ตอนที่ 4 ประกาศ ชื่อ “ท้าวจตุคามรามเทพ”
เสาหลักเมืองนครศรีธรรมราช 2 เศียร 8 หน้า
ต่อมาชาวชมรม 28 ได้มีการหารือกันถึงว่าน่าจะมีการจัดสร้างหลักเมืองขึ้นมา เพื่อเป็นศูนย์รวมดวงใจของชาวเมืองและเป็นที่สักการะของคนทั่วไป ทางชมรม 28 จึงได้จัดให้มีการประทับทรง “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” คู่เมืองนครศรีธรรมราชอีกครั้ง โดยได้สอบถามว่าหากจัดให้มีการสร้างหลักเมืองจะสำเร็จหรือไม่ แล้วจะหาไม้มงคลที่จะนำมาทำเสาหลักเมืองได้จากที่ไหน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประทับทรงได้บอกให้ไปจัดหาไม้ตะเคียนทองต้นสวยๆ ที่อยู่บนยอดเขาทางทิศตะวันตก และงานนี้จะสำเร็จได้หากทุกคนร่วมมือกัน
คณะของชมรม 28 ได้เดินทางไปเสาะหาไม้ตะเคียนทองตามคำบอกของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประทับทรง ในระหว่างที่ยังเสาะหาไม้ตะเคียนทอง ก็ยังคงมีการอัญเชิญประทับทรงอยู่อย่างต่อเนื่อง สิ่งอัศจรรย์ต่างๆ ก็ปรากฏขึ้นทุกครั้ง จนในที่สุดทุกคนต่างเกิดความสงสัยว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประทับทรงนั้นคือดวงจิตวิญญาณของใคร เมื่อโกผ่องอัญเชิญดวงจิตศักดิ์สิทธิ์ประทับทรงเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้มีการสอบถามว่า “อยากจะทราบว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาประทับทรงในร่างโกผ่องคือใคร จะได้บูชาท่านได้อย่างถูกต้อง”
โกผ่องในขณะที่ประทับทรงได้หยิบปากกาและกระดาษมาวาดรูปเสร็จเรียบร้อยก็ยื่นให้ชาวชมรม 28 พร้อมบอกว่า “เอาไปให้อ้ายหนวดดูแล้วก็จะรู้เอง” ทุกๆ คนในที่นั้นล้วนรู้ดีว่า “อ้ายหนวด” ที่ว่านี้ หมายถึง “ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช” ในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ด้วยความอยากทราบว่ารูปวาดในกระดาษเป็นใคร ชาวชมรม 28 จึงรีบตรงไปที่บ้านของขุนพันธ์รักษ์ราชเดช ทันทีที่ขุนพันธ์รักษ์ราชเดชเห็นรูปวาดก็บอกชัดเจนว่า “นี่คือองค์จตุคามรามเทพ เทพประจำเมืองนครศรีธรรมราช มาแต่โบราณ”
“ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช”
บางคนเพิ่งจะเคยได้ยินชื่อ “จตุคามรามเทพ” เป็นครั้งแรก บางคนก็รู้สึกคุ้นหูแต่จำไม่ได้ว่าได้ยินมาจากไหน แต่บางคนก็จำได้ว่าเป็นชื่อของ 2 รูปปั้นเทพเจ้าผู้พิทักษ์องค์พระบรมธาตุที่ตั้งตระหง่านบนทางเข้าพระบรมธาตุนั่นเอง ความอัศจรรย์ได้บังเกิดขึ้นในจิตใจของทุกคน ณ ที่นั้นอย่างแรงกล้า ชาวชมรม 28 เพิ่งจะตระหนักถึงความสำคัญของการประทับทรงทุกครั้งที่ผ่านมาว่าคือการที่ได้สัมผัสใกล้ชิด “เทพเจ้า” ที่มีบารมีสูงเป็นถึงอดีตกษัตริย์โพธิสัตว์อวตารผู้ปกครองเมืองนครศรีธรรมราช ทำให้ความเคารพศรัทธาที่มีต่อ “ท้าวจตุคามรามเทพ” ของชาวชมรม 28 เพิ่มเป็นทวีคูณ ผลที่ตามมาคือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
จากนั้นทุกๆ คนรวมถึงขุนพันธ์รักษ์ราชเดชพากันไปบวงสรวงองค์จตุคามรามเทพที่วัดพระบรมธาตุ ชาวชมรม 28 จึงได้ปรึกษาหารือกับขุนพันธ์รักษ์ราชเดชว่าทางชมรม 28 มีความเห็นว่าเมืองนครศรีธรรมราช เป็นเมืองใหญ่ที่ปราศจากหลักเมืองมานาน มาบัดนี้น่าจะถึงเวลาที่ชาวเมืองควรจะมีหลักเมืองเอาไว้เป็นศูนย์รวมใจให้เหมือนกับจังหวัดอื่นๆ ซึ่งขุนพันธ์รักษ์ราชเดชก็เห็นพ้องพร้อมให้ความร่วมมือด้วย
|