'ลูกขุนพันธ์' ร้อง ตร.จับพวกฉวยโอกาส!ทำเหรียญที่ระลึกเก๊
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 7 มี.ค. นายณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช อายุ 56 ปี บุตรชายคนโตของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช และนางพรรณธนา พันธรักษ์ราชเดช ลูกสะใภ้ เข้าพบ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปป.1) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่ปลอมแปลงเหรียญที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา
นายณสรรค์ให้การว่า ในวันดังกล่าว ครอบครัวตนได้แจกจ่ายเหรียญที่ระลึกให้กับประชาชนที่มาร่วมงาน โดยตน และน้องชาย จัดทำขึ้น 60,000 เหรียญ และสั่งทำเพิ่มอีก 20,000 เหรียญ มีด้วยกัน 3 แบบ แบบแรกที่ตนสร้าง เป็นเหรียญเงิน ทองแดงรมดำ และผงว่านขาวดำแดง มีรูปขุนพันธรักษ์ราชเดชอยู่ด้านหน้า ด้านหลังเป็นลายพิมพ์นิ้วโป้งขวาของขุนพันธรักษ์ราชเดช ส่วนน้องชายทำไว้ 2 แบบ เป็นเหรียญชนิดผง ด้านหน้าเป็นรูปองค์ จตุคามรามเทพ ยกมือ ด้านหลังเป็นรูปขุนพันธ-รักษ์ราชเดชนั่งเก้าอี้ถือดาบ และอีกแบบ เป็นเหรียญทองแดงพิมพ์เสมา ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่ทวด ส่วนด้านหลังเป็นรูปขุนพันธรักษ์ราชเดช
นายณสรรค์กล่าวต่อว่า ภายหลังวันงานทราบว่า มีกลุ่มบุคคลนำเหรียญที่ระลึกปลอมออกมาขายให้กับผู้มาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ ในราคา 400-2,000 บาท มีทั้งหมด 2 แบบ แบบแรกเป็นเหรียญอาร์มทองแดง ด้านหน้าเป็นรูปขุนพันธรักษ์ราชเดชครึ่งตัว ด้านหลังเป็นรูปพระธาตุนครศรีธรรมราช อีกแบบเป็นเหรียญทองแดง ทรงกลม ด้านหน้าเป็นรูปขุนพันธรักษ์ราชเดชถือไม้เท้า ด้านหลังเป็นรูปจตุคาม-รามเทพ ทั้ง 2 แบบ มีสติกเกอร์ระบุข้อความติดอยู่ว่า ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพขุนพันธรักษ์ราชเดช ส่วนเบาะแสเกี่ยวกับผู้สร้างเหรียญปลอม ทราบว่าถูกผลิตจากโรงงานแห่งหนึ่งในย่านพรานนก กทม.จำนวน 20,000 เหรียญ และไม่ได้ผ่านพิธีกรรมแต่อย่างใด
“ผมและครอบครัวไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำครั้งนี้ ที่มาร้องเรียน เนื่องจากเกรงว่าประชาชนจะถูกหลอกลวง ประชาชนบางส่วนที่ไม่ทราบได้ไปเช่าซื้อหาไว้บูชา ทำให้ครอบครัวและวงศ์ตระกูลของผมเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะวัตถุประสงค์มีไว้สำหรับแจกเพื่อเป็นที่ระลึกเท่านั้น นอกจากนี้ ยังทราบว่ามีผู้เสียหายบางรายไปแจ้งความไว้ที่ สภ.อ.เมืองนครศรีธรรมราชด้วย จึงต้องการให้ พล.ต.ท.จงรักดำเนินการและเอาผิดกับผู้กระทำดังกล่าว” นายณสรรค์กล่าว
พล.ต.ท.จงรักกล่าวว่า ได้ส่งเรื่องให้ พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผบช.ภ.8 ดำเนินการ โดยให้สืบสวนถึงแหล่งผลิต เพราะเหรียญปลอมแปลงที่ว่า มีต้นทุนแค่ 2-3 บาท แต่ นำมาจำหน่ายให้ประชาชนในราคาเหรียญละ 3,000 บาท เช่นเดียวกับเหรียญเนื้อผง ราคาต้นทุนอยู่ที่ 5-6 บาท แต่นำมาขายในราคา 3-5 พันบาท ถือว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
