'เส้าหลิน' ยุคเงินเป็นใหญ่ กังฟูเป็นรอง ส่วนธรรมะถูกลืม
"วัดเส้าหลินในวันนี้ทำให้ผมรู้สึกว่ากลิ่นอายในเชิงพาณิชย์นั้นเต็มไปหมด แม้แต่พระก็ยังมีพระปลอม ภาพดั้งเดิมอันบริสุทธิ์ในวันวานของวัดเส้าหลินนั้นผ่านเลยไปไม่หวนคืนกลับแล้วจริงๆ" ซุนเจี้ยนขุย (孙剑魁) หนึ่งในนักแสดงนำจากภาพยนตร์เรื่อง เสี้ยวลิ้มยี่*
รถบัสที่เดินทางออกจากเมืองลั่วหยางตั้งแต่เช้าตรู่และมีจุดหมายที่เติงเฟิง (登封) เมืองที่อยู่กึ่งกลางระหว่างลั่วหยางและเจิ้งโจว แล่นผ่านหน้าวัดเส้าหลินที่มีรูปปั้นปรมาจารย์บู๊ยืนสง่าเป็นสัญลักษณ์เห็นได้เด่นชัด ผมรีบตะโกนบอกให้คนขับจอดแวะ ก่อนรีบแบกเป้ใบโตกระโดดลงจากรถ
รูปปั้นต้อนรับแขกหน้าวัดเส้าหลิน
สายวันนี้วัดเส้าหลินดูจะคึกคักเสียเหลือเกิน ผมยังสงสัยอยู่ว่าวันนี้มีการนัดประลองยุทธ์ระหว่างคนยุทธจักรหรือกระไร ......
เสี้ยวลิ้มยี่ หรือ วัดเส้าหลิน (เส้าหลินซื่อ:少林寺) ตั้งอยู่ภายใน ซงซาน (嵩山) ภูกลาง อันเป็นหนึ่งใน 5 ยอดเขาแห่งแผ่นดินจีนหรือที่เรียกกันว่า อู่เยว่ (五岳) โดยอีก 4 เขาที่เหลือนั้นประกอบไปด้วย เหิงซาน (恒山) ภูเหนือในมณฑลซานซี เหิงซาน (衡山) ภูใต้ในมณฑลหูหนาน ไท่ซาน (泰山) ภูตะวันออกในมณฑลซานตง และหัวซาน (华山) ภูตะวันตกในมณฑลส่านซี
ภาพวาดปรมาจารย์ตั๊กม้อ หรือ พระโพธิธรรม ปรมาจารย์แห่งวัดเส้าหลิน
วัดเส้าหลินแอบตัวอยู่กลางหุบเขาและลำเนาไพรของซงซาน ที่ประกอบไปด้วยเขา 72 ยอด โดยแบ่งย่อยเป็นสองกลุ่ม คือในกลุ่มของเขาไท่ซื่อ (太室山) 36 ยอด และเขาเส้าซื่อ (少室山) 36 ยอด อย่างไรก็ตามความงดงามของธรรมชาติแห่งซงซานนั้นดูจะถูกบดบังไปสิ้นด้วยรัศมีแห่งวัดเส้าหลิน วัดนิกายฌาน (เซน) อันดับหนึ่งในใต้หล้า ที่ตั้งอยู่ในภายในหุบเขา 36 ยอดของภูเขาเส้าซื่อ
วัดเส้าหลินสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.495 ในราชวงศ์เว่ย รัชสมัยของพระเจ้าเสี้ยวเหวินตี้ (孝文帝) โดยแรกเริ่มเดิมทีมีจุดประสงค์ก็เพื่อให้พระภิกษุจากอินเดีย นาม ป๋าถัว (跋陀) มาจำวัดและเผยแพร่ศาสนาพุทธนิกายเถรวาท โดยว่ากันว่าในขณะนั้นพระอาจารย์ป๋าถัวมีลูกศิษย์ลูกหานับร้อยๆ คนเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามหลังจากพระอาจารย์ป๋าถัวมรณภาพ ชื่อเสียงของวัดเส้าหลินก็ค่อยๆ เสื่อมถอยลง
ล่วงมาถึง ค.ศ.527 เมื่อพระภิกษุจากอินเดียอีกรูปหนึ่งนาม ต๋าม๋อ (达摩) หรือพระโพธิธรรม หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม "ตั๊กม้อ" เดินทางมาถึงวัดเส้าหลินเพื่อเผยแพร่นิกายเซน
รูปปั้นปรมาจารย์ตั๊กม้อ (ขวาสุด) ในวิหารตั๊กม้อ หรือ วิหารเจ้าอาวาส
