หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

พาลูกชายไปเสถียรธรรมสถาน


ช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนเช่นนี้บ้านไหนที่มีเด็กๆก็คงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะเด็กๆอยู่กันพร้อมหน้า บ้านไหนมีหลายๆคนก็กลายเป็นสนามเด็กเล่น ทั้งครึกครื้นทั้งสับสนวุ่นวายไปพร้อมๆกัน หากบ้านไหนมีลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย คอยช่วยดูแลก็ค่อยยังชั่ว เพราะจะสนุกสนานมีชีวิตชีวาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่บ้านไหนเป็นครอบครัวใบเลี้ยงเดี่ยว มีแต่พ่อกับแม่ และทั้งพ่อและแม่ก็ทำงานประจำ การจะทิ้งเด็กๆเล็กๆไว้ที่บ้านคนเดียวหรือสองคน ก็กลายเป็นช่วงเวลาที่มีปัญหา บางครั้งก็ต้องแก้ปัญหาด้วยการพาไปเข้าค่าย หรือฝากส่งเรียนพิเศษตามโรงเรียนแบบเช้าไปเย็นรับกลับเหมือนตอนโรงเรียนเปิด เป็นอันว่าเด็กเหล่านี้ก็ไม่ได้มีโอกาสปิดเทอมเหมือนเด็กคนอื่นๆเขา แต่จะทำอย่างใดได้ ครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งสร้างเนื้อสร้างตัวในสังคมเมืองนั้น ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ไม่ค่อยมีทางให้เลือกหรอกครับ

พ่อแม่รุ่นใหม่ในเมืองหลวงอาจจะมีเวลาอยู่กับลูกมากหน่อยก็วันเสาร์อาทิตย์ หลายคนหากนึกอะไรไม่ออกก็พาลูกไปเดินห้างสรรพสินค้า ซึ่งผมเดินทางท่องเที่ยวมาหลายเมืองหลายประเทศ ยังไม่เห็นมีเมืองไหนในโลกที่มีห้างสรรพสินค้าที่มีทั้งขนาดใหญ่โตมโหฬารและจำนวนมากมายมหาศาลเท่ากับกรุงเทพฯ เลยสักเมือง และห้างสรรพสินค้าในเมืองนอกส่วนใหญ่ก็มักจะมีแต่สินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลักไว้ให้ผู้คนไปจับจ่ายข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น แต่ห้างสรรพสินค้าในบ้านเรานั้นเน้นความยิ่งใหญ่อลังการ มีขายตั้งแต่พริกขี้หนูยันรถหรูราคา 20-30 ล้าน และรวมเอาสารพัดสิ่งที่ล้วนยั่วยวนใจเอาไว้ที่นั่น ทั้งสินค้าพุ่มเฟือย สินค้าแฟชั่น ร้านอาหาร ภัตตาคาร คาราโอเกะ รวมทั้งสวนสนุกของเด็กๆ หรือบางแห่งถึงขนาดรวมสวนน้ำ สวนสัตว์เข้าไปด้วย พ่อแม่จำนวนไม่น้อยจึงเลือกฝากชีวิตไว้กับห้างสรรพสินค้า เรียกว่าทั้งจับจ่าย ใช้สอย รวมทั้งฝากปากท้องและวิถีชีวิตไว้ในห้างสรรพสินค้า เด็กๆในกรุงจำนวนไม่น้อยจึงโตมาในห้างสรรพสินค้าก็ว่าได้

เปล่าหรอกครับผมไม่ได้มองว่าการเข้าห้างสรรพสินค้าเป็นสิ่งผิด ก็อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าวิถีชีวิตในสังคมเมืองทุกวันนี้ไม่ค่อยมีทางให้เลือกมากนัก ไม่ค่อยมีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอันก่อให้เกิดสติปัญญาให้เลือกเข้าสักเท่าไหร่ แต่หากมองหากันดีๆ ก็พอจะมีครับ สถานที่ๆเข้าไปแล้วไม่ต้องเสียสตางค์ แต่สามารถจะสัมผัสได้ถึงความสุขสงบ ความสบายกายสบายใจ และสัมผัสได้ถึงสดใสชื่นเย็นของความเมตตาและน้ำใจไมตรีที่คนที่นั่นมีให้แก่กัน สถานที่แห่งนั้นชื่อเสถียรธรรมสถานครับ

