หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

เปิดกรุ "จตุคาม" ปี30 ตะลึง 40 ล้าน พิมพ์ใหญ่-เล็ก40องค์


กรุจตุคาม- นายจำรูญ ธนวชิรากร หรือ "ลูกราหู" ที่คนในวงการจตุคามรู้จักกันดี โชว์จตุคามรามเทพ และวัตถุมงคลอื่นๆ รุ่นแรก ปี 2530 ทั้งพระผงสุริยัน-จันทรา พระพุทธสิหิงค์ เหรียญแสตมป์ มูลค่ากว่า 40 ล้านบาทที่สะสมไว้ ตามข่าว

เปิดกรุ "จตุคามฯ" ของเซียนคนดัง "ลูกราหู" ผงะจตุคาม "รุ่นแรก" รุ่นหลักเมืองที่ "ขุนพันธฯ" มือปราบขมังเวทจัดสร้างเองเมื่อปี 30 มีทั้งพิมพ์ใหญ่-พิมพ์เล็กกว่า 40 องค์ อีกทั้งพระพุทธสิหิงค์ปี 30 อีก 60 องค์ ยังไม่รวมเหรียญเศียรหลักเมืองกว่า 200 เหรียญ รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 40 ล้านทีเดียว เจ้าตัวเผยสะสมมาตั้งแต่รุ่นพ่อเช่าจตุคามฯเมื่อปี 30 องค์ใหญ่ 59 บาท องค์เล็ก 39 บาทเท่านั้น ชี้ตอนนี้จตุคามฯนิยมมากไปถึงเมืองนอก นอกจากสิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ยังไปโด่งดังถึงอเมริกา-ออสเตรเลีย อธิบดีกรมสุขภาพจิตชี้คนศรัทธาจตุคามเป็นสิ่งดี แต่ต้องดำเนินชีวิตในศีลในธรรม ประพฤติดีตามไปด้วย

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. นายจำรูญ ธนวชิรากร อายุ 43 ปี หรือที่รู้จักในวงการจตุคามรามเทพว่า "ลูกราหู" มีตําแหน่งผู้จัดการฝ่ายผลิต บริษัทแครี่บอย จํากัด เปิดบ้านพักแห่งหนึ่งย่านลาดกระบัง กทม. โชว์กรุจตุคามรามเทพและวัตถุมงคลหายากอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะจตุคามรามเทพ รุ่นหลักเมือง ปีพ.ศ.2530 (รุ่นแรก) ที่พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช มือปราบขมังเวท จัดสร้างไว้ขณะยังมีชีวิตอยู่ ทั้งนี้ นายจํารูญได้จัดเก็บจตุคามฯจำนวนมาก แยกใส่กล่องไว้เป็นชุดๆ

นายจํารูญกล่าวต่อว่า สําหรับจตุคามฯที่เก็บสะสมไว้มีดังนี้ คือ พระผงสุริยัน-จันทรา รุ่นแรก ปี 30 พิมพ์ใหญ่ (ดวงตราพญาราหู) อาทิ เนื้อผงขาวปัดนากโรยตะไบมีด, เนื้อผงขาวปัดนาก, เนื้อผงขาวปัดทอง, เนื้อผงดํา และเนื้อผงขาวปัดนากยันต์กลับ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5.5 ซ.ม. จํานวน 20 องค์ โดยมวลสารมงคลที่ใช้จัดสร้างทั้ง 2 พิมพ์ ประกอบด้วย ผงไม้ตะเคียนทองหลักเมือง, ปูนเปลือกหอย, ปูนหิน, ดินสังเวชนียสถาน 4 แห่ง, ดิน 7 ป่าช้า, แร่ 7 เหมือง, ข้าวสุก 7 นา, ผงกะลาตาเดียว, เกสรดอกไม้ 108, ว่านมงคล 108, น้ำตาลอ้อย, น้ำผึ้งหลวง, กล้วย, เกลือ, อับเพชร, น้ำศักดิ์สิทธิ์ 4 บ่อ, ผงอิทธิเจ, น้ำมันจันทร์, เงิน, ทอง, นาก


