ปรากฏการณ์จตุคามรามเทพ
บรรดาผู้ศรัทธาในจตุคามรามเทพที่เดินทางไปบูชาที่วัดพุทไธศวรรย์ จ.อยุธยา
หากถามว่าวัตถุมงคลใดดังที่สุดในยุคนี้ พ.ศ.นี้ คงสามารถตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า “จตุคามรามเทพ” ทั้งนี้ เนื่องเพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหน เมืองใด ก็จะพบเห็นคนบูชาขึ้นคออย่างเจนตา กระทั่งส่งผลทำให้ยอดจอง รวมทั้งราคาวิ่งลิ่วไปอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่เป็นวัตถุมงคลใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในวงการพระเครื่องไม่นานนัก นอกจากนั้น บางรุ่นยังไม่ทันได้เททอง ยอดสั่งจองก็เต็มเรียบร้อยแล้ว
คงจะไม่เกินเลยไปนักหากจะกล่าวว่า นี่คือปรากฏการณ์จตุคามรามเทพ หรือจตุคามรามเทพฟีเวอร์ที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินสยามประเทศ
ไขปริศนาทำไมถึงดัง
รุ่นชนะมาร รุ่นโคตรเศรษฐี...รุ่นสิริมงคล...รุ่น 12 นักษัตร...รุ่นหลักเมืองพุทธาคมเข้าอ้อ...รุ่นปรกเกล้า...รุ่นแซยิด 108 ปีขุนพันธรักษ์ราชเดช...รุ่นมหาราชมหาบารมี....พระผงสุริยัน-จันทรา รุ่น 2 รุ่นจักรพรรดิมหาราช รุ่นรวยไม่เลิก รุ่นจอมจักรพรรดิ รุ่นมหาเศรษฐี 1,000 ล้าน รุ่นรักพ่อ รุ่นสมบัติจักรพรรดิ รุ่นเจริญโภคทรัพย์ ฯลฯ
เหล่านี้คือเป็นเพียงส่วนหนึ่งชื่อรุ่นต่างๆ ของจตุคามรามเทพที่ปรากฏให้ผู้ศรัทธาได้จับจองกันอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ถ้าหากพลิกไปดูตามหน้าพระเครื่องในหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารพระเครื่อง รวมกระทั่งถึงเว็บไซต์ต่างๆ ก็จะพบว่า มีข่าวสารความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการสร้างและการเปิดจองนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว
ที่น่าประหลาดใจไปกว่านั้นก็คือ ความนิยมในจตุคามรามเทพไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในนครศรีธรรมราชอันเป็นถิ่นกำเนิดและแค่จังหวัดภาคใต้เท่านั้น หากแต่ยังขยายวงกว้างไปในแทบทุกจังหวัด
คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ ทำไมจตุคามรามเทพหรือที่ผู้ศรัทธามักเรียกกันสั้นๆว่า “จตุคามฯ” หรือ “องค์พ่อ” หรือ “พ่อ” ซึ่งเป็นวัตถุมงคลที่เกิดขึ้นไม่นานนัก โดยมีการสร้างเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2530 เพื่อหารายได้มาใช้ในการสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ถึง “ดัง” มากมายถึงขนาดนี้
ที่วัดอุบลวนารามหรือวัดบัว จ.นนทบุรี อีกสถานที่ที่มีผู้ไปบูชาเป็นจำนวนมาก
“วัชรพงษ์ ระดมสิทธิพัฒน์” หรือ “อุ๊ กรุงสยาม” นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพพระเครื่อง อธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า กระแสความศรัทธาในจตุคามรามเทพดำเนินไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยในช่วงแรกไม่ค่อยมีผู้คนรู้จัก คงแต่มีใช้เฉพาะกลุ่มข้าราชการบางคนในพื้นที่และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงเท่านั้นและเพิ่งจะมาได้รับความนิยมสูงสุดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้นี่เอง
กล่าวคือ หลังจากที่มีการสร้างรุ่นแรกในปี 2530 ทุกอย่างก็นิ่งสงบ ไม่ใครสนใจ ขายเพียงองค์ละไม่กี่สิบบาทก็ไม่มีใครเช่า กระทั่งในปี 2542 ก็เริ่มมีคนให้ความสนใจมากขึ้นเนื่องจากมีผู้นำไปใช้และมีประสบการณ์บอกกันในลักษณะปากต่อปากว่า “บูชาแล้วค้าขายดี บูชาแล้วธุรกิจไม่มีปัญหา บูชาแล้วสามารถอธิษฐานขออะไรก็ได้”
