จตุคามฟีเวอร์ “เมืองคอน” พันล้าน แบงก์ชี้เงินสะพัด! ธุรกิจต่อเนื่องเฟื่อง
ศรัทธา- ประชาชนจำนวนมากแห่ไปกราบไหว้พระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช และจตุคามรามเทพ ขณะที่นายธนาคารในเมืองคอนออกมาระบุว่ากระแสศรัทธาจตุคามฯ ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เงินสะพัดในจังหวัดนับพันล้านบาท
เงินพันล้านสะพัดเมืองคอน ธุรกิจต่อเนื่องได้ประโยชน์กันทั่วหน้า หลังกระแสจตุคามรามเทพฟีเวอร์ สร้างรายได้ไหลมาเทมา ทั้งรับปัดทองจากทำวันละ 200 เหรียญ เพิ่มเป็น 2 หมื่นเหรียญ กรอบพระต้องระดมลูกหลานมาทำ เพราะไม่ทันความต้องการของลูกค้า
ยังไม่นับสร้อย กำไล แม้แต่กิจการโรงพิมพ์เจ้าของเพิ่งสั่งเครื่องพิมพ์ตัวละกว่าล้านมาเร่งงาน แต่กลับได้ทุนคืนในพริบตา ยังไม่นับกิจการร้านอาหาร โรงแรม ขณะที่นายธนาคารระบุเพียงปีเดียวเงินสะพัดนับพันล้านบาท แต่ก็ยังน่าเป็นห่วงเรื่องกระแสที่อาจจะวูบลงบ้าง เพราะมีคนทำมากขึ้น ขณะที่เจ้าของเว็บไซต์ขายของมือสองเผยบรรยากาศคึกคักมีการซื้อขาย ตั้งแต่หลักร้อยไปถึงหลักแสน
เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 50 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครศรีธรรมราช ว่า เทศกาลสงกรานต์ จ.นครศรีธรรมราช คึกคักกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากกระแสความศรัทธาองค์ท้าวจตุคามท้าวรามเทพ ทำให้ประชาชนจากทั่วทุกภาคของเมืองไทยและชาวต่างประเทศ ต่างหลั่งไหลเข้ามายัง จ.นครศรีธรรมราช กันอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่ต่างมุ่งหวังมากราบไหว้พระบรมธาตุเจดีย์ และท้าวจตุคามรามเทพ
รวมถึงหาเช่าวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ เพื่อความสิริมงคลและเป็นหนทางสู่ความสำเร็จในการทำมาหากิน ทำให้ถนนสายต่างๆ ในตัวเมืองในเขตเทศบาลนครศรีธรรมราช ติดขัดเนืองแน่นไปทั่วทั้งเมือง โรงแรมที่พักห้องอาหารร้านใส่กรอบพระเครื่องถม ต่างรับอานิสงฆ์เงินสะพัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ
นายพีระพงษ์ เมฆา ผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ สาขานครศรีธรรมราช อดีตประธานชมรมธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า กระแสจตุคามฟีเวอร์ ไม่ได้มีเฉพาะในนครศรีธรรมราชเท่านั้น แต่ได้กระจายไปทั่วประเทศและประเทศใกล้เคียง โดยกระแสความนิยมจตุคามฯ ในนครศรีธรรมราชเริ่มส่งสัญญาณแรงขึ้นๆ ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2549 มาถึงไตรมาสแรกของปี 2550 ก็แรงแบบยั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ส่งผลให้มีเงินสะพัดในจ.นครศรีธรรมราช ในช่วงดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขานครศรีธรรมราช ที่ตนเป็นผู้จัดการอยู่ มีกระแสเงินสะพัดจากจุตคามฯ ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และธนาคารไทยพาณิชย์ ในจ.นครศรีธรรมราช มี 5 สาขา สาขาละ 100 ล้านบาท รวมเป็น 500 ล้าน และยังธนาคารอื่นๆ อีกก็กว่า 1,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน
"เฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2549 มาจนถึงไตรมาสแรกของปี 2550 เท่านั้น และกระแสก็น่าจะแรงมากขึ้น แต่ตนมองว่าในปีนี้ช่วงไตรมาส 4 กระแสจตุคามฯ น่าจะอ่อนตัวลง เนื่องจากถึงจุดอิ่มตัว เพราะมีการผลิตกันมากแบบไม่จำกัดปริมาณ ในขณะที่ความต้องการมีมากก็จริง แต่การผลิตก็มากอุปสงค์กับอุปทานจะไม่พอดีจึงน่าจะถึงจุดอิ่มตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายหากทาง จ.นครศรีธรรมราช มีการจัดระบบระเบียบในการจัดสร้างจตุคามฯให้ดี ไม่ใช่สร้างเอาทำให้ถึงจุดอิ่มตัวเร็วขึ้น จะทำให้อานิสงส์จากกระแสนิยมจะส่งผลให้เกือบทุกอาชีพในจ.นครศรีฯ มีแต่ได้กับได้ ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในจ.นครศรีฯ กับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีเงินสะพัดเข้าจ.นครศรีฯมากมายมหาศาลแบบนี้" นายพีระพงษ์กล่าว
นายทวี พลายด้วง อายุ 48 ปี อดีตอาจารย์วิทยาลัยศิลปกรรมนครศรีธรรมราช ปัจจุบันลาออกจากการเป็นอาจารย์ศิลปะมาเปิดกิจการรับเพนต์น้ำทอง (ปัดทอง) วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ กล่าวว่า กระแสความนิยมในวัตถุมงคลจตุคามรามเทพนั้น เดิมมีวัดที่จัดสร้างมาขอให้ช่วยออกแบบวัตถุมงคลให้ ซึ่งตนก็ช่วย และเมื่อช่วยครั้งแรกก็มีการติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ จนมากและทำแทบไม่ทัน และจากเมื่อก่อนที่รับออกแบบวัตถุมงคลเพียงอย่างเดียวก็มีการควบการรับเพนต์น้ำทองด้วย ซึ่งการรับเพนท์น้ำทองนั้นหากเป็นวัตถุมงคลหน้าเดียวราคาโรงงานตนคิดหน้าละ 8 บาท หากเป็น 2 หน้า หรือ 2 ด้าน ก็คิด 15 บาทต่อเหรียญ และถ้าเป็นงานที่เพนท์ยากขึ้น ก็จะปรับราคาเพิ่มอีกเล็กน้อย
ที่บ้านตนซึ่งปัจจุบันได้ขยายกิจการเป็นโรงงาน จากเมื่อก่อนรับเพนท์วันละ 100-200 เหรียญ เพิ่มเป็นวันละ 20,000 เหรียญ โดยจะมีเด็กหรือคนงาน 200 คน ในการเพนต์น้ำทองและมีการขยายโรงงานออกเป็น 5 จุด ซึ่งเด็กหรือคนงานจะได้รับค่าตอบแทนครึ่งต่อครึ่ง และไม่มีค่าใช้จ่ายมีเพียงรายได้อย่างเดียว เป็นการสร้างงานแก่ชาวบ้านอย่างดีชาวบ้านมีรายได้เสริมสร้างงานสร้างชุมชน
ด้านนางเล็ก พิศสุวรรณ เจ้าของร้านเครื่องถมแห่งหนึ่งในเมืองนครศรีฯ กล่าวว่า กระแสจตุคามรามเทพทำให้ร้านขายเครื่องถมเงินถมทองลืมตาอ้าปากได้ จากเมื่อก่อนเราขายสร้อยคอ, กำไล, กรอบพระแบบเครื่องเงินเราขายกันแบบเรื่อยๆ ไม่ได้ขายดีมากนัก แต่เมื่อกระแสของจตุคามฯ เริ่มแรงขึ้น ประชาชนมีการเข้ามาซื้อบริการจากร้านขายเครื่องถมมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะนำวัตถุมงคลจตุคามรุ่นต่างๆ แบบต่างๆ มาเข้ากรอบเงิน และซื้อสร้อยคอเครื่องถมเงินหรือสร้อยคอเป็นเชือกสีต่างๆ ซึ่งความนิยมกันมาก ขายดีทำแทบไม่ทันต้องระดมลูกหลานและจ้างคนงานมาเพิ่ม เพื่อรองรับความต้องการของประชาชน อย่างเข้ากรอบเครื่องถมเงิน เมื่อวันหนึ่งแทบขายไม่ได้ปัจจุบันขายได้วันละไม่ต่ำกว่า 50-100 อัน ทำกันแทบไม่ทันยืนตลอดไม่มีโอกาสได้นั่งเลย สร้อยเชือกก็ขายดีสร้อยเงินก็ขายดีกันทั่วหน้า