พระผงสุริยัน-จันทรา รุ่นแรกปี 2530 (หน้า-หลัง) สีขาว

นายจรูญกล่าวว่า ส่วนรูปแบบองค์พระประดิษฐ์เป็นรูปวงกลมวัฏจักรตามอุดมคติศิลปศาสตร์ศรีวิชัย ทำรูปพญาราหูอมจันทร์รายล้อมแปดทิศ กงจักรล้อมรอบสิบสองนักษัตร ตรงกลางปฏิมากรรมพระเทวะโพธิสัตว์แห่งทะเลใต้เป็นองค์ประธาน ด้านหลังจารึกยันต์หัวใจธรณี หัวใจมนุษย์ หัวใจพระคาถากำกับธาตุ ตามคติธรรมชาวศรีวิชัยสอดคล้องต้องตามศาสตร์ชาวชวากะ แกะแม่พิมพ์โดยอาจารย์มนตรี จันทพันธ์

"ส่วนพระผงสุริยัน-จันทรา รุ่นแรก ปี 30 พิมพ์เล็ก มีทั้งแบบเนื้อผงขาวปัดนากโรยผงตะไบเขียว, เนื้อผงขาวปัดนากโรยสนิมตะไบเขียว และผงขาวปัดนาก และแบบพิมพ์ยันต์กลับ รวมทั้งสิ้นจํานวน 20 องค์ ส่วนมวลสารในการจัดสร้าง อาทิ ผงไม้ตะเคียนทองหลักเมือง, ปูนเปลือกหอย, ปูนหิน, ดินสังเวชนียสถาน 4 แห่ง, ดิน 7 ป่าช้า, แร่ 7 เหมือง, ข้าวสุก 7 นา, ผงกะลาตาเดียว, เกสรดอกไม้ 108, ว่านมงคล 108, น้ำตาลอ้อย, น้ำผึ้งหลวง, กล้วย, เกลือ, อับเพชร, น้ำศักดิ์สิทธิ์ 4 บ่อ, ผงอิทธิเจ, น้ำมันจันทร์, เงิน, ทอง, นาก ส่วนรูปแบบ ประดิษฐ์เป็นรูปวงกลมวัฏจักรตามอุดมคติศิลปศาสตร์ศรีวิชัย ทำรูปพญาราหูอมจันทร์รายล้อมแปดทิศ กงจักรล้อมรอบสิบสองนักษัตร ตรงกลางปฏิมากรรมพระเทวะโพธิสัตว์แห่งทะเลใต้เป็นองค์ประธาน ด้านหลังจารึกยันต์หัวใจธรณี หัวใจมนุษย์ หัวใจพระคาถากำกับธาตุ ตามคติธรรมชาวศรีวิชัยสอดคล้องต้องตามศาสตร์ชาวชวากะเช่นกัน" นายจํารูญ กล่าว

นายจำรูญกล่าวว่า นอกจากนี้ยังเก็บสะสมพระพุทธสิหิงค์รุ่นแรก ปี 30 จํานวน 60 องค์ ทั้งแบบพิมพ์เกศทะลุซุ้มและพิมพ์เกศบัวตูม ทั้งเนื้อผงและเนื้อไม้ โดยพิมพ์เกศทะลุซุ้ม ด้านหน้าเกศขององค์พระพุทธสิหิงค์จะยาวจนทะลุหรือชนกับซุ้ม ส่วนด้านหลังยังแบ่งออกเป็นราหูทรงเครื่อง กับราหูไม่ทรงเครื่อง โดยสังเกตดูตัวราหูถ้าทรงเครื่องก็จะดูมีเครื่องทรงเยอะเหมือนใส่เสื้อผ้าและมียอดแหลมบนช่วงไหล่ของราหูทั้งสองข้าง ส่วนราหูไม่ทรงเครื่องก็เหมือนกับตัวราหูไม่ได้สวมเครื่องทรง ส่วนพิมพ์เกศบัวตูม ด้านหน้าเกศขององค์พระพุทธสิหิงค์จะเป็นรูปคล้ายกลีบดอกบัวเรียงกันเป็นชั้นๆ แต่เกศจะไม่ชนหรือทะลุซุ้ม ส่วนด้านหลังยังแบ่งออกเป็นราหูทรงเครื่องกับราหูไม่ทรงเครื่อง


วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ

"ส่วนเหรียญผมสะสมประเภทเหรียญเศียรหลักเมือง (แสตมป์) มีทั้งสิ้นกว่า 200 เหรียญ แบบพิมพ์เป็นเหรียญสี่เหลี่ยม ด้านหน้าจำลองเอาส่วนบนของหลักเมือง ส่วนด้านหลังจำลองตราศักดิ์สิทธิ์ของชาวชวากะ เป็นรูปราหูอมจันทร์แปดทิศ รายล้อมกงจักร และสิบสองนักษัตร ตรงกลางบรรจุดวงชะตาวันสำคัญ" นายจํารูญกล่าว และว่า สำหรับผ้ายันต์ก็ได้เก็บไว้ประมาณ 200-300 ผืนที่จัดสร้างในปี 30 และประเภทเครื่องรางของขลัง อาทิ ลูกสะกด ตะกรุด ไหมคอ และข้อแขน รวมมูลค่าวัตถุมงคลทั้งหมดกว่า 40 ล้านบาท

นายจํารูญกล่าวอีกว่า จตุคามฯองค์แรกที่ตนได้มานั้นได้มาจากคุณพ่อเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา เพราะเห็นรูปทรงใหญ่ๆ และแปลกดี พอได้มาก็เก็บไว้ในตู้ไม่กล้าคล้องเพราะใหญ่มาก โดยจตุคามฯองค์นี้คุณพ่อเช่ามาจากวัดเมื่อปี 30 จํานวน 4 องค์ โดยองค์ใหญ่ 59 บาท และองค์เล็ก 39 บาท และยังมีพระพุทธสิหิงค์จํานวน 10 องค์ องค์ละ 12 บาท แต่คุณพ่อแจกคนอื่นหมด ทั้งนี้ จตุคามฯที่ตนขึ้นคอปัจจุบันนี้เป็นองค์ที่คุณพ่อให้ รุ่นหลักเมือง ปี 30 โดยเพิ่งมาห้อยจริงจังเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากนําขึ้นคอแล้วก็เกิดสิ่งอัศจรรย์บางสิ่งบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ และยังเคยถูกหวย 1 ล้านบาท หลังจากนั้นพอตนจะทําอะไรก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เงินเข้ามาเรื่อยๆ อย่างที่เขาบอกว่าองค์พ่อขอได้ไหว้รับตนเชื่อตั้งแต่นั้นมา และตั้งแต่ห้อยจตุคามฯตนก็ไม่เคยขออะไร แค่อธิฐานอย่าให้มีโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้น โดยจริงๆ แล้วเมื่อเกิดผิดพลาดกับตัวเอง ตนจะไม่โทษใคร จะโทษตัวเองและก็รีบแก้ไข


วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ

"ทั้งนี้ จตุคามฯบางองค์มีคนสนใจและแบ่งเช่าไปบางส่วน โดยล่าสุดมีผู้เช่าไปราคาองค์ละ 2.5 ล้านบาทที่ราคาสูงนั้นเพราะผมไม่ต้องการปล่อย จึงตั้งราคาสูงๆ แต่พอเขาสู้ราคาก็เลยแบ่งให้ไป" นายจํารูญกล่าว และว่า จตุคามฯทั้งหมดที่ตนเก็บสะสมอยู่ บางองค์ก็ต้องแลกด้วยน้ำตา เพราะของบางอย่างมีน้อย คนที่ครอบครองก็ไม่ให้ จตุคามฯบางองค์ก็ได้มาแบบตลกขําๆ เช่น วันหนึ่งตนได้ทราบจากเพื่อนพ่อว่ามียายคนหนึ่งที่ดูแลสวนมังคุดอยู่ในจ.นครศรีธรรมราช มีจตุคามรามเทพรุ่นแรก ปี 30 จึงเดินทางไปพบ พอไปถึงก็เห็นยายกำลังปีนสอยมังคุดลงตะกร้าอยู่ จึงตะโกนถามยายว่าได้ข่าวมีจตุคามฯ ปี 30 ยายลงมาก่อน ยายบอกสอยมังคุดก่อน ตนจึงบอกไม่ได้เพราะตนรีบกลับ พอยายลงมาก็นำจตุคามฯมาให้ดู บอกว่าจะเก็บไว้งานแต่งลูกชาย ตนจึงหยิบเงิน 1 หมื่นบาทวางให้ยาย บอกว่าเป็นค่าขันหมากให้ลูกชาย แต่ยายไม่ยอม สุดท้ายต้องจ่าย 3 หมื่น ยายจึงตกลงมอบจตุคามฯองค์นั้นให้ตน