ต่อมาในปี 2547 เริ่มมีการสร้างจตุคามรามเทพกันหลายรุ่น จากนั้นในปี 2548 ความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมาถึงขีดสุดในปี 2549 ต่อเนื่องมาถึงปี 2550 กระทั่งทำให้ราคาของจตุคามรามเทพรุ่นแรกที่เปิดจำหน่ายในราคาแค่ 49 บาทพุ่งสูงขึ้นถึงหลักล้าน
“กระแสศรัทธาเกิดขึ้นเพราะประสบการณ์ในการใช้ คือเมื่อมีคนใช้มากๆ และเห็นผลก็เริ่มมีการบอกต่อไปเรื่อยๆ ว่าองค์พ่อช่วยได้ และมีบางรุ่นใหม่ๆ ถึงขนาดสามารถขายใบจองกันได้ก็มี ตอนนี้ ผมบอกได้ว่า ความนิยมมีตั้งแต่ระดับมหาเศรษฐีไปจนถึงคนธรรมดา ขณะที่ถ้าเราสังเกตให้ดีจะเห็นว่าเวลานี้เกิดกระแสวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างต้องห้อยจตุคามรามเทพด้วย” อุ๊ กรุงสยามแจกแจง
ไม้แกะรูปจตุคามรามเทพที่วัดพระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช
ส่วน พิศาล เตชะวิภาค หรือ “ต้อย เมืองนนท์” อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย อธิบายเสริมว่า ประเด็นสำคัญที่ทำให้มีผู้นิยมในองค์จตุคามรามเทพค่อนข้างมากน่าจะเป็นเพราะความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมา รวมทั้งประสบการณ์ของผู้ที่เคยบูชาว่า ใครก็ตามที่แขวนจตุคามรามเทพแล้วจะขออะไรก็ได้
หรือสรุปสั้นๆ ให้ได้ใจความว่า “ขอได้ ไหว้รวย”
ประกอบกับในยุคนี้เศรษฐกิจของไทยในภาพรวมไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ดังนั้น การตัดสินใจที่จะใช้เงินก้อนใหญ่เพื่อเช่าบูชาพระเครื่องเก่าๆ ที่มีราคาแพงจึงลดจำนวนลง และหันมาบูชาจตุคามรามเทพแทน เพราะมีราคาไม่แพงและไม่ต้องกังวลเรื่องพระปลอมหรือไม่ปลอม
“จตุคามรามเทพดังมากขึ้นเป็นลำดับ ดังสุดๆ ก็น่าจะเป็นสัก 2-3 ปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็คือ เวลานี้หลายรุ่นยังไม่ทันเททองเลย ใบจองก็หมดแล้ว เรียกว่า การสร้างพระใหม่ๆ เวลานี้ถ้าไม่ใช่จตุคามฯ ก็แทบขายไม่ได้เลย อย่างรุ่นแรกขณะนี้บางองค์สวยๆ ก็ราคาร่วมล้านบาทหรืออย่างน้อยก็หลายแสน”
“ดังนั้น ในเวลานี้ผู้ที่อยู่ในแวดวงพระเครื่องจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเซียนพระที่เคยเล่นแต่พระเก่ายังต้องหันกลับมาเล่นจตุคามรามเทพกัน เนื่องจากยอดความต้องการสูงมากจริงๆ”ต้อย เมืองนนท์ให้ภาพ
ผู้ศรัทธาพากันเข้าคิวเช่าจตุคามรามเทพ
เงินสะพัดนับพันล้าน
ผลพวงจากความนิยม ความศรัทธาที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนอยู่ในแวดวงที่เกี่ยวข้องมากมายมหาศาลเลยทีเดียว ดังจะเห็นได้จากโฆษณาที่ปรากฏตามหน้าพระเครื่องของหนังสือพิมพ์ รวมทั้งเว็บไซต์ต่างๆ ขณะที่บริเวณวัดพระศรีมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช อันเป็นที่ประดิษฐ์สถานจตุคามรามเทพก็มีพิธีบวงสรวงกันไม่เว้นแต่ละวัน
ยิ่งกว่านั้นก็คือ บางรุ่นถึงขนาดสามารถขาย “ใบจอง” ได้อีกด้วย
หรือล่าสุด (2 ก.พ. 50) ที่วัดพุทไธศวรรย์ จ.พระนครอยุธยา หนึ่งในสถานที่ที่ประชาชนนิยมไปกราบองค์จตุคามรามเทพ และทำพิธีเทวาภิเษกจตุคามฯ ออกมาให้ลูกศิษย์ลูกหาผู้นับถือได้บูชากัน ปรากฏว่า วัตถุมงคลที่ทำวัตถุผลิตออกมาแทบหมดเกลี้ยงจากวัดโดยเฉพาะรุ่นทั่วไป เหลือเพียงแค่รุ่นที่มีราคาแพงเท่านั้น