ผมกลับจากที่ทำงานมาถึงบ้านตอนค่ำวันศุกร์หลังจากเหนื่อยล้ากับการงานที่เพิ่งเคลียร์เสร็จ พอถึงบ้านเด็กชายกล้า ลูกชายจอมซ่าวัย 4 ขวบเศษก็วิ่งถือผ้าเช็ดหน้าบาติกรูปการ์ตูนสีสันสดใสมาอวด พร้อมกับบอกว่าเป็นผลงานจากมือน้อยๆ ของเขา ผมมองแล้วแทบไม่เชื่อสายตาแต่ก็กล่าวชื่นชม คุณแม่กลัวคุณพ่อไม่เชื่อเลยรีบเสริม ว่าลูกชายไปร่วมกิจกรรมระบายสีทำผ้าบาติกมาจากเสถียรธรรมสถาน เขาดูมีความสุขมากกับผลงานชิ้นน้อยๆ ของเขา ผมเพิ่งรู้จากคุณแม่และลูกชายว่านอกจากกิจกรรมระบายสีผ้าบาติกแล้ว ยังมีกิจกรรมสร้างสรรค์ปัญญาอื่นๆสำหรับเด็กๆอีก เช่นกิจกรรมดนตรี กิจกรรมกลุ่ม ที่นำโดยอาสาสมัครที่ล้วนเป็นมืออาชีพนอกเหนือไปจากกิจกรรมปฏิบัติธรรมสำหรับคุณพ่อและคุณแม่ที่มีเปิดสอนกันในทุกวันเสาร์อาทิตย์ ให้ข้อมูลเสร็จทั้งคุณแม่และคุณลูกก็ถือโอกาสชวนแกมบังคับคุณพ่อให้ไปด้วยกันในเช้าวันรุ่งขึ้น

เช้าวันเสาร์เราจึงไปเสถียรธรรมสถานด้วยกันอย่างพร้อมหน้า เสถียรธรรมสถานเป็นสถานปฏิบัติธรรมตั้งอยู่บริเวณปากซอยวัชรพล ผมไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว พอมาถึงก็ตกใจ เพราะพื้นที่ด้านข้างๆตอนนี้ได้กลายเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ทันสมัยที่กำลังจะเปิดบริการไปเสียแล้วครับ คุณแม่บอกให้คุณพ่อขับรถเข้าไปจอดในห้างสรรพสินค้า ซึ่งเขาอนุญาตให้จอดฟรีตอนยังไม่เปิดบริการ เห็นไหมครับหนีไม่พ้นห้างสรรพสินค้าจนได้ พอเดินเข้าประตูเสถียรธรรมสถาน ความร่มเย็น ความเขียวขจีของแมกไม้ก็อ้าแขนรับ ธรรมชาติอันสงบร่มเย็นนั้นก็เป็นพื้นฐานของ "ธรรมะ" ที่มอบให้ตั้งแต่แรกสัมผัส เสถียรธรรมสถานแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2530 โดยแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ภายใต้ความอนุเคราะห์จาก "กองทุนเสถียรธรรม" เพื่อเป็นสถานปฏิบัติธรรม และเผยแพร่ธรรมะแก่เพื่อนมนุษย์ เพื่อให้สามารถนำธรรมะไปใช้ในการดับทุกข์และสร้างสุขให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน และเพื่อสาธิตการทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน โดยใช้หลักพุทธธรรมนำสังคม

ผมชอบที่นี่เพราะเข้ามาแล้วรู้สึกสบายกายสบายใจ ไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดจนก่อให้เกิดอาการอึดอัดเคร่งเครียด ทุกเช้าวันเสาร์ อาทิตย์ แม่ชีศันสนีย์ จะสนทนาธรรมในรายการ "ธรรมสวัสดี" ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ด้วยภาษาง่ายๆ ที่ผู้คนทุกเพศ ทุกวัยก็ฟังได้ เป็นธรรมะใกล้ๆตัว ที่สามารถจะสัมผัสได้ รู้ได้ เห็นได้ และปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน

"ขอต้อนรับเข้าสู่เสถียรธรรมสถาน ชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่จะดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างศานติ เรามีความเชื่อมั่นว่ามนุษย์มีศักยภาพในการที่จะพัฒนาชีวิตของเราให้อยู่เหนือสิ่งที่เป็นความอึดอัดหรือความทุกข์ได้ ด้วยการฝึกฝน เพราะฉะนั้น เราจึงได้จัดวิถีชีวิตของชุมชนของเราให้เกื้อกูลต่อการพิจารณาชีวิต ทั้งในฝ่ายกายและในฝ่ายใจ คือกายกับใจให้มีความเจริญก้าวหน้า ให้มีย่างก้าวแห่งสติปัญญา ในการใช้ชีวิตที่มีการกระทบ แล้วต้องเฝ้าดูจิตของเราไม่ให้กระเทือน เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องกระแทกให้คนอื่นต้องเจ็บปวด เราจึงมีนโยบายในการต้อนรับผู้คนว่าคุณเป็นคนพิเศษสำหรับเรา เราจะระมัดระวังการใช้ชีวิตของเรา ที่จะทำให้คุณไม่เจ็บปวดเพราะเรา เพราะการที่ทุกคนในโลกฝึกปฏิบัติเยี่ยงนี้ มันจึงเป็นกลไกที่ทำให้ความรุนแรงในโลกนี้หยุดลง"

หลังจากที่นั่งฟัง "ธรรมสวัสดี" ได้ชั่วครู่เด็กชายกล้าก็ยกมือไหว้ขอ "ธรรมบ๊ายบาย" ขอออกไปเดินดูแมลงปอ ดูดอกบัว เป็นหน้าที่คุณพ่อต้องติดตามไปดูแล ปล่อยคุณแม่ฟังธรรมสนทนาต่อเด็กผู้ชายวัยกำลังซนก็อย่างนี้แหละครับ พลังมากมายมหาศาล เริ่มต้นด้วยการจับมานั่งฟังธรรมได้ชั่วเวลาสั้นๆ ได้ขนาดนี้ก็เกินความคาดหวังแล้วครับ ไม่เหมือนรุ่นคุณพ่อที่คุณย่าบอกว่าวัยเดียวกันขนาดนี้นั้นจับนั่งอยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น ไม่มีปัญญาไปไหน ก็เด็กสมัยนี้เติบโตมากับสิ่งเร้ามากมายนี่ครับ พัฒนาการจึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ยิ่งเร็วแค่ไหน ทิศทางและรากฐานที่มั่นคงก็ยิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ การดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยความรักและความอบอุ่นจากพ่อแม่จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

และคงด้วยเหตุผลนี้นี่เองทางเสถียรธรรมสถานจึงได้จัดทำโครงการจิตประภัสสรตั้งแต่นอนอยู่ในครรภ์ โดยรับพ่อแม่ที่เตรียมตั้งครรภ์หรือกำลังตั้งครรภ์ หรือคลอดแล้วจนถึงลูกอายุ 1 ขวบ เข้ามาร่วมโครงการ เพื่อให้ทั้งพ่อ แม่และลูกน้อยมีสภาพจิตใจที่อบอุ่น รู้ตื่นและเบิกบาน ปราศจากความขุ่นมัว เพื่อช่วยให้พ่อแม่ได้เตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจอย่างสมดุล เพื่อเป็นทุนของชีวิตลูกที่อยู่ในครรภ์ ทั้งพ่อ แม่ ลูกในโครงการก็จะเป็นเครือข่ายครอบครัว เครือข่ายการเลี้ยงดูลูกที่เกื้อกูลซึ่งกันและกันในแนวทางของจิตประภัสสรต่อไปในอนาคต

แม้นเด็กชายกล้าลูกชายจอมซ่าของผมจะเลยวัยเข้าร่วมโครงการจิตประภัสสรมาแล้ว แต่การมาร่วมสังเกตการณ์ ก็ได้ประโยชน์ได้ข้อเตือนจิตเตือนใจให้รู้เท่ารู้ทันในอารมณ์ ความรู้สึก ความคาดหวังของคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้ดียิ่งขึ้น ส่วนลูกชายก็ได้สนุกสนานเรียนรู้กับกิจกรรมเสริมปัญญาและสมาธิสำหรับเด็กได้โลดแล่นปลดปล่อยพลังอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นจึงไปนั่งพักสงบสติอารมณ์กับกิจกรรมระบายสีผ้าบาติกชิ้นน้อยที่สะกดความพุ่งพล่านของเด็กชายได้อย่างดียิ่ง กลับมาบ้านก็ยังมีซีดีเพลงชุดชมสวนมากล่อมก่อนหลับอย่างมีความสุข.

จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการออนไลน์" งานเขียนโดย....วินิจ รังผึ้ง


ไปข้างบน