นายจํารูญกล่าวด้วยว่า อยากแนะนํานักสะสมจตุคามฯรุ่นใหม่ที่กำลังหันมาเก็บสะสมว่า ตนแบ่งวัตถุมงคลสายจตุคามฯนี้ออกเป็น 3 ยุค คือ ยุคแรกสร้างตั้งแต่ปี 30-34 ยุคกลางสร้างตั้งแต่ปี 45-47 และยุคปัจจุบันตั้งแต่ปี 48 เป็นต้นมา หากใครต้องการเก็บสะสม ในความคิดเห็นของตนน่าจะเก็บสะสมพระยุคแรกแน่นอนและชัดเจน หากพูดถึงราคาจะสูงขึ้นตลอด เพราะพระที่สร้างมาจะมีจํานวนจํากัด นับวันจะน้อยลง ที่น้อยลงก็เพราะคนมีเงินเขาเก็บไม่ใช่ซื้อแล้วออกมาขาย หลายๆคนเก็บ ของในตลาดก็หมด ในขณะที่คนรุ่นใหม่ก็มีความต้องการมากขึ้น ของน้อยลงราคาก็สูงขึ้นนี้คือหลักธรรมชาติ


วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ

"หากมาพูดถึงพระยุคกลางก็น่าเก็บสะสมหมดทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็นรุ่นบูรณะเจดีย์ราย, ปฐมอรหันต์สุวรรณภูมิ, บูรณะหลักเมืองปี 47 และลานสะกาบันดาลโชค เพราะพระที่สร้างในยุคกลางยังไม่มีเรื่องพุทธพาณิชย์เข้ามาเกี่ยวข้องมาก และเจตนาการสร้างดี โดยสร้างมาเพื่อนําเงินไปทํานุบํารุงศาสนา ไปช่วยการกุศลจริงๆ ตรงนี้ถือว่าเป็นพระที่มีเจตนาในการสร้างที่บริสุทธิ์ พอมาถึงปี 48 ก็กลายเป็นสร้างเพื่อหวังผลทางธุรกิจ คนที่ต้องการเก็บจึงต้องดูคือเจตนาการสร้างดี มวลสารดี รูปแบบสวย และวัตถุประสงค์ หากได้ 4 ข้อนี้ก็น่าเก็บสะสม" นายจํารูญกล่าว

นายจํารูญกล่าวถึงอนาคตจตุคามรามเทพว่า ได้แยกอนาคตจตุคามฯออกเป็น 2 ประเด็น คือ
1.วัตถุมงคลขององค์จตุคามรามเทพ
2.องค์เทพจตุคามรามเทพ
ประเด็นแรกคือเรื่องวัตถุมงคล ตนคิดว่าคงเป็นไปตามกระแส วันนี้ขึ้นเยอะๆ และนิยมกันมากๆ วันหนึ่งก็อาจจะไม่เป็นที่นิยมก็ได้ อย่างไรตาม วัตถุมงคลที่เป็นยุคแรกและยุคกลางก็ยังจัดเป็นที่นิยม ตรงนี้ต้องเตือนสติคนที่จะเข้ามาเล่นพระใหม่ๆ ว่า พระใหม่ตั้งแต่ ปี 48-50 นี้ ได้มีการสร้างขึ้นประมาณ 200 กว่ารุ่น ควรศึกษาและเลือกเก็บให้ดีว่ารุ่นไหนควรเก็บ รุ่นไหนไม่ควรเก็บ โดยยึดหลักคือเจตนาการสร้างดี มวลสารดี รูปแบบสวย และวัตถุประสงค์การจัดสร้างดี

"ส่วนประเด็นที่ 2 คือองค์พ่อจตุคามรามเทพ ทุกวันนี้ทุกคนรู้ว่าองค์พ่อจตุคามรามเทพนั้น เป็นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรองค์หนึ่งที่เกิดทางประเทศจีนและโด่งดังไปทั่วโลกคือเจ้าแม่กวนอิม ผมหวังว่าวันหนึ่งองค์พ่อจตุคามรามเทพชื่อเสียงจะกระจายไปถึงนานาอารยประเทศ และทุกวันนี้หลายประเทศก็เริ่มรู้จักองค์พ่อจตุคามฯ ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง รวมทั้งที่สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย" นายจำรูญกล่าว


