อ้างไม้ตะเคียนพันปี จตุคามยักษ์องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าประชาชนทั่วไปได้เดินทางไปที่วัดห้วยมงคล ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ หลังจากทราบข่าวการสร้างเหรียญจตุคามรามเทพใหญ่ที่สุดในโลก โดยเหรียญจตุคามรามเทพเหรียญดังกล่าว มีเนื้อสีดำสลับทอง นำประดิษฐานไว้ภายในศาลาหลวงพ่อทวด ด้านทิศเหนือ โดยมีประชาชนนำดอกไม้ธูปเทียนเข้ากราบไหว้ตลอดทั้งวัน ซึ่งส่วนใหญ่หลังจากกราบไหว้ขอพรแล้ว ก็จะไปนั่งด้านหน้าเพื่อถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
ใหญ่จริงๆ- ชาวบ้านกราบไหว้องค์จตุคามรามเทพ ขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร ที่วัดห้วยมงคล อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ สร้างจากไม้ตะเคียนอายุพันปี แกะสลักแบบเดียวกับจตุคามรุ่นปาฏิหาริย์ ที่วัดห้วยมงคล จัดสร้างไว้ก่อนหน้านี้
พระครูประภัสสรวรพินิจ เจ้าคณะตำบลทับใต้ เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล เปิดเผยถึงการสร้างเหรียญจตุคามรามเทพองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ว่า คณะกรรมการวัดได้จัดสร้างเหรียญจตุคามรามเทพ รุ่นปาฏิหาริย์ จนโด่งดังมีชื่อเสียงรู้จักดีของบรรดาเซียนพระและประชาชน ก็ได้มีผู้มีจิตศรัทธานำไม้ตะเคียนสีดำสนิท มาที่วัดแจ้งว่าเป็นไม้ตะเคียนอายุประมาณ 1 พันปี เส้นผ่าศูนย์กลางหลายคนโอบ อัญเชิญมาจากบ้านวังตะเคียน จังหวัดแพร่ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้วัดห้วยมงคลจัดสร้างเป็นจตุคามรามเทพ เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เหรียญดังกล่าวมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวประมาณ 3 เมตร น้ำหนักประมาณ 500 กิโลกรัม โดยทางวัดให้ช่างออกแบบแกะสลักลักษณะเดียวกับเหรียญจตุคามของวัด รุ่นปาฏิหาริย์ ด้านหน้าเป็นหลวงพ่อทวด ด้านหลังเป็นราหูอมจันทร์รายรอบองค์ท้าวจตุคามรามเทพ ค่าใช้จ่ายในการจัดทำประมาณ 3 แสนบาท โดยมีการนิมนต์คณะสงฆ์ อ.หัวหิน สวดเจริญพระพุทธมนต์เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้นได้ประกอบพิธีอัญเชิญขึ้นประดิษฐาน เพื่อให้ประชาชนได้สักการบูชา ซึ่งหลังประชาชนทราบข่าวจตุคามรามเทพไม้ตะเคียนพันปี ที่วัดห้วยมงคล ต่างเดินทางมาสักการะไม่ขาดสาย ซึ่งส่วนใหญ่จะสักการะหลวงพ่อทวด องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนจากนั้นจะเข้าจุดธูปขอโชคลาภจากเหรียญจตุคามรามเทพ และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก บางรายเข้าลูบคลำขอเลขเด็ด ซึ่งทางวัดต้องจัดเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีการใช้เทียนหยดจตุคามแล้วถูเอาเลขเด็ด หรือเอาแป้งไปประให้เกิดความเสียหายได้
พยานให้การมัดญาติขุนพันธ์ตุ๋นขายจตุคามแก๊
ตร.ระบุลูกบุญธรรมขุนพันธ์ น่าจะขายจตุคามปลอมจริง เพราะพยานหลายปากให้การสอดคล้องกันหมด แต่เจ้าตัวยังปฏิเสธไม่เกี่ยว พร้อมประกันตัวไปแล้ว ระบุพระปลอมไม่ใช่ของตัวเอง และเตรียมที่จะฟ้องกลับคนที่แจ้งความกล่าวหา ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ขณะที่คดีปล้นตำรวจรู้แล้วว่าเป็นแก๊งไหน โจรที่โดนยิงตายเป็นคนพัทลุง อยู่ในกลุ่มผู้กว้างขวางวงการพระเครื่อง เจ้าของนิตยสารชื่อดัง เตรียมตัวขยายผลจับกุม ส่วนที่ประจวบคีรีขันธ์ตะลึงจตุคามองค์ใหญ่ที่สุดในโลก แห่ไหว้กันอื้อ
จากกรณีนายเผชิญ ซ้วนละลิ่ม อายุ 43 ปี และนางอรษา ซ้วนละลิ่ม อายุ 41 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 21 ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง นครศรีธรรมราช เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สมทรง รักษาแก้ว สารวัตรเวรสภ.ต.ชะเมา อ.เมืองนครศรีธรรมราช ให้ดำเนินคดีกับนายจำนงค์ บุษบรรณ หรือ "จ่าขุนพันธ์" อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 ม.15 ต.ท่าเรือ อ.