หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

ดวงตราสุริยันจันทรา วัตถุมงคลแห่งจตุคามรามเทพ

ทำไมวัตถุมงคลจตุคามรามเทพถึงได้มีขนาดใหญ่ต่างจากพระเครื่องทั่วๆ ไปเช่นนี้?

สื่อสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนดวงตราสุริยันจันทรามีความหมายว่าอย่างไร ทำไมต้องมีราหูอมจันทร์ ทำไมต้องมีรูปนักษัตรทั้ง 12 ยันต์และอักขระต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ด้านหลังคืออะไร

พังพระกาฬมีที่มาและที่ไปอย่างไร?

ทำไมต้องสร้างพระพุทธสิหิงค์?

เหล่านี้คือสิ่งที่หลายคนตั้งคำถามในใจ และหลายคนยังไม่ทราบคำตอบ ขณะที่คำตอบหรือคำอรรถาธิบายต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ตามสื่อแทบทุกชนิดก็ล้วนแล้วแต่ไม่ถูกต้องตรงตามข้อเท็จจริง ทั้งๆ ที่มีความสำคัญยิ่ง


ดวงตราสุริยันรุ่นแรก ปี 2530 เนื้อสีขาว


ด้านหลังของดวงตราสุริยันรุ่นแรก ปี 2530

จตุคามรามเทพไม่ใช่พระ และไม่ได้มีองค์เดียว

ท่ามกลางกระแสความนิยมในองค์จตุคามรามเทพที่แพร่สะพัดไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ได้ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดมากมาย ความผิดแรกที่สำคัญที่สุดและต้องปรับองศาการรับรู้เสียใหม่ก็คือ จตุคามรามเทพไม่ใช่พระ และจตุคามรามเทพไม่ใช่พระเครื่องในศาสนาพุทธ

ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2530....

ในครั้งแรก พล.ต.ท.สรรเพชญตอบปฏิเสธเพราะกลัวว่าสร้างขึ้นมาแล้วไม่ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อคนที่ได้รับไปใช้ไม่ได้ผลก็เท่ากับว่าเป็นการหลอกลวงต้มตุ๋นประชาชน แต่ถ้าอยากจะทำ ต้องทำให้ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ โดยต้องบอกกลไกเหล่านั้นให้ และในภายหลังทุกอย่างก็พิสูจน์ชัดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของจตุคามรามเทพจริงๆ

แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้และย้ำให้ชัดก็คือ การสร้างวัตถุมงคลแต่ละครั้งแต่ละห้วงเวลาจตุคามรามเทพคือผู้กำหนด ไม่ใช่นึกจะสร้างก็สร้างขึ้นมา ไม่ใช่ใครคิดจะทำก็ได้ เพราะทุกครั้งที่มีการสร้างจะต้องมีเหตุผลหลักเพื่อช่วยปกปักษ์รักษาบ้านเมืองให้รอดจากภัยพิบัติต่างๆ ไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อพุทธพาณิชย์

ไม่ว่าจะเป็นการสร้างครั้งแรกในปี พ.ศ.2530 หรือครั้งล่าสุดคือพระผงนาคปรก 5 เศียร 3 สีที่เพิ่งสร้างขึ้นมาในปี พ.ศ.2550

นอกจากนี้ เรื่องใหญ่ที่สร้างความสับสนให้กับบรรดาลูกพ่อมาเป็นเวลานานก็คือ จริงๆ แล้วจตุคามรามเทพมีกี่องค์กันแน่ เพราะบางกระแสบางตำราก็บอกว่ามีองค์เดียว ขณะที่บางกระแสก็บอกว่ามี 2 องค์ องค์หนึ่งชื่อ จตุคาม องค์หนึ่งชื่อรามเทพ ซ้ำร้ายบางสำนักยังเลยเถิดไปถึงขั้นที่ว่า จริงๆ แล้วชื่อของจตุคามรามเทพที่เรียกกันอยู่นั้น เป็นชื่อที่ผิด เพราะชื่อที่ถูกต้องคือ “ขัตตุคาม” แถมยังมีการสร้างรุ่นขัตตุคามออกมาให้ประชาชนได้บูชากันอีกต่างหาก จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันยกใหญ่

แน่นอนว่า ผู้ที่จะตอบคำถามในเรื่องนี้ได้ดีที่สุดย่อมหนีไม่พ้นพล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล


ดวงตราสุริยันรุ่นแรกปี 2530 เนื้อสีขาวปัดนาก


ดวงตราสุริยันรุ่นแรกปี 2530 เนื้อสีขาว

“ความจริงแล้ว จตุคามรามเทพไม่ได้มีองค์เดียว แต่มี 2 องค์ องค์หนึ่งชื่อจตุคาม องค์หนึ่งชื่อรามเทพ เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เคียงคู่กัน แต่โดยศักดิ์และฐานะแล้วองค์จตุคามมีอำนาจเหนือกว่า ใหญ่กว่า มีอำนาจมากกว่า เหมือนในประวัติศาสตร์ไทยที่มีสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับสมเด็จพระเอกาทศรถ หรือสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชกับสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท แต่ในการนำไปทำเป็นต้นแบบหลักเมือง ผมใช้องค์จตุคามเป็นหลัก”

