หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

“จตุคามฯ” หายทำหนุ่มเมืองตรังคลั่งบุกจี้ 2 ตัวประกันกลางเมืองภูเก็ต


หนุ่มคลั่งจตุคามรามเทพ

ศูนย์ข่าวภูเก็ต— หนุ่มเมืองตรังเกิดอาการคลุ้มคลั่ง หลังจตุคามรามเทพ รุ่น “สร้างอุโบสถ” ปี 2549 ของวัดพระธาตุมหาวรวิหาร จ.นครศรีธรรมราช หายไปทราบว่าหัวขโมยเป็นใคร เจรจาจนได้เงิน 2 พันบาท แต่ไม่คืนพระ ยอมแล้ว แต่คู่กรณีตลบหลังไล่ยิงคาบ้าน ไปแจ้งความที่ สภ.อ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ไม่สนใจ ก่อเหตุสะเทือนขวัญกลางดึก เจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงประสบผล ยอมจำนน ดำเนินคดี 2 ข้อหาหนัก “บุกรุกเคหะสถานของผู้อื่นในยามค่ำคืน โดยมีอาวุธ และทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์”

เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น.วานนี้ (16 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสาย 191 ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่อาศัยบริเวณแฟลตการเคหะแห่งชาติ ภูเก็ต ต.รัษฎา ว่า มีชายไม่ทราบชื่อบุกจี้ตัวประกัน 2 ราย บริเวณชั้น 2 บริเวณแฟลตการเคหะแห่งชาติ อาคาร 4 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ให้เร่งไปตรวจสอบ และให้การช่วยเหลือด้วย จึงรายงานให้ ร.ต.อ.นิกร ชูทอง ร้อยเวร สภ.อ.เมืองภูเก็ต ทราบ พร้อมแจ้งให้ พ.ต.ต.พงศ์นรินทร์ สุทิน สวป.สภ.อ.เมืองภูเก็ต ตามลำดับชั้น เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต


เจ้าหน้าที่พยายามพังประตูเข้าไป

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า มีประชาชนจำนวนมากมุงดูเหตุการณ์จนเต็มลานด้านหน้าแฟลตการเคหะแห่งชาติ อาคาร 4 โดยห้องที่เกิดเหตุอยู่ชั้น 2 เลขที่ 72/38 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ของนายสรพงศ์ ทองสลับ อายุ 28 ปี ซึ่งขณะนั้นได้ฉวยโอกาสช่วงที่คนร้ายไม่ทันระวังตัววิ่งหลบออกมาได้อย่างปลอดภัย พร้อมน้องสาว ทราบชื่อ น.ส.กรทิพย์ แซ่หล่าย อายุ 23 ปี


นายสรพงศ์ ทองสลับ เจ้าของห้อง

ส่วนคนร้ายทราบชื่อต่อมาว่า นายอภินันท์ จันทนา หรือ “โก้ยาว” อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดตรัง อาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ที่บริเวณหน้าโรงแรมรอยัลภูเก็ต ซิตี้ อ.เมืองภูเก็ต อยู่บ้านเลขที่ 66 บ้านโหนทรายทอง ซอย 3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ยังอยู่ภายในห้อง โดยนายอภินันท์ ได้ทำลายข้าวของภายในห้องได้รับความเสียหายทั้งหมด พร้อมกับปิดประตูอย่างแน่นหนา แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะพยายามเกลี่ยกล่อมอย่างไรก็ไม่ยอมรับข้อเสนอทั้งสิ้น


น.ส.กรทิพย์ แซ่หล่าย ตัวประกันที่ถูกนายอภินันท์จี้ เล่าเรื่องให้เจ้าหน้าที่ฟังอย่างตื่นตระหนก

น.ส.กรทิพย์ แซ่หล่าย ตัวประกันที่ถูกนายอภินันท์จี้ เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตนได้เดินขึ้นมาจากด้านล่าง เพื่อเข้าห้องระหว่างนั้นได้มีนายอภินันท์เดินมาทางด้านหลัง แต่ก็ไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ นายอภินันท์จึงใช้มีดดาบยาวประมาณ 1 เมตร จี้ที่เอว พร้อมกับบอกว่า ไม่ทำอันตรายใด ๆ แต่ขอเข้าไปดูโทรทัศน์ภายในห้องด้วย ซึ่งขณะนั้นนายสรพงศ์ ทองสลับ พี่ชายกำลังนอนดูโทรทัศน์อยู่พอดี


