หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช
การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่จังหวัดนครราชสีมา
เชิญชม การ์ตูนแอนนิเมชั่น  เสี้ยวลิ้มยี่  (The Legend of Shaolin Kung Fu)
เชิญชม VDO น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
เชิญชม ประวัติศาสตร์การเมือง ตอน ปิดตำนานทักษิณ
เจ้าแม่กวนอิม
ชมตัวอย่างภาพยนตร์,หนัง
ฐานิยปูชา ๒๕๕๑

พระโรหณะกับพระนาคเสน


พระเจ้ามิลินท์ได้เที่ยวท้าทายถามปัญหานักบวชและนักปราชญ์สำนักต่าง ๆ จนกรุงสาคละของพระองค์ว่างเปล่าจากผู้ทรงปัญญาเนื่องจากสมณพราหมณ์ทั้งหลายที่ไม่สามารถโต้เถียงกับพระองค์ได้ต่างพากันอพยพออกจากสาคลนครโดยทั่วกัน

เมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวปรากฏแก่ทิพยโสตของพระอัสสคุตตเถระ ซึ่งเป็นพระอรหันต์ผู้อาศัยอยู่เชิงเขา ณ รักขิตคูหา พระเถระเกรงว่าหากยังปล่อยให้พระเจ้ามิลินท์มีพฤติกรรมเช่นนี้ต่อไป พุทธศาสนาอาจไร้ซึ่งผู้เลื่อมใสศรัทธาและอาจเสื่อมโทรมลงในที่สุด จึงได้เรียกประชุมพระอรหันต์ทั้งหลายในบริเวณภูเขาเพื่อหาทางแก้ไข ที่ประชุมเห็นชอบให้เชิญมหาเสนเทพบุตรจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์จุติลงมาเป็นผู้แก้ปัญหาพระเจ้ามิลินท์


พระเจ้ามิลินท์

เมื่อพระอรหันต์ทั้งหลายพากันขึ้นไปพบมหาเสนเทพบุตรพร้อมชี้แจงจุดประสงค์ของคำเชิญให้จุติ มหาเสนเทพบุตรตอบตกลงและได้ลงมาปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาของโสณุตรพราหมณ์ซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน กชังคลคาม ในขณะเดียวกัน พระอรหันต์ทั้งหลายได้มอบหมายให้พระโรหณเถระซึ่งมิได้เข้าร่วมประชุมเนื่องจากไปเข้าปฐมญาณอยู่ ณ เขาหิมวันต์ มีหน้าที่รับผิดชอบอบรมมหาเสนเทพบุตรเมื่อมาเกิดในตระกูลพราหมณ์

นับแต่บัดนั้น พระโรหณเถระจึงได้เพียรผ่านหมู่บ้านพราหมณ์ทุกวันเพื่อบิณฑบาต แต่ไม่เคยได้รับอาหารจากบ้านใดเลยนอกจากคำด่าว่าเสียดสี จนกระทั่ง ๗ ปี ๑๐ เดือนล่วงมา คนในบ้านโสณุตรพราหมณ์จึงกล่าวแก่พระโรหณะว่า “ขอไปโปรดสัตว์ข้างหน้าเถิด พระคุณท่าน”

เมื่อพระโรหณะเดินผ่านเลยไป ได้เผอิญพบโสณุตรพราหมณ์สวนทางมา โสณุตรพราหมณ์ถามเย้ยว่า “วันนี้ท่านได้อะไรจากบ้านเราหรือไม่” ซึ่งพระเถระตอบว่า “ได้” พราหมณ์จึงกลับไปถามคนที่บ้านว่าได้ให้อะไรกับพระ ซึ่งคนในบ้านตอบปฏิเสธ วันต่อไป พราหมณ์จึงรอพบพระโรหณะเพื่อกล่าวหาว่าพระเถรเจ้ามุสา