ตามตำนานร่ำลือกันว่าภิกษุตั๊กม้อใช้เวลาถึง 3 ปีเดินทางจากประเทศอินเดียกว่าจะมาถึงวัดเส้าหลิน โดยเมื่อมาถึงท่านกลับไม่ได้เข้าวัด แต่เดินเลยขึ้นถึงถ้ำแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับวัด ในถ้ำภิกษุตั๊กม้อหันหน้าเข้าผนังแล้วจึงนั่งลงขัดสมาธิ ท่านนั่งทำสมาธิและใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำแห่งนั้นเป็นเวลายาวนานถึง 9 ปี ก่อนที่จะลงจากถ้ำเพื่อมาถ่ายทอดพระธรรมและวิทยายุทธ์ให้กับสานุศิษย์ เมื่อถ่ายทอดแก่เหล่าศิษย์สำเร็จท่านจึงเดินทางออกจากวัดเส้าหลินและไปมรณภาพที่อี่ว์เหมิน (禹门) พื้นที่แห่งหนึ่งซึ่งปัจจุบันอยู่ในมณฑลเหอหนาน
ว่ากันว่าจากการที่ปรมาจารย์ตั๊กม้อนั่งหันหน้าเข้าผนังทำสมาธิอยู่ในถ้ำถึง 9 ปีนั้นทำให้บนผนังเกิดอภินิหารเป็นรอยเงาของท่านติดตรึงอยู่เลยทีเดียว โดยปัจจุบันถ้ำแห่งนี้นั้นอยู่ในบริเวณเที่ยวชมของวัดเส้าหลิน โดยเรียกกันว่า ถ้ำตั๊กม้อ (达摩洞)**
กังฟูพิสดารแห่งวัดเส้าหลิน (ภาพจาก CCTV)
ในส่วนวิทยายุทธ์ที่ปรมาจารย์ตั๊กม้อคิดค้นขึ้นนั้นก็มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ท่านเห็นว่าวัดเส้าหลินนี้ตั้งอยู่ ณ หุบเขาซงซาน ซึ่งเป็นป่าทึบที่ชุกชุมไปด้วยสัตว์เดรัจฉานน้อยใหญ่ การที่บรรดาหลวงจีนต้องนั่งสมาธินานๆ โดยไม่ได้ออกกำลังกายจะทำให้สุขภาพร่างกายเสื่อมทรุดได้ ดังนั้นท่านจึงพินิจการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของสัตว์ชนิดต่างๆ และดัดแปลงนำมากำหนดเป็นท่าร่างเพื่อการออกกำลังกายและใช้ป้องกันตัว
ต่อมาด้วยวิทยายุทธ์อันล้ำลึกเหล่านี้เองที่ผลักให้ พระแห่งวัดเส้าหลินกลับกลายต้องเข้ามามีเกี่ยวพันเอากับเรื่องโลกของปุถุชนภายนอก โดยหนึ่งในเรื่องที่โด่งดังก็เช่น เมื่อต้นศตวรรษที่ 7 ในยุคสุย-ถัง พระวัดเส้าหลินได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ 'หลี่ซื่อหมิน' เพื่อต่อสู้กับ 'หวังซื่อชง' โดยต่อมาเมื่อหลี่ซื่อหมินได้รับการสถาปนาเป็นองค์ฮ่องเต้ถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง นอกจากพระสงฆ์ 13 รูปที่ได้การแต่งตั้งจากฮ่องเต้ให้ได้ดำรงตำแหน่งในทางโลกแล้ว วัดเส้าหลินยังได้อานิสงส์จากการอุปถัมป์ขององค์ฮ่องเต้ไปด้วยอย่างมากมาย
กังฟูพิสดารแห่งวัดเส้าหลิน (ภาพจาก CCTV)
ขณะที่เมื่อราชวงศ์ถังเข้าสู่ยุคของพระนางบูเช็กเทียน (อู่เจ๋อเทียน:武则天) เนื่องจากในยุคพระนางบูเช็กเทียนนี้มีการสนับสนุนการเผยแผ่ศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก ด้านวัดเส้าหลินก็กลายเป็นวัดอันดับหนึ่งในใต้หล้า (天下第一名刹) ไปโดยปริยาย
เมื่อวันคืนผันผ่าน เวลาล่วงเลยมาพันกว่าปี พอประเทศจีนเข้าสู่ยุคสาธารณรัฐ วัดเส้าหลินก็ถึงยุคตกต่ำ เข้าขั้นหายนะ เมื่อปี ค.ศ.1927 ในช่วงที่จีนกำลังวุ่นวายกับการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของเหล่าขุนศึก วัดเส้าหลินก็ถูกเผาทำลายครั้งใหญ่โดยเพลิงได้ลุกโชนอยู่นานถึง 45 วัน สิ่งก่อสร้างในวัดเส้าหลินเกือบทั้งหมดต้องวายวอดสิ้น วิหาร ศาลา ตึกหลักๆ นั้นถูกเผาเรียบวุธ ส่วนตำราไม้แกะสลัก "ประวัติวัดเส้าหลิน" กับ "กังฟูมวยเส้าหลิน" รวมถึงตำราและสมบัติล้ำค่าของวัดมากมาย ต่างก็สูญหายไปในเพลิงอัคคีครั้งนั้น***
