เซียนจตุคามฯ เมืองคอนผวาเหตุปล้น - แห่ฝากตู้นิรภัยแบงก์คึกคัก
นครศรีธรรมราช - ผู้การฯนครศรีธรรมราช เร่งตำรวจสางคดีปล้น “จตุคามรามเทพ” เชื่อคนในพื้นที่บงการนำสมุนต่างถิ่นเข้าลงมือจนถูกยิงสวนดับหลังบ้าน นักสะสมผวาขนรุ่นดัง-ราคาสูงเข้าธนาคารฝากตู้นิรภัยอื้อ พ.ต.อ.ก็ใช้บริการไม่เว้น
กรณีคนร้ายไม่น้อยกว่า 4 คน บุกเข้าไปก่อเหตุพยายามปล้นทรัพย์ โดยเชื่อว่าเป้าหมายของคนร้าย คือ วัตถุมงคลพระผงอุดมโชค “จตุคามรามเทพ” รุ่นบูรณะเจดีย์ราย 2545 ซึ่งจัดสร้างโดยวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยมีเจ้าพิธี คือ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ที่อยู่ในความครอบครองของ นายจำนงค์ บุษบรรณ อายุ 51 ปี หรือ “จ่าขุนพันธ์” บุตรบุญธรรมของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เจ้าของบ้านเลขที่ 55/15 ริมถนนสายนคร-หัวไทร ม.5 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จำนวนกว่า 1,500 องค์ มูลค่านับสิบล้านบาท
วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ
โดยที่ นายจำนงค์ รู้ตัวล่วงหน้า และได้ถืออาวุธปืนลูกซองยาวรออยู่ภายในบ้าน เมื่อกลุ่มโจรได้งัดประตูกระจกหน้าบ้าน นายจำนงค์ได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ 1 นัด กระสุนถูกคนร้ายกระเสือกกระสนไปเสียชีวิตบนหลุมเผาถ่านข้างบ้าน โดยที่เหลือต่างก็วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.สุดใจ ญาณรัตน์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางมาติดตามการดำเนินคดีดังกล่าวด้วยตัวเอง โดยมีการเรียกประชุม พ.ต.ท.พิรุณ กลัดทอง รอง ผกก.หน.สภ.ต.ชะเมา พ.ต.ท.จรวย ชูมณี พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ชุดสืบสวนคลี่คลายคดี เพื่อเร่งรัดติดตามแก๊งคนร้ายที่เหลือที่วิ่งหลบหนีไปได้
โดยระบุว่า คนร้ายแก๊งนี้น่าจะก่อคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ทั้งปล้น จี้ชิงทรัพย์ รวมทั้งโจรกรรมทรัพย์สินมาหลายคดีแล้ว โดยเป้าหมายของทรัพย์สินอยู่ที่วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ รุ่นดังๆ เป็นหลัก หากตำรวจสามารถทลายแก๊งนี้ได้จะทำให้คดีในลักษณะนี้ลดลง ในขณะเดียวกันหากคนร้ายแก๊งนี้ยังลอยนวลประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนเพิ่มมากขึ้น
“กระแสจตุคามฟีเวอร์ส่งผลให้คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ที่คนร้ายต้องการวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ เป็นหลัก มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งยากที่ตำรวจจะป้องกันได้ เนื่องจากประชาชนจำนวนมากต่างมีองค์จตุคามรามเทพทั้งนั้น และทุกคนก็เสี่ยงที่จะถูกคนร้ายชิงจตุคามรามเทพ บางคนอาจจะมีจตุคามรามเทพ รุ่นดังๆ ราคาสูงหลายองค์ในขณะนี้ แต่บ้านเรือนไม่แข็งแรง ทำให้ง่ายต่อการที่คนร้ายจะบุกโจรกรรมหรือปล้นเอาจตุคามรามเทพ ซึ่งทางตำรวจก็ไม่รู้ว่าใครห้อยคอ หรือมีไว้รุ่นไหนบ้าง และมีราคาสูงหรือไม่อย่างไร และตำรวจคงไม่สามารถตามปกป้องคุ้มครองประชาชนได้อย่างทั่วถึงแน่ จึงอยากจะฝากเตือนประชาชนที่มีจตุคามรามเทพ ทั้งที่ห้อยคอและเก็บไว้ที่บ้านให้ระมัดระวังให้มากขึ้น” พล.ต.ต.สุดใจ กล่าวและว่า