“สำหรับดวงตราสุริยันจันทราที่ผมสร้างและออกแบบขึ้นมา ก็ไม่ใช่มีองค์จตุคามองค์เดียว แต่มีองค์รามเทพซ้อนกันอยู่เหมือนกับเป็นเงาอยู่ด้านหลังด้วย คำถามต่อมาคือแล้วทำไมกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ถึงมายืนเฝ้าพระบรมธาตุ มายืนเฝ้าประตูเหมือนทหารยาม ความจริงก็คือจตุคามรามเทพไม่ได้มายืนเฝ้าพระธาตุ แต่มายืนรักษาพระบรมอัฐิของพระราชบิดา” พล.ต.ท.สรรเพชญเล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดี

ถ้าใครเคยไปดูบานประตูแกะสลักทางขึ้นพระบรมธาตุ องค์จตุคามจะอยู่บานทางด้านซ้าย ส่วนองค์รามเทพจะอยู่บานทางด้านขวา


บานประตูวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ต้นแบบแห่งศิลปะศรีวิชัย

ส่วนประติมากรรมเทพ 2 องค์ที่ประดิษฐ์สถานอยู่ก่อนที่จะถึงประตูบานไม้แกะสลัก ที่ต่อมาในภายหลังมีความสับสนว่า เป็นรูปปั้นจตุคามรามเทพนั้น เป็นความเข้าใจที่ผิด ยิ่งถ้าหากพิจารณาลักษณะทางศิลปะด้วยแล้ว ก็จะพบว่า เป็นรูปปั้นที่สร้างขึ้นมาในสมัยอยุธยา ไม่ใช่ศิลปะของอาณาจักรศรีวิชัย

อีกเรื่องหนึ่งที่หลายท่านอาจจะไม่ทราบก็คือ ในการประกอบพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลของหลักเมืองนั้น จะไม่มีการนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีนั่งปรกปลุกเสก แต่จะทำโดยองค์จตุคามรามเทพเท่านั้น อย่างมากก็คือนิมนต์พระมาสวดชัยมงคลคาถา เฉลิมฉลองเมื่อสร้างและปลุกเสกเรียบร้อยแล้วเท่านั้น เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของศาสนาพุทธ


ดวงตราสุริยันรุ่นแรกปี 2530 เนื้อสีดำ ซึ่งเป็นองค์ต้นแบบในการจัดสร้างดวงตราสุริยันรุ่นสองปี 2548


ดวงตราจันทรารุ่นแรกปี 2530

สื่อสัญลักษณ์ในวัตถุมงคล

ทีนี้ ก็มาถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้ถึงความหมายและเบื้องหน้าเบื้องหลังของสื่อสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ปรากฏอยู่บนวัตถุมงคลของจตุคามรามเทพว่าทำไมถึงต้องเป็นเช่นนั้น

ถ้าใครมีจตุคามรามเทพรุ่นแรกหรือรุ่นสองที่สร้างขึ้นโดย พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล หยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ ก็จะพบว่า ด้านหน้ามีสิ่งสำคัญ 5 ประการที่ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อสื่อสัญลักษณ์ถึงความยิ่งใหญ่แห่งโครงสร้างของจักรวาล

หนึ่ง – รูปพระราหูอมจันทร์ 8 ตน กำหนดขึ้นมาเพื่อให้เป็นตัวแทนของดาวพระเคราะห์ทั้ง 8 ดวงคือ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์และมฤตยู หรือระบบสุริยจักรวาล

สอง - กงจักร สื่อสัญลักษณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงหมุนเวียนที่ไม่หยุดนิ่ง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของวัฏจักร

สาม–ภาพดาว 12 นักษัตรที่เป็นตัวแทนของอาณาจักรศรีวิชัย เมือง 12 นักษัตร

สี่ –จุดประวงกลมกำหนดขึ้นมาเพื่อสื่อสัญลักษณ์ถึงความกว้างใหญ่ไพศาลของดาราจักรหรือที่นักดาราศาสตร์เรียกว่า กาแลกซี่

และ ห้า องค์จตุคามรามเทพที่อยู่ตรงกลางเป็นตัวแทนของโลก เพราะในทางโหราศาสตร์ถือว่า โลกคือศูนย์กลางของจักรวาล มีดาวพระเคราะห์ทั้งหลายคือดาวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ ดาวเสาร์และดาวมฤตยูเป็นดาวบริวารโคจรหมุนเวียนรอบโลก เพราะว่าโลกเป็นดาวพระเคราะห์เพียงดวงเดียวที่มีมนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์โลกที่มีสติปัญญาความคิด สามารถสร้างสรรค์ศิลปะอารยธรรมอันสูงส่งขึ้นได้ ส่วนดาวพระเคราะห์อื่นเป็นแต่เพียงวัตถุธาตุที่ไม่มีชีวิตจิตวิญญาณ

