโหยวที่เชื่อมต่อกับเขาหลิงหยุนซันและเขากุยเฉิงซัน ยังประกอบขึ้นเป็นทิวทัศน์อันน่าพิศวงรูปพระนอนขนาดใหญ่ซึ่งมีความยาวราว 1,300 เมตร รวมพื้นที่ราว 8 ตร.กม. ซึ่งทั้งหมดรวมอยู่ในเขตทิวทัศน์ของเทือกเขาเอ๋อเหมยซัน
ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาที่เขาง้อไบ๊ นอกเหนือจากเพื่อสักการะและตื่นตะลึงกับความเป็นที่สุดของพระพุทธรูปเล่อซันแล้ว ยังมาเพื่อชื่นชมทัศนียภาพตามธรรมชาติ และดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สดชื่นเย็นสบายบนยอดเขาแห่งนี้
โดยตลอดทั้งปีมีกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวนานาชนิด อาทิ การชมความงามของดอกตู้เจวียน ใบไม้เปลี่ยนสี ท่องป่าหน้าร้อน และเล่นสกีหิมะในหน้าหนาว ฯลฯ โดยเขตทิวทัศน์เขาเอ๋อเหมยซันได้ถูกบรรจุอยู่ในโปรแกรมท่องเที่ยวทางธรรมชาติของมณฑลเสฉวน ควบคู่กับเขตอุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกว หวงหลง เขาชิงเฉิง และเขื่อนชลประทานธรรมชาติที่ตูเจียงเยี่ยน.
ข้อมูล
มรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ ปี ค.ศ. 1996
ที่ตั้ง- ห่างจากตัวเมืองเฉิงตูไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 160 กิโลเมตร มณฑลเสฉวน
อาณาเขต – เขาเอ๋อเหมยซัน 154 ตารางเมตร พื้นที่อนุรักษ์โดยรอบ 469 ตารางเมตร
ข้อมูลท่องเที่ยว
การเดินทาง
เดินทางโดยเครื่องบินลงที่สนามบินเฉิงตู มณฑลเสฉวน แล้วต่อรถโดยสารไปยังเขาง้อไบ๊เมืองเล่อซัน โดยขึ้นรถบัสที่สถานีขนส่งซินหนันเหมิน (新南门旅游客运中心) รถออกทุก 20 นาที ตั้งแต่ 7 :10 – 18 :10 น. ใช้เวลา 2 ชม.ถึงเขาง้อไบ๊ ราคาตั๋ว 16.5 - 35 หยวน ไปวัดเป้ากั๋ว 30 หยวน หรือเลือกเดินทางโดยรถเมล์ ขึ้นรถเมล์สาย 4,11,23,41,56,62 ที่สถานีรถซีเหมิน(西门汽车站) ปากทางถนนวงแหวนที่ 1 ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเฉิงตู
หากนั่งรถไฟสามารถลงรถที่ สถานีเขาเอ๋อเหมยซัน(峨眉山站) บนเส้นทางรถไฟสายเฉิงตู-คุนหมิง สถานีอยู่ห่างจากวัดเป้ากั๋ว(报国寺) ซึ่งเป็นปากทางเข้าสู่เขตทิวทัศน์เขาง้อไบ๊ 10 กิโลเมตร
เดินทางโดยรถยนต์จากเฉิงตู-เล่อซัน-เอ๋อเหมยซัน ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.30 นาที ขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งซินหนันเหมิน (新南门旅游客运中心) สะดวกที่สุด หากเดินทางจากเมืองเล่อซันซึ่งห่างจากเมืองเอ๋อเหมยซัน 34 กม. ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชม. ขึ้นรถที่สถานีขนส่งทางไกลเมืองเอ๋อเหมยซัน(峨眉山市长途客运中心) ซึ่งเป็นชุมทางขนส่งเข้าเฉิงตู และเมืองอื่นๆ รถออกทุก 10 นาที ราคาตั๋วราว 5.5 หยวน รถเที่ยวสุดท้ายไปเล่อซันออก 6 โมงเย็น หากเช่ารถไปเองราคาประมาณ 50-60 หยวน