คดีนี้แม้นายจำนงค์ จะตกเป็นผู้ต้องหา แต่ในเบื้องต้นตนมองว่าสิ่งที่นายจำนงค์ยิงคนร้ายตายนั้นสมควรแก่เหตุ จึงถือว่าไม่มีความผิด อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับการสอบสวนสืบสวนทำสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้าหากสรุปว่า นายจำนงค์ ทำเกินกว่าเหตุก็อาจจะได้รับโทษตามกฎหมายแต่เป็นโทษที่น้อยกว่าปกติ ขึ้นอยู่กับทางศาลจะพิจารณาต่อไป
วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ
ด้าน นายจำนงค์ บุษบรรณ กล่าวภายหลังให้ปากคำกับตำรวจ ว่า ตนได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายไปกับตำรวจหมดแล้ว เชื่อว่า ตำรวจน่าจะสอบสวนสืบสวนติดตามจับกุมตัวได้หมดทั้งแก๊ง สำหรับตนที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าคนตายนั้น ตนก็พร้อมที่จะสู้คดีในชั้นศาล เพราะตนทำไปเพื่อป้องกันตัว และปกป้องทรัพย์สินของตัวเอง และตนยอมรับว่ามีจตุคามรามเทพ รุ่นบูรณะเจดีย์ราย ปี 2545 มากจริงโดยและมูลค่ารวมในปัจจุบันนับสิบล้าน
“ทั้งหมดเป็นสมบัติของผมอย่างถูกต้องชอบธรรม สมบัติของผมก็ต้องเป็นของผม ใครจะมาแย่งต้องข้ามศพผมไปก่อน ผมไม่กลัว และยอมตายเพื่อปกป้องสิ่งที่เป็นทรัพย์สินของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ผมได้นำวัตถุมงคลโดยเฉพาะรุ่นบูรณะเจดีย์รายไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยแห่งหนึ่งแล้ว ส่วนเรื่องที่เสนอข่าวว่าผมเป็นลูกขุนพันธ์บ้าง ลูกบุญธรรมขุนพันธ์บ้าง คิดว่าอาจจะทำให้ลูกหลาน พล.ต.ต.ขุนพันธ์ หมั่นไส้เอาก็ได้ ซึ่งผมไม่เคยพูด หรือบอกกับใครว่าผมเป็นลูกบุญธรรมขุนพันธ์ เพียงแต่ทางท่านขุนพันธ์บอกกับลูกๆ ของผมว่าให้เรียกท่านว่า “คุณปู่” เท่านั้น”
นายจำนงค์ กล่าวต่อว่า ตนเป็นเพียงคนๆ หนึ่งที่ใกล้ชิดกับขุนพันธ์ และเมื่อขุนพันธ์ไปประกอบพิธีกรรมเป็นเจ้าพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่ไหนก็มักจะตามไปปรนนิบัติ และพยายามจะศึกษาหาความรู้จากเสมอ ซึ่งขุนพันธ์ได้ให้อะไรมาหลายอย่างจึงนับว่าเป็นศิษย์ของตำรวจมือปราบจอมขมังเวทย์คนหนึ่ง
พ.ต.ท.จรวย ชูมณี สวส.สภ.ต.ชะเมา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้เชิญนายจำนงค์มาสอบสวนปากคำเพิ่มเติมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา โดยนายจำนงค์ ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนยิงคนร้ายเสียชีวิตจริง แต่เป็นการป้องกันตัวและปกป้องทรัพย์สินของตัวเองได้ให้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์ถึงกลุ่มคนร้ายที่เหลือรวมทั้งผู้บงการซึ่งเป็นนายทุนในพื้นที่คนหนึ่ง
วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ
ส่วนคนร้ายร่วมแก๊งนั้น น่าจะเป็นคนจากนอกพื้นที่ตระเวนก่อเหตุโดยมุ่งหวังวัตถุมงคลจตุคาม-รามเทพ รุ่นดังๆ ที่เป็นที่นิยมกันอยู่ในขณะนี้เมื่อได้มาแล้วจะนำมาขายต่อให้นายทุนคนดังกล่าวตามราคาที่กำหนด จากนั้นนายทุนจะรวบรวมวัตถุมงคลที่ได้ส่งจำหน่ายต่อในกรุงเทพฯด้วยราคาที่สูงขึ้นกว่าเท่าตัว และหลังจากสอบสวนปากคำนายจำนงค์ และแจ้งข้อหากับนายจำนงค์แล้วได้ปล่อยตัวกลับไปโดยไม่ต้องประกันตัวเนื่องจากนายจำนงค์ได้แสดงตัวและมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ภายหลังเกิดเหตุดังกล่าว