ภาพยนตร์เรื่อง เสี้ยวลิ้มยี่ (少林寺) หรือ วัดเส้าหลิน กับ หลี่เหลียนเจี๋ย ดารานำผู้เริ่มประกายแสงความเป็นพระเอกยอดนักบู๊จากภาพยนตร์เรื่องนี้
ในปี ค.ศ.1949 เมื่อประเทศจีนเปลี่ยนแปลงการปกครองเข้าสู่ระบอบสังคมนิยม วัดเส้าหลินก็มิพ้นต้องรกร้าง จะมีก็เพียงวิชากังฟูเส้าหลินที่ยังคงถูกถ่ายทอดกันต่อๆ มา และเป็นที่เลื่องลือ โดยเฉพาะในนิยายกำลังภายในเล่มแล้วเล่มเล่า มิพ้นต้องกล่าวถึงแขนงวิทยายุทธ์ที่ล้ำลึกจากวัดเส้าหลิน
จนกระทั่งเมื่อจีนเริ่มเปิดประเทศ และความสนใจเกี่ยวกับกังฟูวัดเส้าหลินจากภายนอกเริ่มร้อนแรง ทางนักลงทุนจากเกาะฮ่องกงก็สนใจจะผลิตภาพยนตร์จอเงินเกี่ยวกับกังฟูของวัดเส้าหลิน โดยยกทีมงานเข้ามาหานักแสดงถึงจีนแผ่นดินใหญ่ และถ่ายทำ ณ สถานที่จริงและอย่างเช่นที่ทราบ ในช่วงต้นทศวรรษที่ 80 หรือ 25 ปีก่อนเมื่อออกฉาย ภาพยนตร์ "เสี้ยวลิ้มยี่ (少林寺)" ก็โด่งดังเป็นพลุแตก พร้อมๆ กับการถือกำเนิดของดารานักบู๊คนใหม่ หลี่เหลียนเจี๋ย (李连杰) หรือที่ฝรั่งรู้จักกันในนามเจ็ทลี (Jet Li)
การแสดงกังฟูที่มีผู้ชมรายล้อมคอยชมนับพันคน
หลังจาก "เสี้ยวลิ้มยี่" หนังกังฟูเกี่ยวกับวัดเส้าหลินก็ถูกสร้างขึ้นมาอีกเป็นชุดทั้งหนังใหญ่และหนังจอแก้ว และส่งอิทธิพลกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมวัดเส้าหลินอย่างไม่ขาดสาย
ด้านทางฝั่งรัฐบาลจีนเองก็ได้โอกาสผลักดันวัดเส้าหลินให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของมณฑลเหอหนานเสียเลย โดยเน้นชูประวัติความเก่าแก่ของวัด 1,500 ปี กับกังฟูแห่งวัดเส้าหลิน (ที่ปัจจุบันมีโรงเรียนเปิดสอนกังฟูเส้าหลินแทบจะทั่วมณฑลเหอหนานอยู่แล้ว) นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะยื่นต่อยูเนสโกขอบรรจุ 'วัดเส้าหลิน' ในรายชื่อมรดกโลกอีกด้วย
**********
ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ ที่ปัจจุบันชื่อเสียงหลักของวัดเส้าหลินกลับขจรกระจายมาจาก 'วิทยายุทธ์' ที่ปรมาจารย์ตั๊กม้อคิดค้นขึ้น มิใช่ 'สัจธรรม' ที่ท่านค้นพบขณะนั่งหันหน้าเข้าผนังถ้ำอยู่ 9 ปี
บางทีอาจเป็นธรรมชาติของมนุษย์ กิเลสหนาที่ยังว่ายวนหลงติดอยู่กับการแสดงอำนาจและการเอาชนะกันทางภายนอก มากกว่าที่จะแสวงหาชัยชนะอันแท้จริงที่อยู่ภายใน
การฝึกซ้อมในโรงเรียนกังฟูเส้าหลิน
เมื่อเดินผ่านลานใหญ่ด้านหน้าวัดที่สร้างขึ้นไว้ขายสินค้าที่ระลึก และจัดการแสดงเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ผมเห็นภาพ บรู๊ซ ลี ตัวน้อยกำลังตีลังกา ปล่อยหมัด ออกท่าร่างสวยงามที่ผมเคยเห็นแต่ในโทรทัศน์ อ้อมไปด้านหลังเวที เงาของเฉินหลงกำลังเร่งทำความสะอาด ดาบ พลอง กระบอง และหอก ที่ใช้ในการแสดง เมื่อเดินต่อเข้าไปยังบริเวณโรงเรียนกังฟู ศิษย์น้องของหลี่เหลียนเจี๋ยกลุ่มใหญ่ก็กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการฝึกวิทยายุทธ์
เด็กเหล่านี้กับผู้ปกครองที่ส่งลูกหลานมาเรียน มาอยู่ มากิน มานอน ที่วัดเส้าหลิน คงมีจุดหมายสูงสุดไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ในเมื่อปัจจุบันโลกยุทธจักรกลายเป็นเพียงแค่เรื่องราวสมมติในหนังสือ นิยายและภาพยนตร์ สิ่งที่เด็กๆ เหล่านี้พอจะไขว่คว้าได้ก็คือ การเป็นจอมยุทธ์ในโลกมายา 'ดารานักบู๊ในจอแก้ว-จอเงิน' ที่ดูๆ ไปแล้วคงจะอิ่มท้องมากกว่าการเป็นจอมยุทธ์ผู้โดดเดี่ยวในยุทธภพแห่งความเป็นจริง ......
กระนั้นหากไปไม่ถึงฝั่งฝัน อย่างเลวๆ เด็กเหล่านี้ก็คงเติบโตเป็น รปภ.ที่มีวิทยายุทธ์ติดตัว เอาไว้ประมือกับขโมยขโจรที่ในยุคนี้ต่างก็พกอาวุธ-พกมีด-พกปืน ติดตัวกันหมดแล้ว
Tips สำหรับการเดินทาง:
- วัดเส้าหลิน (少林寺) ค่าผ่านประตู 40 หยวน (บัตรนักเรียน-นักศึกษา ลดครึ่งราคา; ราคาค่าผ่านประตูแหล่งท่องเที่ยวในมณฑลเหอหนานอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นราคาอีกในปี 2548 โดยมีข่าวว่าราคาค่าผ่านประตูของวัดเส้าหลินจะขึ้นเป็น 100 หยวน) วัดเส้าหลินอยู่ใกล้ๆ กับตัวเมืองเติงเฟิง การเดินทางมาจากลั่วหยางและเจิ้งโจวนั้นสะดวกสบายมาก โดยเฉพาะการเดินทางมาทางรถประจำทางใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงจากทั้งสองเมือง
- แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาเที่ยววัดเส้าหลินในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวของชาวจีน โดยเฉพาะเทศกาลวันแรงงานจีนต้นเดือนพฤษภาคม และเทศกาลวันชาติจีนช่วงต้นเดือนตุลาคม เนื่องจากจะแออัดมากถึงมากที่สุด เพราะบริเวณตัววัดเส้าหลินเองนั้นก็ค่อนข้างคับแคบ
- สำหรับผู้ที่วาดฝันว่าต้องการมาชมวัดเส้าหลินแบบดั้งเดิมก็คงต้องผิดหวัง เพราะตัววัดเส้าหลินในปัจจุบัน วิหารและอารามต่างๆ นั้นถูกสร้างใหม่แทบทั้งหมดดังเช่นที่กล่าวไปแล้ว ปัจจุบันของดั้งเดิมที่เหลืออยู่ก็มีแต่เพียงป้ายหิน และวัตถุโบราณเก่าแก่จำนวนเล็กน้อย กับป่าเจดีย์ (塔林) เจดีย์หินจำนวน 232 องค์ที่เก็บอัฐิพระภิกษุสำคัญของวัดเส้าหลินเท่านั้น
ป่าเจดีย์ (塔林) ที่เก็บอัฐิพระภิกษุรูปสำคัญๆ ของวัดเส้าหลิน
อ้างอิงจาก :
*หนังสือพิมพ์ซินจิงเป้า 新京报 ฉบับวันที่ 6 เมษายน ค.ศ.2005 หน้า C10-C11
**หนังสือ 名山地图 โดยฉินเจี่ยน (秦俭) : สำนักพิมพ์ 南方日报出版社, ฉบับ ค.ศ.2004
***หนังสือท่องเที่ยวเหอหนาน-เหอเป่ย ฉบับท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (臧羚羊自助游) : สำนักพิมพ์ 中国大百科全书出版社, ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2004 และ หนังสือ 名山地图
จากนสพ. "ผู้จัดการ Online" งานเขียนโดย....คุณวริษฐ์ ลิ้มทองกุล
|