ฉันท์ทิพย์ พันธรักษ์ราชเดช บุตรชายของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช หนึ่งในบุคคลสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชและวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ บอกว่า ปัจจุบันความต้องการในการสร้างมีสูงมาก เช่น ในปี 2549 ที่ผ่านมาต้องเข้าไปเป็นเจ้าพิธีในการบวงสรวงมากถึง 39 วัดกับอีก 2 โรงเรียน ขณะที่ในปี 2550 เฉพาะเดือนม.ค.นี้ มีกำหนดถึง 12 วัดด้วยกัน แต่ก็สามารถทำไปได้เพียง 6-7 วัดเท่านั้น
“ความต้องการในการสร้างมากจริงๆ จนทำแทบไม่ทัน ผมเองต้องนำเอาหลายๆ วัดมาปลุกเสกร่วมกัน ไม่งั้นไม่ไหว อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผมเห็นว่า แม้จะมีการสร้างมาก แต่ถ้ามีการนำรายได้ไปทำบุญทำกุศลก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง” ฉันท์ทิพย์ให้ภาพ
ขณะที่ อุ๊ กรุงสยาม ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่สร้างจตุคามรามเทพรุ่นแรกจนถึงปัจจุบันมีการสร้างมาแล้วกว่า 100 รุ่น โดยเริ่มมีการสร้างเพิ่มมากขึ้นในช่วงประมาณ 2547 และ 2548 ต่อเนื่องจนถึงปี 2549 ซึ่งคาดว่าเฉพาะในปี 2550 จะมีการสร้างไม่ต่ำกว่า 150 รุ่น เพราะเมื่อทุกคนเห็นว่า จตุคามรามเทพขายได้ สมาคม มูลนิธิ องค์กรหรือกลุ่มต่างๆ ก็แห่กันสร้างจตุคามฯ กันเป็นจำนวนมาก
“ต้นปี 2550 มานี้เรียกว่ามีการเสกกันรายวันก็ได้ ทั้งที่นครศรีธรรมราชเองและที่อื่นๆ เฉพาะม.ค.เดือนเดียวก็มีสร้างกันแล้วประมาณ 30 รุ่น ถามว่าเม็ดเงินในวงการมากไหม ถ้าเฉพาะการสร้างหลักร้อยล้านน่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าขยายผลไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การใส่กรอบ ใส่ตลับ การหมุนเวียนการเช่าต่อในตลาดพระเครื่องก็น่าจะถึงพันล้านได้เหมือนกัน”
“ส่วนถามว่าปี 2550 เป็นอย่างไร ผมคิดว่าน่าจะเป็นอีกปีหนึ่งที่ความนิยมพุ่งแรงขึ้นกว่าเก่าและน่าเป็นห่วง เพราะมีการสร้างกันเยอะมากโดยไม่ได้คำนึงถึงการประกอบพิธีกรรมที่ถูกต้อง ที่ร้ายหนักก็คืออุตสาหกรรมพระเก๊ที่ปั๊มออกมาวางขายแบกะดิน องค์ละ 20 องค์ละ 40 บาท พวกนี้จะทำให้จตุคามฯ เสื่อมความนิยมลงได้”อุ๊ กรุงสยามแจกแจง
เช่นเดียวกับ “เป้า” (ขอสงวนนามสกุล) เซียนพระเครื่องใน จ.นครศรีธรรมราช ในฐานะนายหน้าการจัดสร้างพระเครื่องรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อมีผู้ศรัทธาและมีความต้องการในองค์พ่อสูงมาก จึงเป็นช่องทางในการทำธุรกิจหารายได้ ซึ่งก็ส่งผลทำให้การจัดทำในแต่ละรุ่นมีรายได้มหาศาล
อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ผู้ที่ดำเนินการจัดสร้างนั้นมีทั้งเจตนาดี และก็มีอีกไม่น้อยที่ต้องการทำเพื่อเงิน โดยมีรายได้ส่วนหนึ่งไปทำกุศลเล็กๆ น้อยๆ กันครหานินทาเท่านั้น
“รายได้ส่วนใหญ่ตกอยู่ที่นายทุนจัดสร้าง และนายทุนเหล่านี้ได้อาศัยวัดในการจัดสร้าง โดยมีข้อตกลงกับวัดว่า ต้องการรายได้แค่ไหน ส่วนต่างคือผลกำไร โดยที่นายทุนจะเป็นผู้ลงทุนจัดสร้างทั้งหมดทุกขั้นตอน รวมทั้งเป็นแม่งานในการดำเนินการทำพิธีในแต่ละช่วง เพราะต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง”
บทพิสูจน์ที่สะท้อนให้เห็นความดังของจตุคามรามเทพที่ชัดเจนที่สุดก็คือ กรณีที่ “ศิริพร บุญเจริญ” สรรพากรพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการจัดสร้างจตุคามรามเทพว่า ขณะนี้วงการพระเครื่องของนครศรีธรรมราชกำลังเติบโตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ “จตุคามรามเทพ” ที่กำลังโด่งดังอย่างมาก ซึ่งรวมๆ แล้วมีเม็ดเงินสะพัดอยู่นับพันล้านบาทเลยทีเดียว และกรมสรรพากรกำลังพิจารณาเรื่องการจัดเก็บภาษีของธุรกิจในกลุ่มนี้อยู่
|