องค์พ่อจตุคามรามเทพ ที่วัดพุทไธศวรรย์

ด้านน.พ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ให้ความเห็นและอธิบายในเชิงจิตวิทยาถึงปรากฏการณ์จตุคามในครั้งนี้ว่า เรื่องของความเชื่อนั้นเป็นเรื่องปกติที่คนจะต้องมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่ละคนก็ไม่จำเป็นต้องมีหรือเชื่อเหมือนกัน และอาจเป็นวัตถุ เป็นคน เป็นของมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตได้ทั้งนั้น เมื่อลองดูก็จะพบว่าแต่ละคนเชื่อศรัทธายึดมั่นไม่เหมือนกัน ซึ่งไม่ใช่สิ่งผิด และการมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจถือเป็นเรื่องดีและเป็นเรื่องปกติที่ควรจะมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ และหากยิ่งปฏิบัติตัวไปในทางที่ดี ในทางที่สร้างสรรค์ให้กับตนเองและผู้อื่น ก็จะยิ่งเป็นเรื่องที่ดี ที่จะมีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจไว้

"ความเชื่อนั้นหากเชื่ออย่างมีสติสัมปชัญญะ มีเหตุผล ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนในสิ่งนั้น จะเรียกว่าความศรัทธา แต่ในทางตรงกันข้ามหากเชื่ออย่างขาดสติ ไม่ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ จะเรียกว่าความหลงเท่านั้น มิใช่ศรัทธา" น.พ.ม.ล.สมชายกล่าว

อธิบดีกรมสุขภาพจิตมองปรากฏการณ์องค์จตุคามรามเทพว่า อาจเกิดจากเป็นช่วงประจวบเหมาะที่ขณะนี้เป็นช่วงที่คนไทยอยู่ในภาวะสับสน จากความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทางบ้านเมือง จึงต้องการหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ประกอบกับมีองค์จตุคามฯซึ่งมีการบอกเล่าถึงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ มากมาย และมีคนกลุ่มหนึ่งที่ทำให้องค์จตุคามฯกลายเป็นกระแสเชิงพาณิชย์ โดยอาศัยการบอกกล่าวถึงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ จึงยิ่งทำให้ความนิยมในองค์จตุคามเพิ่มเป็นทวีคูณ ในอดีตก็เคยมีความเชื่อในเครื่องรางของขลังมาโดยตลอด เช่น ในยุคหนึ่งก็มีความนิยม "โป่งข่าม" เพราะมีความเชื่อว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถบันดาลสิ่งต่างๆ และคุ้มครองภัยอันตรายได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีเครื่องรางอื่นได้รับความนิยมแทน ส่วนหนึ่งของความเชื่อในเครื่องรางของขลังมาจากการนับถือศาสนาและลักษณะนิสัยของคนไทยที่มักมีคำพูดว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่

น.พ.ม.ล.สมชายกล่าวว่า กระแสความนิยมในขณะนี้ ไม่ถึงขั้นน่าเป็นห่วง เพราะเป็นความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะไม่ได้เชื่อในเรื่องผิดธรรมชาติ อย่างการเชื่อผีสางผีปอบ จนทำให้เกิดอันตรายกับตนเองและผู้อื่น แต่สำหรับคนที่เชื่อจนไม่ยอมทำงานหรือดำเนินชีวิตตามปกติ แต่เที่ยวหาเครื่องรางมาครอบครอง เพราะหวังว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะดลบันดาลข้าวของ เงินทอง ทำให้ถูกหวย หรือชนะการพนันนั้น ถือว่าเกินพอดี คนรอบข้างก็ควรเตือน และแนะนำว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอยู่กับตัวก็ถือเป็นเรื่องดี ถ้าจะดำเนินชีวิตในศีลธรรมประพฤติดีก็จะส่งเสริมให้เกิดเรื่องที่ดีได้

น.พ.ม.ล.สมชายยังแนะนำว่า คนที่ชื่นชอบและนิยมหาเครื่องรางของขลังมาไว้ในครอบครอง ก็ต้องใช้วิจารณญาณ ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ เพราะยังมีกลุ่มคนที่หากำไรจากความเชื่อ และอาจมีการหลอกลวง ทำให้เสียเงินเสียทองโดยไม่จำเป็น ซึ่งต้องคอยเตือนตัวเองว่าทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันเสียไปหรือไม่ ใช้เงินฟุ่มเฟือยเกินฐานะหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วปฏิบัติตนอยู่ในศีล 5 อยู่ในคำสั่งสอนในการประพฤติตนเป็นคนดี ก็ต้องเกิดผลดีต่อชีวิตอย่างแน่นอน


ไปข้างบน