พระคเณศ เทพแห่งปัญญาและความรู้....
ช่วงนี้กระแสศรัทธาองค์พระคเณศ ในบ้านเรากลับมาคึกคักกันอีกครั้งนะคะ เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวของพระคเณศได้รับความสนใจและมีสิ่งพิมพ์ที่เรียบเรียงเรื่องของพระองค์ออกมาวางจำหน่ายมากมาย...
ซึ่งจะว่าไปแล้ว คนไทยเราคุ้นเคยกับเทพเจ้าหลากหลายองค์มาช้านาน แต่มหาเทพที่เราคุ้นเคยมากที่สุดเห็นจะเป็นพระคเณศนี่ล่ะค่ะ เพราะถือว่าเป็นเทพเจ้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตคนไทยมากที่สุด...นอกจากเราจะยอมรับให้องค์พระคเณศเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบพิธีกรรมแล้ว พระคเณศยังถือเป็นสัญลักษณ์ประจำกรมกองต่างๆของไทยเราอีกมากมาย...
การนับถือบูชาพระคเณศในประเทศไทยปรากฏหลักฐานชัดเจนในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยาและรัตนโกสินทร์ค่ะ... เพราะว่าพระราชพิธีสำคัญๆ ในราชสำนัก ก็มักจะมีพิธีกรรมที่เกี่ยวกับการบูชาพระคเณศประกอบเข้ามาในพิธีต่างๆ
ส่วนความเชื่อและลัทธิบูชาพระคเณศนี้ มีผู้สันนิษฐานว่า น่าจะมาจากชนพื้นเมืองดั้งเดิมของอินเดีย ที่มีลัทธิบูชาสัตว์ และชนกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า หนูเป็นสัญลักษณ์ของความมืด พระคเณศจึงมีพาหนะเป็นหนู ซึ่งมีนัยยะถึง ชัยชนะของแสงอาทิตย์ที่ขจัดความมืดให้สิ้นสุดลง
ต่อมาชนเผ่าอารยันหันมาให้ความเคารพพระคเณศ และพระองค์ถูกทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเทพผู้ขจัดซึ่งอุปสรรคทั้งปวง และมีความเฉลียวฉลาดเป็นเลิศ ทั้งยังได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำของเทพที่มีเศียรเป็นสัตว์ทั้งหลายกระทั่ง พระคเณศกลายเป็นตำนานที่กล่าวถึงพระองค์เป็นโอรสของพระศิวะกับพระนางปารวตีหรือเจ้าแม่อุมานั่นเอง...
ตำนานที่เล่าถึงความเฉลียวฉลาดเป็นเลิศของพระคเณศ ตำนานหนึ่งที่กล่าวถึงการเดินทางรอบโลกเพื่อผลมะม่วงสุก ที่ว่า พระนางปารวตีหรือเจ้าแม่อุมานั้น ได้นำผลมะม่วงมาถวายพระศิวะหนึ่งผล แต่ปรากฏว่าลูกทั้งสองคือ พระคเณศและขันฑกุมาร อยากกินมะม่วงลูกนั้น ด้วยกันทั้งคู่
พระศิวะจึงทดลองสติปัญญาของลูกทั้งสอง ด้วยการออกอุบายว่า หากใครเดินทางได้รอบโลกถึงเจ็ดรอบและกลับสู่วิมานปาวตาก่อนอีกผู้หนึ่ง ผู้นั้นจะได้ผลมะม่วงไป...ขันฑกุมารรีบขี่นกยูงพาหนะของตนเหาะออกไปโดยเร็ว แต่ พระคเณศกลับเดินประทักษิณรอบพระบิดาเจ็ดรอบ พร้อม กล่าวว่า ...ข้าแต่พระบิดา พระองค์คือจักรวาล และจักรวาลคือพระองค์ พระองค์ผู้สร้างโลกและทรงเป็นบิดาแห่งข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ทำประทักษิณรอบพระองค์เจ็ดรอบ ถือว่าได้กุศลเท่ากับเดินทางรอบโลกเจ็ดรอบแล้วเช่นเดียวกัน...พระศิวะได้ฟังดังนั้นก็ยินดีให้คำตอบและความชาญฉลาดของพระคเณศยิ่งนัก....
..............................
หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ นับถือพระคเณศมาตั้งแต่สมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ ในไทยเราเองมีการค้นพบรูปปั้นเคารพพระคเณศที่เก่าที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุด ที่เมืองโบราณศรีมโหสถ เขตจังหวัดปราจีนบุรี มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 ถือเป็นศิลปะแบบเทวรูปรุ่นเก่า แม้ขณะที่พบจะถูกทำลายให้ชำรุดไปบางส่วนก็ตาม...
นอกจากนั้นในเมืองไทยเราก็ยังมีการขุดพบรูปปั้นพระคเณศอีกหลายรูป เช่นปางประทับนั่งภายในกรอบซุ้มที่มีรูปร่างคล้ายกลีบขนุน ทรงมงกุฎมีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 17 องค์นี้ถูกพบที่ปราสาทตาเมือนธม เขตจังหวัดสุรินทร์ค่ะ ยุคต่อมา ก็ปรากฏองค์พระคเณศที่ทำจากสำริด ขนาดไม่ใหญ่เช่นยุคที่ผ่านมา มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 24 – 25 ...
พระคเณศ ที่เรารู้จักกันดีในเมืองไทยนั้น มีชื่อเรียกหลากหลายค่ะ ทั้ง พระคเณศ พระพิฆเนศ พระพิฆเนศวร องค์คณปติ...ชาวทมิฬเรียก Pillaiyar ชาวธิเบตเรียก tsage – bdag ส่วนคนพม่าจะเรียกว่า Maha – pienne ชาวจีนก็จะเรียกว่า Kengi – ten ญี่ปุ่น เรียกว่า Sho- ten หรือ Vinyaksa คนเขมรออกเสียงใกล้กับเราค่ะ เรียกว่า Prah Kenes
พระมหากษัติรย์ไทยที่สนพระทัยในองค์พระคเณศ กระทั่งศึกษาอย่างจริงจังเท่าที่ปรากฏคือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวค่ะ... เนื่องจากพระองค์ทรงศึกษาที่ประเทศอังกฤษและสนพระทัยในภารตวิทยา จึงมีความเข้าใจถ่องแท้ในพิธีกรรมต่างๆของพราหมณ์ และพระองค์ทรงศึกษาและแปลคัมภีร์รวมทั้งหนังสือที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมาของพระคเณศ กระทั่งนำมาเรียบเรียงให้เป็นวรรณกรรมของไทย อีกทั้งยังกำหนดประเพณีบูชาพระคเณศก่อนเริ่มการประพันธ์ การเรียน และการสร้างงานศิลปะอีกด้วย...นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นผู้กำหนดให้พระคเณศเป็นดวงตราเครื่องหมายวรรณคดีสโมสร และยังเป็นสัญลักษณ์ประจำกรมศิลปากร และมหาวิทยาลัยศิลปากร เช่นกัน
แม้ว่าโลกเราจะพัฒนาไปไกลแค่ไหน... แต่เรื่องของจิตใจ เรื่องของความศรัทธาแล้ว ดูจะเป็นสิ่งที่ยังคงยึดเหนี่ยวใครหลายคนให้มีสติ ตั้งมั่น ที่จะประพฤติดีและคิดดีได้นะคะ...แม้ว่าใครบางคนจะคิดว่านี่เป็นเรื่องงมงาม แต่ดิฉันคิดว่า หากเราศรัทธากับอะไรสักอย่างโดยที่ไม่ได้เบียดเบียนใคร หรือหลอกลวงใคร... ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้จิตใจของเรางดงามได้ค่ะ
และองค์พระคเณศผู้มีตำนานเรื่องเล่ามากมายองค์นี้ ก็ถือเป็นเทพองค์หนึ่งที่มีค่าควรแก่การบูชา เพราะเรื่องเล่าต่างๆ ของพระองค์นั้น ต่างก็มีท่วงทำนองไปในทางเดียวกันว่า พระองค์เป็นเทพที่ไม่เย่อหยิ่ง มีความเก่งกาจสามารถ และคอยปกป้องความชั่วร้ายและถือเป็นเทพยอดกตัญญู นึกดูแล้ว หากใคร สามารถดำเนินรอยตามพระองค์ได้...ก็คงเป็นผู้ที่มีความสุขใจชีวิตได้ไม่ยากนะคะ.
|