เจ้าหน้าที่พยายามพังประตูเข้าไป

เมื่อตนพาเดินเข้าไปด้านใน นายอภินันท์ได้ขอยืมโทรศัพท์มือถือ เพื่อโทรไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้สื่อข่าวแขนงต่าง ๆ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีที่องค์จตุคามรามเทพหายไป แล้วไปแจ้งความไว้ที่ สภ.อ.เมืองภูเก็ต แต่ไม่ได้รับความสนใจ หากตนหรือพี่ชายไม่ให้ยืมโทรศัพท์จะใช้มีดแทง ตนจึงให้ยืมโทรศัพท์ หลังจากนั้นนายอภินันท์ได้เดินไปโทรศัพท์ด้านหลังบ้าน ตนกับพี่ชายจึงฉวยโอกาสวิ่งหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย หลังจากนั้นนายอภินันท์จึงปิดประตูล็อคทั้งด้านหน้า และหลัง ทุบทำลายข้าวของภายในบ้าน จนเกิดเสียงดังตลอดเวลา


ใช้รถยกเจรจาแต่ไม่เป็นผล จำเป็นต้องยิงแก็สน้ำตา

เจ้าหน้าที่จึงทำการใช้กุญแจมือล็อคประตูด้านหน้าไว้ เพื่อไม่ให้นายอภินันท์ ซึ่งอยู่ในอาการคลุ่มคลั้งออกมาทำร้ายประชาชนที่เดินทางมามุงดูเป็นจำนวนมาก พร้อมกับเจรจาให้นายอภินันท์ยอมมอบตัว แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้ถังดับเพลิงฉีดเข้าไปภายในห้อง เพื่อให้นายอภินันท์แสบตา และหยุดทำลายข้าวของภายในห้อง พร้อมประสานขอรถยกไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลรัษฎา เพื่อขึ้นไปฉีดแก็สน้ำตาใส่ทางด้านหลังห้อง


เจ้าหน้าที่นำตัวนายอภินันท์ ออกมาได้สำเร็จ

เมื่อเห็นว่า นายอภินันท์อ่อนกำลังลง เจ้าหน้าที่จึงได้พังประตูด้านหน้าออก และบอกให้นายอภินันท์ถอดเสื้อผ้า พร้อมกับชูมือทั้ง 2 ข้างขึ้น เดินออกมาหน้าประตู นำลงไปสงบสติอารมณ์ด้านล่างได้อย่างปลอดภัย โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซึ่งใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงความยินดีของประชาชน

นายอภินันท์ เล่าว่า องค์จตุคามรามเทพของตน รุ่น “สร้างอุโบสถ” ปี 2549 ของวัดพระธาตุมหาวรวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช สูญหายไปเมื่อวานนี้ (13 เม.ย.) ซึ่งตนทราบว่า ใครเป็นคนขโมยไป และได้พยามเจรจา จนผู้ที่ขโมยจตุคามรามเทพไปนำเงินมาคืนให้แล้ว จำนวน 2,000 บาท


เจ้าหน้าที่นำเสื้อให้ใส่

หลังจากนั้นเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (13 เม.ย.) ผู้ที่ขโมยจตุคามรามเทพ ได้ใช้ปืนไล่ยิงตนขณะกำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้านพัก จึงไปแจ้งความที่ สภ.อ.เมืองภูเก็ต แต่ไม่ได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ จนเกิดความเครียดจนก่อเหตุขึ้นดังกล่าว แต่ไม่มีเจตนาทำร้ายใครทั้งสิ้น

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้ง 2 ข้อกล่าวหา คือ “บุกรุกเคหะสถานของผู้อื่นในยามค่ำคืน โดยมีอาวุธ และทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์” ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ขณะที่นายสรพงศ์ ทองสลับ กล่าวว่า ความเสียหายของทรัพย์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก็ไม่รู้ว่า จะเอาจากใคร หรือ ที่ไหน คิดว่า เป็นคราวเคราะห์ ตัวเองกับน้องสาวปลอดภัยก็ดีที่สุดแล้ว.


ไปข้างบน