วัดเคลื่อนที่ในรถของ “เชอรี่” มิสไทยแลนด์เวิลด์
“เวลาขับรถ คนอื่นอาจจะชอบฟังเพลงแต่สำหรับเชอรี่แล้วต้องเป็นบทสวดธรรมะ เพราะจะช่วยให้เราใจเย็นขึ้นและมีสมาธิด้วย”
นั่นคือคำตอบที่ออกมาจากปากของสาวสวยระดับประเทศอย่าง “เชอรี่” เมลิสา มหาพล เจ้าของตำแหน่ง Miss Thailand World 2006 เมื่อถามถึงกิจกรรมที่ทำระหว่างขับรถของเธอ เชอรี่ กล่าวว่า เป็นความฝันมาตั้งแต่เด็กที่อยากเป็นนางงาม เพราะเห็นว่าคนที่เป็นนางงามมีพลัง มีคนเข้ามารุมล้อม การประกวดครั้งนี้เธอตั้งความหวังไว้เหมือนกัน เมื่อได้ตำแหน่งรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ โดยก่อนหน้านี้ตนเคยผ่านการประกวดเวทีมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2549 มาแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งมีโอกาสได้สวมมงกุฎจากเวทีนี้
“ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะนะคะ ตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่งเรากลายเป็นคนใหม่ที่ต้องทำประโยชน์ให้กับสังคม ส่วนเงินรางวัลจะนำเป็นทุนการศึกษาด้านนิเทศศาสตร์เพราะเชอรี่ชอบการแสดงอยากเรียนรู้การแสดง อยากเข้าวงการบันเทิงอย่างตอนนี้ก็กำลังมาเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมเพื่อเตรียมตัวไปทำรายการกับช่อง 3 ต้นสังกัด แล้วเงินรางวัลอีกส่วนตั้งใจนำไปมอบให้มูลนิธิสัตว์พิการ และทำบุญที่วัดพระบาทน้ำพุ”
ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเดียวของเชอรี่เธอจึงถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆว่าการใช้ชีวิตที่ดีนั้นต้องเป็นชีวิตที่มีธรรมะช่วยนำทางไปด้วยเสมอ ตั้งแต่เรื่องการเรียน การทำงาน กระทั่งการขับรถ “นิสสัน ทีด้า” ที่ได้รับเป็นรางวัลจากการประกวด น้องเชอรี่ย้อนให้ฟังว่าเริ่มขับรถตังแต่อายุได้ 14 ปี ด้วยรถกระบะของที่บ้านแต่ยังไม่คล่องเพราะเป็นเกียร์ธรรมดา แต่คุณพ่อก็ค่อยๆสอนให้ขับเรื่อยๆจนกระทั่งขับเป็นแต่ยังไม่มีรถเป็นของตัวเอง จนกระทั่งมาประกวดแล้วได้รถเป็นรางวัล เธอบอกว่าผู้ใช้รถทุกคันนั้นควรมีสติที่มั่นคงเวลาขับและมีน้ำใจกับผู้ร่วมทาง ที่สำคัญก็คืออย่าเห็นแก่ตัว
“รถคันนี้เป็นรางวัลที่ได้มา และเชอรี่ประทับใจมาก เพราะการทรงตัวของรถคันนี้ดีมากๆ อีกทั้งมีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง และสมรรถนะก็ถือว่าใช้ได้ ตอนนี้ก็ขับมาประมาณครึ่งปีได้แล้ว ส่วนการฟังบทสวดมนต์ในรถก็คือกิจกรรมที่เชอรี่ชอบมากเพราะนอกจากเราจะทำให้เราใจเย็นแล้วยังทำให้มีสมาธิด้วย เวลาคนอื่นที่มาขึ้นรถเราก็แปลกใจบางคนก็ไม่ค่อยชอบฟังเท่าไหร่แต่เชอรี่ก็คิดว่าเหมือนเป็นการฟังเพลงแต่เป็นเพลงธรรมมะนั่นเอง”
ถามถึงการเลือกรถคันยนต์ในแบบฉบับนางงามนั้น เชอรี่บอกว่าจะมองที่ความปลอดภัยเป็นเรื่องแรกและดูรถที่เหมาะสมกับตัวเองใช้งานได้จริงๆไม่ใช่แค่สวยงามแต่ใช้งานไม่คุ้มค่า อย่างรถสปอร์ตก็ไม่ใช่ตัวเลือกของเธอ นอกจากนี้เชอรี่บอกว่ารถในฝันของเธอนั้นต้องเป็นรถบีเอ็มดับเบิลยู เพราะเป็นรถที่มีดีไซน์ทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์เป็นของตัวเองเช่นเดียวกับรถในอนาคตที่เชอรี่บอกว่าน่าจะเป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อขับคนเดียวมากกว่าเนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าทั้งเรื่องของรูปทรง และสมรรถนะ
“เชอรี่ชอบเดินทางหลายคนคือไปทั้งครอบครัวเลยไม่ชอบรถสปอร์ตค่ะ เรื่องของราคาก็สำคัญถ้าเลือกซื้อรถนำเข้าทั้งคันแพง ๆ 10 กว่าล้านก็คงไม่ไหวนะ เพราะเราคงไม่สามารถที่จะซื้อได้แล้วราคาก็เกินเหตุ คือจะมีเกณฑ์อยู่เกณฑ์หนึ่งสมมุติว่าเราต้องการซื้อรถในราคา 6 แสน เราก็ต้องดูว่าราคา 6 แสนนั้นมียี่ห้อไหนบ้างเหมาะสมกับเรา และปลอดภัยมากที่สุด ข้อดี-ข้อด้อยจากในอินเทอร์เน็ต หรือในคู่มือบ้าง แต่ถ้าเรื่องของสมรรถนะก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญมาก เพราะไม่ใช่คนขับรถเร็ว ซึ่งในเมืองแบบนี้เชอรี่คิดว่ารถประเภทซิตี้ คาร์นั้นน่าจะเหมาะสมที่สุด”
ส่วนกรณีที่คนส่วนมากมักคิดว่าผู้หญิงขับรถได้ไม่ดีเท่าผู้ชายเพราะมีความลังเล ไม่กล้าตัดสินใจนั้น เชอรี่บอกว่า ขอเถียงสุดใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่เกี่ยวกับเพศสักนิดอยู่ที่ความรอบคอบมากกว่า
“มันขึ้นอยู่ที่คนมากกว่าค่ะ ดูอย่างผู้หญิงบางคนขับจะมีความรอบคอบกว่าผู้ชาย มันขึ้นอยู่กับนิสัยคนด้วย ไม่เกี่ยวว่าจะต้องเป็นผู้หญิงขับรถหรอกค่ะ ดูอย่างอุบัติเหตุทุกวันนี้ที่เกิดกว่า 90% ตายเพราะเมาแล้วขับนะคะแล้วส่วนมากก็เป็นผู้ชายมากกว่า”
สุดท้ายเชอรี่ฝากบอกถึงผู้หญิงที่ขับรถคนเดียวให้ระวังตัวเพราะปัจจุบันมีมิจฉาชีพที่ใช้กลอุบายซับซ้อนหลอกให้ผู้หญิงต้องหลงกล ทางที่ดีหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นให้โทร.ติดต่อตำรวจหรือหาคนที่บ้านให้มาช่วยดีกว่า…
|