แก้ผ้าเพื่อการกุศล "บุญ" หรือ "บาป"?
ที่ผ่านมาเรามักจะสงสัยกันว่า การทำกิจกรรมการ(ซื้อแล้ว)ปล่อยสัตว์ อาทิ นก ปลา เต่า ฯลฯ ทั้งหลายเหล่านี้เป็นการกระทำที่จะได้รับผลบุญหรือผลบาปกลับมากันแน่?...
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะมีการมองกันว่าการทำกิจกรรมนี้เป็นการสนับสนุนให้ผู้คนมีอาชีพที่ต้องทำบาป ด้วยการจับสัตว์มาขาย ขณะชะตากรรมของสัตว์ที่ถูกปล่อยออกไป มักจะไม่ได้มาซึ่งอิสระเสรีอย่างที่คนปล่อยต้องการสักเท่าไหร่ หากแต่บางส่วนต้องเสียชีวิต และบางส่วนที่เป็นส่วนใหญ่เสียด้วยก็กลับมาเข้าสู่กรงขังกลายเป็น "สินค้าบุญ" เหมือนเดิม
นอกจากการปล่อยสัตว์เพื่อหวังจะได้บุญแล้ว ที่เป็นประเด็นซึ่งชวนให้น่าสงสัยอย่างยิ่งว่าเป็นการกระทำที่แม้จะมีคำว่า "บุญ - กุศล" เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่จริงหรือที่ว่าสังคมเราจะได้รับ "กุศล" หรือ "ผลบุญ" เหล่านั้นไปด้วยจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น กิจกรรมการสอยดาว การเล่นเกมต่างๆ (เพื่อการกุศล)ที่มีเรื่องของการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง สอนให้คนในสังคมเกิดความรู้สึกว่าจะทำอะไรต้องมีผลประโยชน์ตอบแทน หรือจะเป็นเรื่องของความงมงายที่มาจากการให้เช่าวัตถุมงคลเพื่อเอาเงินไปสร้างนั่นสร้างนี่ ฯลฯ
แต่ที่กำลังนิยมกระทั่งกลายเป็นข่าวฮือฮากันอยู่ในตอนนี้ทางหน้าหนังสือพิมพ์ก็คือการทำกุศลของคนบันเทิงในบ้านเราด้วยการ "แก้ผ้าถ่ายนู้ด"
เบื้องหลังการถ่ายภาพของดาราดังในเอเชียกว่า 300 ชีวิตที่มีชื่อของ "จา พนม" อยู่ด้วย
ความจริงเรื่องในลักษณะนี้ที่ต่างประเทศเองโดยเฉพาะโลกตะวันตกต้องถือว่าเป็นเรื่องปกติ (แต่ก็ไม่ได้ทำกันบ่อยๆ) แต่ด้วยค่านิยมและจารีตรักนวลสงวนตัวตามแบบวิถีของชาวตะวันออกอย่างเราๆ ทุกครั้งที่มีข่าวในลักษณะนี้ออกมาก็มักจะกลายเป็นที่ฮือฮาอยู่เสมอ
ย้อนกลับไปราวเดือนพฤศจิกายนของปีที่ผ่านมาพระเอกนักบู๊ “จา พนม ยีรัมย์” ของเราก็ไปมีโผเป็นหนึ่งใน 300 ของศิลปิน-ดาราเอเชียที่พร้อมใจกันลุกขึ้นมาสลัดผ้าท้าลมหนาว เปลือยกายทำท่าเซ็กซี่ ให้ "เลสลี่ คี" ช่างภาพชื่อดังถ่ายเพื่อระดมทุนช่วยเหลือเหยื่อคลื่นยักษ์สึนามิมาแล้ว
นอกจากหนุ่มจาของเราแล้วก็มีเหล่าดาราชื่อดังที่คุ้นหูมากมาย อาทิ กัวฟู่เฉิง ที่ทุ่มทุนสร้างยอมเปลือยทั้งบนล่าง อู๋เอี้ยนจู่, เฟย์ วอง, จางจื้อหลิน, อลัน ทัม, จางมั่นอี้ว์ ฯลฯ
ย้อนไปไกลกว่าราวๆ เดือนพฤษภาคม เหล่านกเงือกทั้งหลายที่มีชีวิตอยู่คงต้องเอ่ยปากขอบคุณไปยังดาวเซ็กซี่รุ่นพี่ "เพ็ญพักตร์ ศิริกุล" ที่ถูกเกจินู้ด "นิวัฒน์ กองเพียร" กล่อมจนยอมเปลือยกายล่อนจ้อนให้ "ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี" วาดภาพเป็นครั้งแรกในนิทรรศการศิลปินรักนกเงือกเพื่อหารายได้ในการอนุรักษ์ให้พวกมันได้มีชีวิตอยู่เป็นสัญลักษณ์ยืนยันถึงความสมบูรณ์ของผืนป่าต่อไป
โดยภาพถ่ายของเธอที่ว่านี้ได้ถูกประมูลไปด้วยราคาที่สูงถึง 4 แสนบาทเลยทีเดียว
ที่กลายเป็นข่าวขึ้นมาจนเกือบจะทำเอางานการกุศลล่มก็คือกรณีของ "ปิ่น เก็จมณี" ที่ควงสามี "เจ เจตริน" แถลงข่าวเป็นการด่วนเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา หลังหน้าบันเทิงไทยรัฐฉบับวันดังกล่าวตีพิมพ์ภาพเปลือยเอามือบังหน้าอกของเธอพร้อมกับข้อความที่เป็นไปในลักษณะที่ว่าคุณแม่นักแสดงคนนี้ถ่ายเปลือยประชดรัก!!
