เพราะกระแส "จตุคามฯ" ลูกหลาน-ว่านเครือขุนพันธ์ ชีวิตปั่นป่วนวุ่นวาย
วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ
กระแสความนิยมวัตถุมงคล "จตุคามรามเทพ" ก่อเกิดปรากฏการณ์อันไม่เคยปรากฏในแวดวงวัตถุมงคลของเมืองไทย
เป็นความนิยมที่มาเร็วและแรง ทั้งที่ครั้งแรกเริ่มเดิมสร้างตกอยู่ในชะตาถึงขั้น "ให้ฟรียังโกรธ"
นับจากวันจัดสร้างรุ่นแรกในวาระสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2530 เมื่อครั้ง พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ลงคุมพื้นที่ในตำแหน่งผู้กำกับการตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช
มีปัญหาต่างๆ มากมาย จนมีการเข้าทรงเทพชั้นสูงซึ่งระบุว่าปัญหาที่ไม่หมด เนื่องจากมีการสาปแช่งเมืองนครศรีธรรมราชเอาไว้ในอดีตกาล ต้องทำพิธีสร้างหลักเมืองเพื่อแก้เคล็ด
แล้วร่างทรงพลันวาดภาพเทพองค์หนึ่ง และให้ไปถาม "อ้ายหนวด" ว่าเทพในภาพคือใคร!?
"อ้ายหนวด" คนนั้น คือ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช หรือ "ขุนพันธ์" อดีตนายตำรวจมือปราบชื่อดังที่สุดคนหนึ่งในรอบศตวรรษของวงการสีกากี
โด่งดังด้วยฝีมือ ด้วยความสัตย์ซื่อมือสะอาด และด้วยเสียงร่ำลือยกย่องเป็นจอมขมังเวทย์
ครั้งนั้นขุนพันธ์ซึ่งอายุล่วงเข้าวัย 88 แล้ว บอกชัดเจน ภาพเทพที่วาดออกมาคือ "จตุคามรามเทพ" หรือเรียกอีกนามว่า "จันทรภาณุ" กษัตริย์แห่งอาณาจักรศรีวิชัย
การสร้างจตุคามรามเทพรุ่นที่ 1 เริ่มขึ้น และตั้งแต่นั้นชื่อของขุนพันธรักษ์ราชเดช ซึ่งเลื่องลืออยู่แล้ว ก็ถูกจับเอาไว้เคียงกัน
พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช หรือ "ขุนพันธ์"
5 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 ขุนพันธ์ล่วงลับ สิริอายุ 108 ปี
ไม่มีใครลืม และยิ่งไม่ลืมวันพระราชทานเพลิงศพครั้งประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของประเทศไทย มหาชนนับจำนวนกว่า 2 แสนคนเข้าร่วมงาน เป็นภาพสะท้อนศรัทธาแน่นแฟ้น
และเป็นภาพสะท้อนความมุ่งหมายใน "จตุคามรามเทพ"
ปรากฏการณ์ประวัติการณ์ในแวดวงวัตถุมงคล และยังพุ่งไม่ตก
สืบสายตรง ณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช วัย 56 บุตรชายคนโต ผู้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนบิดาในงานพิธีเกี่ยวกับจตุคามรามเทพ
เล่าว่าร่างประทับทรงเคยบอกไว้ว่า "เก็บเอาไว้ให้ดี ของของเราจะแพงขนาดพระสมเด็จวัดระฆังฯ"
เป็นพ่องานจัดสร้างเหรียญที่ระลึกพิธีพระราชทานเพลิงศพ เผยเป็นเหรียญซึ่งผสมมวลสารพิเศษต่างๆ รวมทั้งเส้นผมของขุนพันธ์ มี 3 แบบ โดยแบบที่ 1 เป็นเหรียญเงิน ทองแดงลงดำ และผงว่านขาวดำแดง มีรูปขุนพันธรักษ์ราชเดชอยู่ด้านหน้า ด้านหลังเป็นลายนิ้วหัวแม่มือข้างขวาของท่าน
อีก 2 แบบ เป็นเหรียญชนิดผง ด้านหน้าเป็นรูปองค์ท้าวจตุคามรามเทพยกมือ ด้านหลังเป็นรูปขุนพันธรักษ์ราชเดชนั่งเก้าอี้ถือดาบ และแบบเป็นเหรียญทองแดงพิมพ์เสมา ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่ทวด ด้านหลังเป็นรูปขุนพันธรักษ์ราชเดช
ที่ผ่านมาต้องขึ้นล่องกรุงเทพฯ-นครฯ แจ้งความในคดีจตุคามฯ ปลอมแล้วปลอมอีก
เหรียญขุนพันธ์
ยังมีเรื่องไม่ธรรมดาของ นายจำนงค์ บุษบรรณ หรือ "จ่าขุนพันธ์" วัย 58 ปี ลูกบุญธรรมขุนพันธ์
ไม่ธรรมดานับแต่มีโจรบุกเข้าบ้านหมายชิงเอาจตุคามรามเทพรุ่นบูรณะเจดีย์ราย ปี 2545 ที่อยู่ในความครอบครองกว่า 1,500 องค์ มูลค่านับสิบล้านบาท
ให้หลังเพียงสัปดาห์เดียว จำเลยคดีฆ่าก็มาเป็นจำเลยซ้ำ เมื่อคนประกาศว่ามีจุตคามฯ จริงนับพันองค์ในครอบครอง ถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหลอกขายจตุคามรามเทพรุ่นเงินไหลมา 1 ของเก๊จำนวน 83 เหรียญ มูลค่า 83,000 บาท มีชาวบ้านหลายรายเป็นเจ้าทุกข์
อีกคนลืมไม่ได้ กฤตภาส สิทธิรักษ์ อัยการอาวุโส ประจำสำนักงานอัยการคดีศาลแขวง จ.นนทบุรี ผู้เรียกขุนพันธรักษ์ราชเดชเป็นลุง
คนสั่งทำเหรียญจตุคามฯ ที่ต่อมา นายณสรรค์ เข้าร้องเรียนให้ตำรวจดำเนินคดี ระบุเป็นผู้ปลอมเหรียญจตุคามรามเทพที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ
โต้มาว่าไม่ใช่เหรียญปลอม เพราะเข้าพิธีมาแล้วถึง 3 ครั้ง และไม่มีการโฆษณา อวดอ้างสรรพคุณ หรือแผ่นปลิวให้เช่าบูชาแต่อย่างใด
ยืนยันความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับขุนพันธ์
และยืนยันว่าประชาชนทั่วไปที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาใน "ท่านลุงขุนพันธ์" มีสิทธิเสรีภาพเต็มที่ในการจัดสร้างเหรียญ โดยมิต้องขออนุญาตผู้ใดทั้งสิ้น
เครือข่ายทายาทและคนใกล้ชิด ชีวิตวันนี้ผันผวนขึ้นลงด้วยกระแสจตุคามฯ และขุนพันธ์โดยแท้
|