พระโรหณะตอบกลับด้วยเมตตาว่า “ดูก่อนพราหมณ์ เราไม่เคยได้ยินคำปราศัย ‘ขอไปโปรดสัตว์ข้างหน้า’ จากบ้านท่านเป็นเวลา ๗ ปี ๑๐ เดือน เพิ่งได้ยินเมื่อวาน จึงกล่าวแก่ท่านว่า เราได้”

พราหมณ์ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสะเทือนใจว่า แม้คำปราศัยเล็ก ๆ น้อย พระเถรเจ้ายังสรรเสริญ จึงสั่งให้คนในบ้านจัดอาหารถวายและนิมนต์ให้พระโรหณะมารับบาตรที่บ้านทุกวัน เมื่อได้พิจารณาเห็นอาการอันสงบและเปี่ยมด้วยเมตตาของพระเถรเจ้า ก็ยิ่งบังเกิดความเลื่อมใส พราหมณ์จึงได้นิมนต์ให้พระโรหณะฉันอาหารในเรือนของตนอยู่เป็นประจำ


ในเวลาต่อมา ภรรยาของพราหมณ์คลอดบุตรซึ่งได้แก่มหาเสนเทพบุตรจุติลงมา พราหมณ์ให้ชื่อบุตรว่า “นาคเสน” ซึ่งเมื่อมีอายุ ๗ ขวบ นาคเสนกุมารได้เล่าเรียนศิลปวิทยาของศาสนาพราหมณ์จนแตกฉานจบสิ้น จึงปรารภถึงความไม่มีแก่นสารของสิ่งที่ตนได้เล่าเรียน

ขณะนั้น พระโรหณะทราบถึงความคิดคำนึงของนาคเสนกุมารจึงมาปรากฏกายที่หน้าบ้านพราหมณ์

นาคเสนกุมารแลเห็นพระเถรเจ้านุ่งห่มแปลกตา จึงคิดว่าบรรพชิตรูปนี้อาจรู้วิชาที่เป็นแก่นสาร จึงเดินเข้าหาแล้วถามว่า “ท่านเป็นอะไร เหตุใดจึงโกนศีรษะและนุ่งผ้าย้อมฝาดเช่นนี้”

พระโรหณะตอบว่า “เราเป็นบรรพชิต”

น. บรรพชิตเป็นอย่างไร เป็นบรรพชิตเพราะประสงค์อะไร

ร. บรรพชิตคือผู้ปลีกตนออกจากกิจการที่เป็นโลกียะเพื่อขัดเกลาจิตใจให้ปราศจากมลทิน

น. เหตุใดท่านจึงต้องโกนผม

ร. เพราะเราเห็นเป็นเครื่องที่ทำให้ต้องหมกมุ่นกังวล เช่น ต้องกังวลหาเครื่องประดับ ตกแต่งให้เข้ารูป ทาด้วยของหอม สระล้าง หวี สาง รัด เกล้า และเมื่อผมร่วงบาง เจ้าของย่อมเสียดาย ดูก่อนเด็กน้อย บุคคลใดยังหมกมุ่นกังวลอยู่ในกิจเหล่านี้ย่อมมิสามารถทำสิ่งซึ่งสุขุมให้แจ้งได้

น. เหตุใดท่านจึงนุ่งห่มไม่เหมือนผู้อื่น

ร. เพราะเหตุที่ผ้าโดยทั่วไปเป็นที่อิงอาศัยของกิเลสกามเป็นเครื่องก่อความรบกวนจิตใจ และเป็นเครื่องหมายของคฤหัสถ์ ผ้านุ่งห่มของเราจึงไม่เหมือนคนอื่น


นาคเสนกุมารได้ยินดังนั้นก็เกิดความเลื่อมใสว่าบรรพชิตรูปนี้อาจรู้แจ้งในวิชาที่มีแก่นสาร จึงขออนุญาตบิดามารดาออกบวช เมื่อได้รับอนุญาต พระโรหณะจึงพานาคเสนกุมารไปยังรักขิตคูหาและบวชนาคเสนกุมารท่ามกลางพระอรหันต์ทั้งหลายที่อาศัยอยู่บริเวณเขาแห่งนั้น


ไปข้างบน