หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช
การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่จังหวัดนครราชสีมา

ตามรอยพระถังซำจั๋ง ผู้อัญเชิญพระไตรปิฎก จากประเทศอินเดีย มายังประเทศจีน


“พระถังซำจั๋ง”

สำหรับเด็กๆ ผู้เคยอ่านนวนิยายหรือการ์ตูน 'ไซอิ๋ว' หรือ ในชื่อภาษาจีนกลางคือ ซีโหยวจี้ (西游记) หนึ่งในสี่ยอดวรรณกรรมอมตะของแผ่นดินจีน ก็คงทราบดีว่า ตามท้องเรื่องนั้น พระถังซำจั๋งได้รับพระบัญชาขององค์ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ถัง ให้เดินทางไปยังดินแดนชมพูทวีป เพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกมายังแผ่นดินจีน โดยระหว่างการเดินทาง พระถังซำจั๋ง มีศิษย์คอยรับใช้เป็นสัตว์เดียรัจฉานสามตน คือ ลิงเห้งเจีย (ซุนอู่คง:孙悟空) สุกรตือโป๊ยก่าย (จูปาเจี้ย:猪八戒) และ ปลาซัวเจ๋ง (ซาอู้จิ้ง:沙悟净)

หลังผ่านภยันอันตรายนานับประการ สุดท้าย คณะของพระถังซำจั๋ง ก็บรรลุจุดมุ่งหมายเดินทางไปถึงชมพูทวีป อัญเชิญพระไตรปิฏกกลับถึงแผ่นดินจีนสำเร็จ

ไซอิ๋ว เป็นหนังสือที่เด็กๆ ชาวเอเชียตะวันออก รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทบจะทุกคนรู้จัก หากพูดถึงในการละเล่นของวัยเยาว์ เด็กผู้ชาย แทบจะทุกคนใฝ่ฝันอยากจะเป็นเห้งเจีย บ้างยอมเป็นซัวเจ๋ง ใครที่รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ หน่อยก็จะถูกจับให้เป็น ตือโป๊ยก่าย (ทั้งๆ ที่เจ้าตัวก็รับมาอย่างไม่เต็มใจนัก) มีน้อยคนนักที่จะยินยอมเป็น 'พระถังซำจั๋ง'

แต่เด็กคนใด จะทราบบ้างว่า ในความเป็นจริงแล้วการเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกมาจากอินเดียนั้น พระถังซำจั๋ง บุกป่าฝ่าฟันอุปสรรค์นานับประการ ข้ามทะเลทราย สุดลูกหูลูกตาไปแต่เพียงผู้เดียว ....


ภาพวาดฝาผนังพระถังซำจั๋ง (玄奘) ที่ตุนหวง (敦煌) มณฑลกานซู่

พระถังซำจั๋ง มีตัวตนจริงเมื่อ 1,300 กว่าปีที่แล้ว โดยได้ฉายานามหลังจากออกบวชว่า เสวียนจั้ง (玄奘; ค.ศ.600-665) พระเสวียนจั้ง ดำรงชีวิตอยู่ใน ช่วงปลายราชวงศ์สุยถึงช่วงต้นราชวงศ์ถัง ท่าน มีนามเดิมว่า เฉินอี (陈袆) เกิดที่ลั่วโจว (洛州; ปัจจุบันอยู่ในมณฑลเหอหนาน) ในครอบครัวที่บิดาเคร่งครัดลัทธิขงจื๊อมาก ท่านมีพี่น้องรวม 5 คน โดยท่านเป็นบุตรคนสุดท้อง

พออายุได้สิบขวบ บิดาของท่านก็เสียชีวิตตามมารดาที่เสียชีวิตไปก่อนหน้าแล้ว เนื่องจากชีวิตวัยเด็กอันลำบาก แต่ด้วยความเฉลียวฉลาด สนใจการศึกษาเรียนรู้ และความใฝ่ในธรรมะ พี่ชายของท่านสังเกตเห็นว่าน้องชายพอมีหัวทางศาสนาจึงฝากน้องไว้ศึกษาธรรมะที่วัดจิ้งถู่ (净土寺) ในนครลั่วหยาง พออายุได้ 13 ปี จึงบรรพชาเข้าสู่ร่มกาสวพัสตร์

ต่อมาเมื่อราชวงศ์สุยถึงจุดสิ้นสุด บ้านเมืองวุ่นวาย ท่านจำต้องย้ายสถานที่จำวัดจากนครลั่วหยาง ไปยังฉางอาน (ซีอานปัจจุบัน) แต่ด้วยความวุ่นวายในการแย่งชิงบัลลังก์ในนครหลวงทำให้ไม่เหมาะที่จะจำวัด ท่านและพี่ชายจึงมุ่งลงใต้ย้ายไปยังนครเฉิงตู