พ.ต.ท.จรวย เจ้าของคดีระบุอีกว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคนร้ายที่ถูกนายจำนงค์ยิงเสียชีวิตเป็นใครมาจากไหน โดยมีความสูงประมาณ 160 ซม.อายุประมาณ 35 ปี ผิวขาว รูปร่างค่อนข้างผอม มีหนวดหนาและแข็ง จุดที่น่าสังเกต คือ นิ้วนางขวาหักงอไม่ปกติเหมือนคนทั่วไป ซึ่งในแนวทางการสืบสวนตำรวจพอจะทราบแล้วว่าคนร้ายแก๊งนี้มีใครบ้าง รวมทั้งผู้บงการเบื้องหลังแต่ต้องขอปิดเอาไว้ก่อน ซึ่งคดีนี้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ด้านเจ้าหน้าที่ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ที่ให้บริการเช่าใช้ตู้นิรภัยของธนาคาร เปิดเผยว่า ขณะนี้การเช่าใช้ตู้นิรภัยของธนาคารมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เดิมส่วนใหญ่ผู้ที่เช่านั้นจะนิยมเก็บสิ่งของมีค่าราคาแพงชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเครื่องประดับจำพวกเพชร ทองคำแท่ง เป็นต้น แต่ความเปลี่ยนแปลงมีมากขึ้นเมื่อระยะหลังผู้ที่ไม่เคยเช่าใช้ตู้ก็เริ่มมาเช่าใช้มากขึ้นคนกลุ่มนี้จะนิยมเก็บวัตถุมงคลที่มีราคาแพงโดยเฉพาะจตุคามรามเทพในรุ่นที่มีความนิยมสูงเช่นรุ่นแรกปี 2530 ที่มีราคาสูงมาก รวมทั้งรุ่นหลังๆ อีก 1-2 รุ่นที่นิยมนำมาเช่าตู้เก็บบางรายมีอยู่ในความครอบครองจนเจ้าหน้าที่ตะลึง
“รายหนึ่งที่มาเช่าเมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) หลังจากที่มีข่าวปล้นจตุคามสะพัดในตัวเมือง ซึ่งบุคคลคนนี้ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการสร้างหลักเมืองเมื่อปี 2530 และได้นำเอารุ่นปีนั้นมาเก็บไว้ประมาณ 200 องค์ ถ้าคิดมูลค่าก็นับว่ามหาศาล แต่ทางธนาคารจะต้องเก็บความลับของลูกค้าไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าคนที่ใช้บริการเป็นใครบ้าง และดูแนวโน้มแล้วการเช่าตู้นิรภัยเพื่อเก็บวัตถุมงคลลักษณะนี้มีเพิ่มมากขึ้น เพราะเจ้าของมั่นใจว่ามีความปลอดภัยสูงกว่าเก็บไว้ที่บ้าน” เจ้าหน้าที่ธนาคารคนเดิม กล่าว
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวงการนักเลงนิยมวัตถุมงคลสายจตุคามรามเทพ โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดสร้างเมื่อคราวปี 2530 ต่างก็รู้กันว่า มีนายตำรวจระดับสูงนายหนึ่งของนครศรีธรรมราช ระดับพันตำรวจเอกมีวัตถุมงคลรุ่นดังกล่าวอยู่ในความครอบครองประมาณ 200-300 องค์
เนื่องจากนายตำรวจรายนี้เป็นผู้ที่กดแท่นพิมพ์เอง และครั้งนั้นมียศเพียง ร.ต.อ.ซึ่งการดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ เองแต่ครั้งนั้นไม่มีใครสนใจที่จะเก็บไว้ ทำให้นายตำรวจท่านนี้เก็บวัตถุมงคลดังกล่าวสะสมไว้จำนวนมาก ซึ่งได้ใช้บริการตู้นิรภัยธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งใน จ.ระนอง เพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สิน
|