ต่างจากในทางดาราศาสตร์ที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางเหมือนดังเช่นที่เราได้ร่ำเรียนกันในวิชาวิทยาศาสตร์

ขณะที่เมื่อพลิกไปด้านหลัง ก็จะพบสื่อสัญลักษณ์ที่สำคัญอีก 4 ประการเช่นกัน

หนึ่ง – ยันต์หัวใจธรณีที่อยู่ตรงกลางเป็นตัวแทนแห่งหัวใจมนุษย์

สอง-ยันต์ที่อยู่ด้านซ้ายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นมนุษย์เพศชาย

สาม-ยันต์ที่อยู่ด้านขวาเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นมนุษย์เพศหญิง

สี่-ตัวอักขระที่อยู่ด้านนอกสุดเป็นสัญลักษณ์ของระบบธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลมไฟ

ทีนี้ ก็มาถึงจุดที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ “ขนาด” ของดวงตราสุริยันจันทรา ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่า ทำไมถึงไม่สร้างให้เหมือนกับพระเครื่องทั่วไป ทำไมถึงต้องทำขนาดที่ใหญ่มากมายถึงขนาดนั้น และเรื่องขนาดนี่เองที่ทำให้ในระยะแรกๆ ผู้ที่ไม่รู้ไม่ให้ความสนใจที่จะนำมาแขวนขึ้นคอ เนื่องจากเกรงจะถูกมองว่าเป็นคนบ้าที่แขวนอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่พระเครื่อง มีขนาดใหญ่โต แถมยังมียักษ์หรือราหูอมจันทร์อีกต่างหาก ต่างจากปัจจุบันที่ทุกคนพร้อมใจกันแขวนโชว์ออกนอกเสื้อ แถมบางคนยังแขวนครั้งละหลายๆ องค์อีกด้วย

คำตอบที่ง่ายๆ สั้นๆ และฟันธงชนิดไม่ต้องอ้อมค้อมก็คือ จตุคามรามเทพเป็นผู้กำหนดให้เป็นเช่นนั้น

แต่.....นั่นไม่ใช่คำตอบที่ตรงเสียทีเดียว เพราะการที่จตุคามรามเทพกำหนดย่อมมีที่มาและที่ไป ไม่ได้เป็นไปอย่างเลื่อนลอย ไร้หลักการ นึกอยากจะทำก็ทำ


ด้านหลังของดวงตราจันทรารุ่นแรก ปี 2530

เหตุที่ต้องกำหนดให้ดวงตราสุริยันจันทรามีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เซนติเมตรก็เพราะเป็นขนาดที่ทำให้เกิดพลังสูงสุด ก่อให้เกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์สูงสุดแก่ผู้ใช้ เป็นขนาดที่สามารถคุ้มครองผู้ใช้ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติที่จะมากล้ำกรายได้

สำหรับ “เนื้อ” ที่ใช้เป็นส่วนผสมของวัตถุมงคล ก็เป็นเนื้อที่จตุคามรามเทพเป็นผู้กำหนดสูตรว่า ต้องใช้อะไรเป็นส่วนผสม ซึ่งคงไม่สามารถเปิดเผย ณ ที่นี้ได้ แต่หลักใหญ่ใจความสำคัญคือ ต้องมี “ข้าวสุก-น้ำตาล-เกลือ” เป็นองค์ประกอบ และถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า องค์ประกอบทั้ง 3 ประการไม่ใช่สิ่งที่แปลกประหลาดหากแต่เป็นอาหารที่มนุษย์เรารับประทานเป็นอาหารเท่านั้นเอง

นอกจากนี้ ยังได้นำเศษไม้ตะเคียนทองที่เหลือจากการทำเสาหลักเมืองมาบดผสมในการทำดวงตราสุริยันจันทราด้วย

และวัตถุทั้งหมดเหล่านั้น ไม่ได้มีการไปซื้อหามาจากไหน แต่เป็นชาวบ้านที่มีความศรัทธานำมาพร้อมให้ทั้งนั้น

และเมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อสร้างเสร็จจึงกำหนดราคาขึ้นมาที่ถูกแสนถูกเพราะตั้งใจจะให้เป็นของสมนาคุณแก่ผู้ที่ให้ความช่วยเหลือ โดยตั้งราคาเอาไว้แค่ 49 บาท คนบริจาค 100 บาทจะหยิบเอาไป 3 องค์ก็ไม่ว่ากัน หรือแม้กระทั่งไม่มีเงินทอง ไม่มีสตางค์ ถ้าอยากได้ไปบูชาก็สามารถนำกลับไปฟรีได้อีกด้วย


ไปข้างบน