ต่อมาเมื่อบ้านเมืองสงบแล้ว พระเสวียนจั้งจึงตั้งใจว่าก็ย้ายกลับมาจำวัดที่นครฉางอานอันเป็นเมืองหลวง และศูนย์กลางของศาสนาพุทธในจีนขณะนั้น เพื่อเสาะหาพระอาจารย์ที่มีความรู้ลึกซึ้งในพระธรรม และฝากตัวเข้าศึกษาด้วย

ในประเทศจีนขณะนั้น ด้วยความที่ศาสนาพุทธ ได้เดินทางจากประเทศอินเดียผ่านเส้นทางสายไหมอันทุรกันดาร เข้ามาตั้งแต่สมัยฮั่นตะวันออก (东汉; ค.ศ.25-220) เวลาผ่านมาถึงสมัยถังรวม 500 กว่าปีแล้ว การตีความพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็แตกแขนงออกไปเป็นหลากแนวทางหลายสำนัก เมื่อ พระเสวียนจั้งศึกษาพระคัมภีร์จนแตกฉานมากขึ้นก็บังเกิดข้อสงสัยขึ้นมากมาย แต่เมื่อหาคำตอบแล้วกลับพบว่า แต่ละสำนัก ต่างก็ตีความไปคนละทิศละทาง


ภาพวาดพระถังซำจั๋ง

ดังนั้นท่านจึงเกิดข้อสันนิษฐานขึ้นว่าการแปล พระไตรปิฎกจากต้นฉบับมาเป็นภาษาจีนนั้นอาจทำให้ความดั้งเดิมในพระไตรปิฎกคลาดเคลื่อน และตัดสินใจว่า จะต้องเดินทางย้อนไปยังดินแดนอันเป็นต้นธารกำเนิดของศาสนาพุทธ ซึ่งก็คือ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน เพื่อศึกษาพระไตรปิฎกฉบับดั้งเดิมและคัดลอกนำกลับมายังแผ่นดินจีนให้ได้

อย่างไรก็ตามการเดินทางออกจาก มหานครฉางอานในช่วงที่สงคราม การเปลี่ยนราชวงศ์เพิ่งสงบ และเกิดการแย่งบัลลังก์กันในราชสำนักนั้นกลับมิใช่เรื่องง่ายแต่ประการใด โดยเฉพาะในปี ค.ศ.627 อันเป็นปีแรกที่ หลี่ซื่อหมิน (李世民) เพิ่งแย่งบัลลังก์มาจากพี่ชายหลี่เจี้ยนเฉิง (李建成) และขึ้นครองราชย์แทนหลี่ยวน (李渊) ผู้พ่อได้สำเร็จ

ด้วยความที่แผ่นดินจีนในขณะนั้นยังไม่มีเสถียรภาพ องค์ฮ่องเต้ถังไท่จง (หลี่ซื่อหมิน)จึงควบคุมการเดินทางเข้าออกนครฉางอานอย่างเข้มงวด ทั้งนี้เมื่อ พระเสวียนจั้ง ได้ขออนุญาตเดินทางออกจากฉางอานไปยังอินเดีย (เหมือนกับขอพาสปอร์ตในปัจจุบัน) ถึง 3 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ ท่านจึงแอบลักลอบเดินทางออกจากนครฉางอานโดยผิดกฎหมายในเวลาค่ำคืน เพื่อหลบหลีกการไล่ล่าของทหารตรวจคนเข้าเมือง .... เดินทางอย่างโดดเดี่ยว"

พระเสวียนจั้ง (หรือ พระถังซำจั๋งในไซอิ๋ว) มิได้มีเงินถุงเงินถังจากราชสำนักเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปอัญเชิญไตรปิฎกถึงอินเดีย มิได้มีผู้ช่วยเหลือเป็น เห้งเจีย ตือโป๊ยก่าย ซัวเจ๋ง แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามอุปสรรคที่ท่านต้องประสบพบนั้นกลับมิได้ลดน้อยไปกว่า เรื่องราวที่วรรณกรรมระบุแม้แต่น้อย

ท่านเสวียนจั้ง เพียงมี ความศรัทธาต่อศาสนาพุทธ เป็นเข็มทิศ เป็นแรงผลักดันให้เท้าก้าวเดิน ฝ่าฟันข้ามดินแดนอันแห้งแล้งมุ่งไปยังจุดหมายข้างหน้าที่สายตามิอาจมองเห็น ....