คำแถลงที่ออกมาทั้งเธอและสามีเผยว่า ภาพชุดที่ว่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายแบบให้กับนิตยสารเมนเฮลท์ที่จะไปประมูลกันในงานงานกุศล spread of love ซึ่งเธอไม่ได้ค่าตัวสักบาทเดียว
นอกจากนี้ทั้งสองยังยืนยันด้วยว่าภาพที่ถูกตีพิมพ์ออกสู่ที่สาธารณะผ่านทางหนัาหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวนั้นไม่ใช่ภาพเดียวกับที่เธอเลือกไว้เพื่อที่จะทำการโปรโมตโฆษณา ขณะที่ทางเจ้าของหนังสือ "ต่าย นิทรา" ที่ได้มาร่วมงานแถลงข่าวด้วยก็เอ่ยปากยอมรับผิด โดยบอกว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้วิธีการสร้างกระแสด้วยวิธีการเช่นนี้ หากแต่เป็นเรื่องของความผิดพลาดทางด้านเทคนิคจริงๆ
ถัดจากรายของสาวปิ่น ล่าสุดก็เป็นทางนิตยสาร "เฟม" ที่ได้จับเอา 32 ดาราและไฮโซชื่อดัง อาทิ มังคุด-วงศ์ชนก ชีวะศิริ, ต่าย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล, ลูกหมี-รัศมี ทองศิริไพรศรี, เอ๊ะ-ศศิกานต์ อภิชาต วรศิลป์, ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล, อั๊ต-อัษฎา พานิชกุล ฯ มาเปลือยกายให้ตากล้องแนวนู้ด "ใหญ่ อำมาตย์ นิมิตภาคย์" บันทึกภาพเตรียมลงตีพิมพ์ในฉบับเดือนเมษายนนี้
นอกจากจะตีพิมพ์ในนิตยสารดังกล่าวแล้ว ภาพบางส่วน(จำนวน 26 ภาพ)จะถูกนำมาอัดขยายในขนาด 1x1 เมตร ใส่กรอบอย่างดี แล้วนำออกประมูลในงานนิทรรศการ “FAME EROTICA” (5-9 เม.ย.ที่หน้าร้านบีทูเอสเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า) เพื่อหารายได้ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ วัดพระบาทน้ำพุและสถาบันบำราศนราดูรในราคาเริ่มต้นที่ 1 หมื่นบาทต่อรูปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม จากกระแสของการเปลือยเพื่อการกุศลที่เป็นข่าวฮือฮานี้เองก็ได้สร้างความไม่สบายใจให้กับทางกระทรวงวัฒนธรรมฯ ขึ้นมาบ้างแล้ว โดยนางปริศนา พงศ์ทัดศิริกุล ในฐานะของเลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ที่แสดงความคิดเห็นว่า จริงๆ แล้วการทำบุญทำกุศลนั้นมีหลายช่องทางโดยไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องต้องเปลื้องผ้าถ่ายภาพแต่อย่างใด
ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าขบคิดทีเดียวในเรื่องของผลได้ - ผลเสียต่อการกระทำที่ว่า รวมไปถึงคำอธิบายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าทำไมเรื่องในลักษณะนี้ถึงได้เป็นที่นิยมนัก? และทำไมคนในสังคมไทยถึงพร้อมที่จะแห่บริจาคเงินผ่านการทำบุญในลักษณะที่ว่านี้ในคราวละมากๆ?
|