วันเดียวกัน นายอภิชาติ ถนอมทรัพย์ ผอ.สำนักตรวจสอบและคดี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ได้ติดตามกระแสจัดสร้างพระผง และเหรียญจตุคาม-รามเทพ มาพักใหญ่ รู้สึกเป็นห่วงการโฆษณาชวนเชื่อเกินจริงของบางกลุ่ม รวมไปถึงการหลอกลวงว่า ได้ผ่านพิธีปลุกเสกแล้ว การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และเป็นมูลฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สามารถยึดทรัพย์ผู้กระทำผิดได้ เหมือนกับคดีเณรแอ ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชนต้องถูกอายัดทรัพย์สินประมาณ 17 ล้านบาท หลังมีพฤติการณ์โฆษณาชวนเชื่อว่ามีเวทมนตร์ไสยศาสตร์ ถือเป็นการหลอกลวงโดยการกระทำ ต่างกับกรณีการสร้างเหรียญจตุคาม-รามเทพ หากไม่ผ่านพิธีปลุกเสก ถือว่าเป็นการหลอกลวงโดยวัตถุ
ส่วนเหตุวุ่นวายเมื่อวันที่ 6 มี.ค. บริเวณหน้าศูนย์ส่งเสริมจริยธรรม-คุณธรรมเยาวชน นครศรีธรรมราช (สำนักงานเรือนจำนครศรีธรรมราชเก่า) ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช เกี่ยวกับวัตถุมงคล จตุคามรามเทพ รุ่นจักรพรรดิมหาราช ที่มีพระอธิการสวงค์ ฉันทธัมโม เจ้าอาวาสวัดมัชฌิมภูมิวราราม หรือวัดท่ายายหนี ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช เป็นประธานจัดสร้าง มีรายงานว่าในช่วงสายของวันที่ 7 มี.ค. ยังมีประชาชนทยอยเข้ามาติดต่อขอรับวัตถุมงคลตามปกติ แม้จะไม่มีตลับพลาสติกบรรจุเหรียญจตุคามก็ตาม แต่ก็ยังมีประชาชนอีกนับร้อยคน มาแสดงความประสงค์ขอเงินคืน ซึ่งเจ้าหน้าที่ยินยอมให้คืนเงินด้วยดี
ขณะที่พระอธิการสวงค์ เปิดแถลงข่าวยอมรับว่า ปัญหาเกิดจากการขาดกล่องบรรจุวัตถุมงคล เจ้าหน้าที่ต้องบรรจุใส่ถุงพลาสติกให้แทน ทำให้เกิดการแตกหักชำรุดได้ง่าย รวมทั้งวัตถุมงคลบางรายการมีความชื้น เกิดจากการเก็บใส่ในกล่องโฟม ปิดผนึกด้วยเทปกาว อากาศไม่สามารถระบายได้ เมื่อเปิดกล่องพบ คณะกรรมการจึงรีบนำออกตากระบายอากาศโดยเร่งด่วน และยืนยันว่าวัตถุมงคลทุกแบบ ผ่านพิธีพุทธาภิเษก เทวาภิเษก และนำเอาเข้าสู่พิธีครบทุกวาระ ไม่ได้มีการทำขึ้นภายหลัง
พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.สภ.อ.เมืองนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในการแจ้งความดำเนินคดี หลังจาก ลงบันทึกประจำวันแล้ว ได้เชิญคณะกรรมการผู้จัดสร้างมาพูดคุย โดยทางคณะกรรมการยินยอมที่จะคืนเงินจองให้แก่ผู้เสียหายในทุกกรณี เรื่องจึงคลี่คลายลง เนื่องจากเป็นคดีที่ยอมความกันได้ แต่หากยืนยันจะเอาความ ก็ต้องเรียกมาดำเนินคดี ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนได้ทันที แต่ประชาชนส่วนใหญ่เพียงต้องการเอาเงินคืนเท่านั้น
|