รูปปั้นพระเสวียนจั้ง ณ เจดีย์ห่านป่าใหญ่ (ต้าเอี้ยนถ่า:大雁塔) วัดต้าฉือเอิน (大慈恩寺) เมืองซีอาน

ปี ค.ศ.627 หลังจากออกจากฉางอาน พระเสวียนจั้ง เผชิญกับสภาวะธรรมชาติอันโหดร้าย เดินทางข้ามทะเลทรายอันเวิ้งว้าง ภูเขาหิมะหนาวเหน็บ ทุ่งหญ้าที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ผจญกับอุปสรรคและสิ่งเย้ายวนสารพัดสารพัน โจรปล้นคณะพ่อค้า ลูกไม้รั้งท่านให้อยู่แสดงธรรมต่อของกษัตริย์ในประเทศต่างๆ ที่เป็นทางผ่าน ด้วย สตรี อำนาจ ทรัพย์สิน

พระเสวียนจั้ง เดินทางผ่าน 16 ประเทศ ใช้เวลาทั้งหมด 4 ปี ฝ่าฟันอุปสรรคกายและอุปสรรคใจ ทั้งมวลมาถึงจุดหมายคือ มหาวิทยาลัยนาลันทา (那烂陀) ในประเทศอินเดียที่แต่เดิมชาวจีนเรียกว่า จู๋กั๋ว (竺国)

พระเสวียนจั้งใช้เวลาศึกษาพระไตรปิฎกที่มหาวิทยาลัยนาลันทา เป็นเวลา 6 ปีก่อนออกเดินทางไปทั่วประเทศอินเดียเพื่อเปิดโลกทัศน์ให้กับตนเอง ก่อนจะออกเดินทางกลับประเทศจีนพร้อมกับพระไตรปิฎกที่คัดลอกมาจากต้นฉบับในปี ค.ศ.643

ในเส้นทางขากลับจากอินเดีย พระเสวียนจั้งใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าขาไปครึ่งหนึ่ง คือ ใช้เวลา 2 ปี โดยกลับถึงนครฉางอานเมื่อ ปี ค.ศ.645 พร้อมกับอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ 150 องค์ พระไตรปิฎกจำนวน 257 เล่มสมุด บรรทุกด้วยม้าจำนวน 20 ตัว รวมระยะเวลาที่ท่านจากบ้านไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่อินเดียนานถึง 19 ปี รวมระยะการเดินทางกว่า 50,000 ลี้

"ระหว่างเส้นทางของการเดินทางกลับของพระเสวียนจั้ง ในบางช่วงท่านอาศัยเดินทางกับคณะพ่อค้าที่กำลังเดินทางมาค้าขายที่ฉางอาน แต่ก็โชคไม่ดีนักที่ คณะรวม 24 คนถูกโจรปล้นฆ่าเอาสินค้าไปไม่น้อย โดย สุดท้ายเมื่อมาถึงเมืองฉางอาน จากจำนวน 24 คน ต้องเสียชีวิตไปเสีย สองในสาม เหลือรอดมาได้เพียง 8 คน โดย พระเสวียนจั้งนั้นต้องขอร้องให้โจรละเว้นตัวท่านกับพระไตรปิฎกที่อุตสาหะไปนำมาจากอินเดีย"

"เมื่อกลับมาถึงเมืองจีน การเผยแพร่ศาสนาพุทธของ พระเสวียนจั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากในราชสำนักขณะนั้นฮ่องเต้ยังคงยึดถึง ลัทธิและคำสอนของขงจื๊อเป็นหลัก โดย กว่าที่จะกล่อมองค์ฮ่องเต้ให้หันมานับถือศาสนาพุทธได้นั้น พระเสวียนจั้งก็ต้องใช้เวลากว่า 20 ปี ตั้งแต่ ฮ่องเต้ถังไท่จง เรื่อยมาจนถึงพระราชโอรส ฮ่องเต้ถังเกาจง"

ในเวลาต่อมาด้วยการอุทิศตนของ พระเสวียนจั้ง ท่านได้แปลพระไตรปิฎกฉบับดั้งเดิมให้เป็นภาษาจีน จำนวนมากถึง 75 เล่มสมุด 1,335 ม้วน ซึ่งในปัจจุบัน พระไตรปิฎกฉบับแปลโดย พระเสวียนจั้ง ดังกล่าวก็ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายในวงพุทธศาสนาของประเทศจีน

นอกจากพระไตรปิฎกฉบับแปลเป็นภาษาจีน ที่พระเสวียนจั้งได้ทิ้งไว้เป็นมรดกอันล้ำค่าสำหรับชาวจีนและชาวเอเชียตะวันออกแล้ว ท่านยังได้ทิ้ง 'บันทึกดินแดนตะวันตกในสมัยถัง (大唐西域记)' บันทึกประวัติศาสตร์อันมีค่ามหาศาลไว้เป็นมรดกทาง วัฒนธรรม สำหรับชาวโลกรุ่นหลังอีกด้วย

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ พระถังซำจั๋ง
•กำเนิดมหายาน
•ม่อเกาคู : การสาบสูญและการค้นพบ (2)
•พระพุทธรูปแห่งบามิยัน และพระคัมภีร์พุทธเก่าแก่ที่สุด




ไปข้างบน