แหล่งท่องเที่ยวบนเขาง้อไบ๊และราคาบัตรผ่านประตู
บัตรผ่านประตูขึ้นเขาง้อไบ๊ 120 หยวน กระเช้าขึ้น-ลงเขาง้อไบ๊ 70 หยวน วัดหัวจั้ง(华藏寺)บนยอดเขาจินติ่ง 10 หยวน นั่งรถชมทิวทัศน์(ไป-กลับ) 60 หยวน ชมพระพุทธรูปเล่อซัน 40 หยวน
วัดเป้ากั๋ว (报国寺) ตั้งอยู่บนเชิงเขาง้อไบ๊ และยังเป็นวัดปากประตูขึ้นเขา สร้างในสมัยราชวงศ์หมิง ราคาบัตร 8 หยวน
วิหารชิงอิน (清音阁) สูงเหนือระดับน้ำทะเล 710 ม. ห่างจากวัดเป้ากั๋ว 15 กม. มีการตกแต่งด้วยเก๋งจีน สะพาน สระน้ำ ทัศนียภาพงดงาม
วัดวั่นเหนียน (万年寺) สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยจิ้น อุทิศเพื่อไต้ซือฮุ่ยฉือ สมัยราชวงศ์ถังเปลี่ยนชื่อเป็น วัดไป๋สุ่ย(白水寺) สมัยซ่งเปลี่ยนเป็นวัดผู่เสียน(普贤寺) จนมาในสมัยราชวงศ์หมิงจึงตั้งชื่อใหม่ว่า วั่นเหนียน เป็นวัดที่มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ที่สุดบนเขาง้อไบ๊ ราคาบัตรผ่านประตู 10 หยวน กระเช้าขึ้น-ลงเขา 70 หยวน
ชมทิวทัศน์บนยอดเขาจินติ่ง (金顶景区) ซึ่งมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 2,000-3,000 ม. กระเช้าขึ้น-ลงเขา 70 หยวน นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นเขาชมพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอก และในฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม จะมาดูปรากฏการณ์แสงอาทิตย์ส่องกระทบยอดหลังคาทองแดงของวิหารบนยอดเขา ซึ่งจะต้องเป็นวันที่อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าโปร่งในเวลาบ่ายเท่านั้น จึงจะเห็นภาพที่งดงามนี้ได้
บนยอดจินติ่งยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆอีก เช่น สระสีเซี่ยง (洗象池) วัดหัวจั้ง ยอดเขาวั่นฝอ (万佛顶) วิหารวั่นฝอ ยอดเชียนฝอ (千佛顶) ฯลฯ
การขึ้นยอดเขาจินติ่งในฤดูหนาว ต้องระวังทางเดินลื่นเนื่องจากมีหิมะเกาะตามบันไดและทางเดิน ผู้สูงอายุควรระมัดระวังเป็นพิเศษ อากาศบนยอดเขาหนาวจัด ควรเตรียมเครื่องกันหนาวให้พร้อม และเดินช้าๆอย่ารีบร้อน นอกจากนี้ อากาศบางเบาอาจทำให้ประสบปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจ ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ กรุณาปรึกษาแพทย์ส่วนตัวก่อนออกเดินทาง
บริเวณเมืองเฉิงตูฤดูหนาวฟ้าสว่างเวลา 8 โมงเช้า ร้านค้าอาจยังไม่เปิดให้บริการ หากท่านขึ้นเขาในเวลาเช้าควรเตรียมอาหารเช้าและรับประทานให้เต็มอิ่ม เพื่อช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และสำหรับผู้รักการผจญภัย ต้องการเดินเท้าขึ้นเขา อย่าลืมติดแผนที่ และโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ยามฉุกเฉิน และควรมีเพื่อนร่วมทางอย่างน้อย 5 คนขึ้นไป นอกจากนี้ อากาศเย็นจัดอาจทำให้แบตเตอรี่กล้องถ่ายรูปใช้การไม่ได้ ควรไว้ติดตัวเพื่อรักษาอุณหภูมิ (ถ่ายภาพทะเลหมอกบนยอดเขาใช้ฟิล์มไวแสง iso 200-400 และความอดทน)
การเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆบนเขาง้อไบ๊
มีรถโดยสารประจำทางของสถานีขนส่งเพื่อการท่องเที่ยวเขาง้อไบ๊ (峨眉山旅游客运中心) ให้บริการ ผ่านสถานที่ต่างๆ อาทิ วัดเป้ากั๋ว วัดวั่นเหนียน วิหารชิงอิน ถ้ำมังกร ยอดเขาจินติ่ง เป็นต้น นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเองสามารถขึ้นลงที่ป้ายรถเมล์ตามทางได้อย่างสะดวกสบายทุกเวลา
ของดีเขาง้อไบ๊
ชาเอ๋อหรุ่ย(峨蕊) และชาจู๋เยี่ยชิง (竹叶青) เป็นชามีชื่อของเขาง้อไบ๊ นอกจากนี้ยังมีกระเทียมคุณภาพที่ปลูกบริเวณเชิงเขา ฟักทองอบแห้ง ก็เป็นสินค้าเลื่องชื่อของง้อไบ๊ด้วย
ฤดูท่องเที่ยว
ถึงแม้เขาง้อไบ๊จะอยู่ในเขตอากาศร้อนแถบเอเชีย แต่เนื่องจากอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลมาก สภาพอากาศจึงแตกต่างจากที่ราบบริเวณรอบๆ มี 2 ฤดู คือหนาวและใบไม้ผลิ ยอดเขามีหิมะปกคลุมเกือบตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 14-19 องศาเซลเซียส แม้ในฤดูร้อนก็มีลมพัดเย็นสบาย เดือนก.ค.อุณหภูมิเฉลี่ย 11.8 - 20 องศาเซลเซียส ท่านสามารถขึ้นเขาง้อไบ๊เที่ยวได้ทั้งปี แต่ฤดูฝนราวเดือน เม.ย.- ต.ค.เดินทางค่อนข้างลำบาก
อุณหภูมิที่เขาง้อไบ๊มีความแตกต่างจนมีคำเรียกขานว่า ‘ภูเขา 4 ฤดู ในระยะ 10 ลี้ อากาศยังแตกต่างราวคนละฟ้า’ นักท่องเที่ยวที่มาชมความงามของเขาง้อไบ๊ จึงต้องเลือกเวลาที่เหมาะสมในการมาชมความงามของทัศนียภาพรูปแบบต่างๆ
พระอาทิตย์ขึ้น – ชมในฤดูร้อน เวลา 6 : 00 น. ฤดูหนาว เวลา 7 : 00 น.
ทะเลหมอก – เวลาเช้า 9 : 00 – 10 : 00 น. เวลาบ่าย 15 : 00 -16 : 00 น.
รังสีพระพุทธที่ยอดจินติ่ง(ปรากฏการณ์ของแสงอาทิตย์สะท้อนกลีบเมฆเป็นเงาพระพุทธรูป) เวลาเช้า 9 : 00 – 10 : 00 น. เวลาบ่าย 15 : 00 – 16 : 00 น.
ชมดอกตู้เจวียน – เม.ย.-พ.ค. ดอกตู้เจวียนบนยอดเขาวั่นฝอ – พ.ค.-มิ.ย.
ชนใบไม้เปลี่ยนสี(ใบไม้สีแดง) – ต.ค.
เล่นสกีหิมะ – พ.ย.-มี.ค.
ท่องป่าชมลิง – มิ.ย.-ก.ย.
ข้อควรระวัง
ลิงกังทิเบตเป็นสัตว์สงวนของจีน มักพบเห็นได้ตามยอดเขา และชอบออกมาก่อกวนแหย่นักท่องเที่ยว เพื่อความปลอดภัย ท่านสามารถหลีกเลี่ยงโดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้ อย่าหยอกล้อลิงด้วยความคึกคะนอง ห้ามป้อนอาหารลิงใกล้ชิดเกินไป ห้ามใส่เสื้อสีแดง อย่าแหย่แม่ลิงที่อุ้มลูกอยู่ หากต้องการให้อาหารลิง ควรให้แม่ลิงก่อนแล้วจึงให้ลูก และดูแลกระเป๋าสตางค์และกล้องถ่ายรูปให้ดี
ค่าใช้จ่ายอื่นๆบนเขาง้อไบ๊ นอกจากค่าตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆและค่าที่พักแล้ว ท่านสามารถต่อรองราคาได้ตามความพอใจ
|