แจก 'จตุคามรามเทพ' งานเผาขุนพันธรักษ์ราชเดช
วัตถุมงคลเหรียญจตุคามรามเทพ
จังหวัดนครศรีธรรมราชเตรียมจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดชอย่างยิ่งใหญ่ โดยเมื่อเช้าวันที่ 8 ก.พ. 50 ที่ห้องประชุมศรีปราชญ์ ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม รอง ผวจ.นครศรีธรรมราช เป็นประธานประชุมคณะกรรมการจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จฯพระราชทานเพลิงศพในวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.พ. เวลา 17.00 น. ณ เมรุชั่ว คราววัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
ที่ประชุมได้แบ่งคณะกรรมการออกเป็น 14 ฝ่ายเพื่อรับผิดชอบงานด้านต่างๆ โดยในวันที่ 20 และ 21 ก.พ. 50 จะสวดพระอภิธรรมเวลา 18.00 น. ณ ศาลา 100 ปี วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ส่วนวันที่ 22 ก.พ.50 สวดพระอภิธรรมเวลา 10.00 น. ก่อนพระราชทานเพลิง ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าจะเกิดปัญหาขึ้นจากการที่มีผู้คนแห่มาร่วมพิธี เนื่องจาก พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช มีผู้เคารพนับถือมาก นอกจากนี้ มีข่าวว่าของที่ระลึกที่ญาติเตรียมไว้นั้นเป็นเหรียญจตุคามรามเทพที่กำลังโด่งดังเป็นที่ต้องการของผู้ศรัทธา อาจทำให้ ประชาชนเบียดเสียดยื้อแย่งกันจนเกิดความวุ่นวาย
พล.ต.ต.สุดใจ ญาณรัตน์ ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงการรักษาความสงบเรียบร้อยว่า เตรียมกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 1,200 นาย และ ตชด. กับทหารอีก 1,200 นาย มาร่วมรักษาความปลอดภัย ส่วนสถานที่จอดรถและเส้นทางจราจรได้วางแผนไว้หมดแล้ว คาดว่าไม่มีปัญหา
ด้านนางจินตพาตี ทับทิมทอง และนายณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช ลูกสาวและลูกชายของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ซึ่งเข้าร่วมประชุมด้วย เผยว่า ได้เตรียมหนังสือและของที่ระลึกเป็นวัตถุมงคลเหรียญจตุคามรามเทพและเหรียญ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดชไว้ 7 พันชุดแจกจ่ายคนที่มาร่วมพิธี แต่เกรงว่าไม่พอ ญาติได้หารือกันว่าจะสร้างวัตถุมงคลเพิ่มหรือไม่ ส่วนวิธีการแจกอาจให้คูปองไปก่อนและมารับภายหลังเพื่อป้องกันการเวียนเทียนและความวุ่นวาย ซึ่งอยู่ระหว่างหาข้อสรุป
สำหรับ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เดิมชื่อนายบุตร์ พันธ์รักษ์ เกิดวันที่ 18 ก.พ. 2442 ที่ ต.ดอนตะโก อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช หลังจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจห้วยจระเข้ จ.นครปฐม เมื่อปี 2472 ได้ไปประจำตามพื้นที่ต่างๆของประเทศ โดยปี 2474 ย้ายไป จ.พัทลุง ปราบปรามเสือสังกับเสือพุ่มนักโทษแหกคุกและยังวิสามัญคนร้ายคดีสำคัญอีก 16 ราย ปี 2476 มีหัวหน้าโจรชื่ออะแวสะดอตาเละปล้นฆ่าผู้คนในพื้นที่ จ.นราธิวาส ผู้บังคับบัญชาจึงส่งไปปราบปรามจนราบคาบ สามารถจับหัวหน้าโจรได้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ยกย่องอย่างมาก
ปี 2482 ย้ายกลับมาอยู่ จ.พัทลุงอีกครั้ง ปราบปรามคนร้ายสำคัญคือเสือสายและเสือเอิบ ก่อนจะย้ายไปเป็นผู้กำกับตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตรปี 2486 กวาดล้างโจรแก๊งเสือโน้ม ต่อมาปี 2489 ย้ายไปเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท พร้อมทั้งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองผู้อำนวยการกองปราบพิเศษของกรมตำรวจขณะนั้น ลุยปราบชุมโจรสุพรรณบุรี อาทิ เสือฝ้าย เสือผ่อน เสือครึ้ม เสือปลั่ง เสือใบ เสืออ้วน เสือไหว เสือมเหศวร เสือไกร และเสือวัน แห่งชุมโจรอำเภอพรานกระต่าย จนได้รับฉายาจากชุมเสือว่า ขุนพันดาบแดง และจอมขมังเวท
หลังจากนั้นย้ายไปอยู่พัทลุงอีกครั้ง ปราบปรามชุมโจรเกิดใหม่ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 8 จนเกษียณราชการ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช นอกจากจะเป็นนายตำรวจมือปราบแล้ว ยังเป็นนักประวัติศาสตร์อีกด้วย แม้จะเกษียณอายุราชการแล้วแต่ก็ยังสร้างคุณประโยชน์ โดยปี 2512 ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.นครศรีธรรมราช สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนี้ยังเป็นผู้สนใจเรื่องไสยศาสตร์มักได้รับเชิญเป็นประธานพิธีปลุกเสกพระเครื่อง มีลูกศิษย์มาก อาทิ พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล อดีต ผบช.ประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
นอกจากนี้ ยังมีส่วนให้วัตถุมงคลเหรียญจตุคามรามเทพมีชื่อเสียงโด่งดังมีผู้ศรัทธาทั่วประเทศ โดย พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดชเป็นผู้เปิดเผยเรื่องราวของเทพ 2 องค์ ที่ทำหน้าที่เฝ้าองค์พระบรมธาตุเจดีย์ นครศรีธรรมราช คือองค์ท้าวจตุคามรามเทพ และมีการอัญเชิญประดิษฐานภายในศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชเมื่อปี 2530 ทำให้วัตถุมงคลหรือเหรียญหลักเมือง ซึ่งสร้างพร้อมกันในปีนั้นเป็นที่ต้องการของทุกคนมีผู้ให้ราคาสูงนับล้านบาท พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดชเสียชีวิตด้วยโรคชราเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2549 ด้วยอายุ 108 ปี
|