เมือง นครศรีธรรมราช หรือลูกบุญธรรมพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์สินของผู้อื่น โดยสองสามีภรรยาได้นำหลักฐานเป็นวัตถุมงคลจตุคามรามเทพรุ่นเงินไหลมา 1 พิมพ์ใหญ่ จำนวน 83 องค์ มูลค่า 83,000 บาท โดยระบุว่า วัตถุมงคลดังกล่าวนั้นเป็นของปลอมทั้งหมดและซื้อมาจากนายจำนงค์ ขณะที่นายจำนงค์ให้การปฏิเสธ และจากการตรวจค้นที่บ้านก็ไม่พบของกลางตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง แต่พบเงินสดที่ผู้เสียหายนำมาซื้อตามจำนวนดังกล่าว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. พ.ต.ท.สมทรงกล่าวว่า คดีนี้พ.ต.ท.พิรุณ กลัดทอง รองผกก.หน.สภ.ต.ชะเมา สั่งการให้เร่งสอบปากคำพยาน เพื่อคลี่คลายคดี และสอบไปแล้วจำนวน 3 ปาก ซึ่งทุกคนให้การสอดคล้องกัน และน่าเชื่อว่าวัตถุมงคลปลอมทั้งหมดนั้นน่าจะมาจากนายจำนงค์จริง อย่างไรก็ตามหลังจากมีการแจ้งความกันแล้วนายจำนงค์ก็เข้ามอบตัวและได้รับการประกันตัวไปแล้วในวันเดียวกัน แต่ทั้งนี้นายจำนงค์ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ไม่รู้เห็นกับเรื่องที่เกิดเหตุ และยืนยันว่าไม่ได้เป็นเจ้าของวัตถุมงคลที่มีปัญหาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาฉ้อโกงแก่นายจำนงค์ไปแล้ว ส่วนวัตถุมงคลของปลอมนั้นยังสืบไม่ได้ว่ามาจากแหล่งใด และเมื่อช่วงเช้ามืดวันเดียวกันนี้ มีคนแจ้งมาว่า นายจำนงค์ได้ขนของออกจากบ้านใส่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างขับเข้าไปทางตัวเมืองนครศรีธรรมราช แต่ไม่ชัดเจนว่าเป็นสิ่งใด ต้องสืบสวนต่อไป
ด้านนายจำนงค์ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นตนเองไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น ของที่เอามาแจ้งความนั้นไม่ใช่ของตน การที่มาแจ้งความดำเนินคดีและออกข่าวใหญ่โตทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง และถือว่าเป็นการหมิ่นประมาท ดังนั้นจะแจ้งความกลับด้วย หลังจากที่ได้ยิงคนร้ายที่เข้ามาบุกปล้นเมื่อวันก่อนแล้ว ก็มีคนมาหาจำนวนมาก เพื่อขอเช่าวัตถุมงคลที่มีอยู่ในความครอบครอง ขอยืนยันว่าวัตถุมงคลที่ปล่อยให้เช่าไปนั้นเป็นของแท้ทุกอย่าง ไม่มีของปลอมอย่างเด็ดขาด และจำไม่ได้ว่าทั้งคู่มาเช่าไปจากตนหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือวัตถุมงคลที่เอามาแจ้งความนั้นไม่ใช่ของตนแน่นอน หลังจากนี้ไปจะไม่ขอพูดอะไรทั้งสิ้น หลังจากคดีเรียบร้อยแล้วค่อยมาพูดกันอีกที
ส่วนของคดีความคืบหน้าคนร้ายบุกปล้นนายจำนงค์ เมื่อคืนวันที่ 26 มี.ค. และถูกนายจำนงค์ยิงเสียชีวิตไป 1 ศพ นั้น พ.ต.ท.พิรุณ กลัดทอง รองผกก.หน.สภ.ต.ชะเมา กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก และรู้ชื่อคนร้ายหมดแล้วว่ามีใครบ้างร่วมแก๊ง ในเบื้องต้นทราบว่าเป็นแก๊งงัดแงะมาจากจังหวัดพัทลุง และพบข้อมูลชัดเจนว่าผู้ตายอยู่กับผู้กว้างขวางในวงการพระเครื่องคนหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับนิตยสารพระเครื่องชื่อดัง ซึ่งในคืนเกิดเหตุทั้งนายจำนงค์และภรรยาได้ยินเสียงคนร้ายพูดขึ้นขณะที่นายจำนงค์ยิงคนร้ายว่า "ไหนว่าเจ้าบ้านไม่อยู่ ไม่มีปืน" จากนั้นคนร้ายที่เหลือก็พากันหนี ดังนั้นจึงเชื่อว่ามีการชี้เป้าให้เข้าปล้น โดยมีคนในพื้นที่รู้เห็น และจะเร่งสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้เสร็จโดยเร็วเพื่อออกหมายจับกุมต่อไป
สำหรับประวัตินายจำนงค์ หรือ "จ่าขุนพันธ์" เป็นบุตรของนายเจียม และนางนวล บุษบรรณ เดิมเป็นคน ต.ท่าเรือ อ.เมือง นครศรีธรรมราช ซึ่งเข้ามาคลุกคลีวงการพระเครื่องมากว่า 20 ปี โดยจะเข้านอกออกในบ้านขุนพันธรักษ์ราชเดชมาตลอด จนเป็นที่รู้จักมักคุ้นกับบ้านของขุนพันธ์เป็นอย่างดีเหมือนกับเป็นคนในบ้านคนหนึ่ง ระยะหลังช่วงที่ขุนพันธ์เริ่มชรา นายจำนงค์จะให้การช่วยเหลือหิ้วสิ่งของรวมทั้งคอยพยุงเวลาไปร่วมพิธีกรรมต่างๆ ทุกครั้ง นอกจากนั้นยังเข้าร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลโดยเฉพาะองค์จตุคามรามเทพรุ่นต่างๆ มานับครั้งไม่ถ้วน และชอบสะสมวัตถุมงคลไว้ที่บ้านจนเกิดเหตุคนร้ายบุกปล้น กระทั่งมาเกิดเหตุถูกกล่าวหาปลอมวัตถุมงคลขายดังกล่าว
|