ซึ่งราคามีการปรับสูงขึ้นจากเดิมกรอบเครื่องถมเงินขนาด 3.2 ซ.ม. เดิมขายราคา 350 บาท ปรับเป็น 500-600 บาท ก็ยังไม่พอความต้องการ สร้อยเชือกจากเดิมเส้นละ 50-70 บาท ปรับเป็น 100-150 บาท ก็ขายดีทุกอย่างเรียกว่าเงินสะพัดไม่ต่ำกว่าแสนบาทในแต่ละวัน
นายประยูร พรหมเงิน เจ้าของร้านประยูรการพิมพ์กล่าวว่า ที่ร้านเปิดโรงพิมพ์มากว่า 20 ปี ไม่เคยมีปีไหนเหมือนกับปีนี้ที่ผลิตสิ่งพิมพ์กันแทบไม่ทันทั้งวันทั้งคืน ไม่ว่าจะเป็นโปสเตอร์, หนังสือโบรชัวร์ หรือกระทั่งการพิมพ์ป้ายไวนิล คนงานที่ร้านทำงานกันทั้งวันทั้งคืน งานเข้ามาจนล้นทำไม่ทันเงินสะพัดในธุรกิจโรงพิมพ์มหาศาล ตนสั่งลงเครื่องพิมพ์ไวนิล 4 สี ราคากว่าล้านบาท ตนสามารถคืนทุนในเวลาไม่กี่เดือน เป็นความมหัศจรรย์ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิตกับการทำธุรกิจประเภทนี้ เงินสะพัดในธุรกิจตนนั้นหลายล้านบาท และเรียกว่ากระจายรายได้กันทั่วหน้ากับธุรกิจโรงพิมพ์
นายพิชัย ชูสุวรรณ ประธานชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารจังหวัดนครศรีฯ กล่าวว่า ร้านอาหารก็ได้รับอานิสงส์จากกระแสจตุคามไปอย่างไม่คาดฝัน เพราะมีประชาชนหลั่งไหลเข้ามาในจ.นครศรีฯ และเข้ามาใช้บริการกินอาหารจากร้านอาหารต่างๆ ขายดีกันแบบผิดหูผิดตา ซึ่งในส่วนของร้านอาหารนั้นเงินสะพัดก็หลายล้านบาทเช่นกัน เพราะดีกันแทบทุกร้าน ยิ่งช่วงเทศกาลสงกรานต์ไม่ต้องพูดถึงต้องโทร.จองล่วงหน้า หากไม่โทรศัพท์จองจะไม่มีโต๊ะนั่ง
นายบัณฑูร พิมพ์ทนต์ ผู้จัดการโรงแรมทวินโลตัส กล่าวว่า โรงแรมเป็นโรงแรมใหญ่ที่สุดในเมืองนครศรีธรรมราช เรามีห้องพัก 400 ห้อง ซึ่งกระแสของจตุคามฯ ทำให้ธุรกิจโรงแรมดีขึ้น จากเดิมที่เรามียอดที่พักประมาณ 30% และยอดสัมนา 70% แต่เมื่อกระแสจตุคามแรงขึ้นปลายปี 2549 ยอดห้องพักก็เพิ่มจาก 30 เป็น 80 ถึง 100% ในบางช่วง เรียกว่าคึกคักอย่างมาก อย่างในช่วงเทศกาลสงกรานต์ห้องพักเต็มตลอด 100%
ด้านพระราชธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร กล่าวว่า คิวการปลุกเสกวัตถุมงคลจตุคามฯ ซึ่งมีการติดต่อและจองคิวที่จะปลุกเสกที่วัดพระมหาธาตุฯ นั้น มีทุกวันไปจนถึงเดือนม.ค.2551 ซึ่งมีการมาติดต่อเพื่อจองคิวปลุกเสกกันมาก บางรายจะเอาวันที่ได้กฤษ์มา แต่คิวไม่ว่างก็ต้องแนะนำให้รวมกับรายการที่เขาจองไว้แล้ว
สำหรับค่าตอบแทนนั้นทางวัดไม่ได้กำหนดว่าจะต้องถวายเท่านั้นเท่านี้ แล้วแต่ศรัทธาของผู้สร้างแต่ละราย ซึ่งที่ผ่านมาก็จะมีถวายรายละ 20,000-50,000 บาท อาตมาก็นำมาพัฒนาวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และมองว่าการจัดระบบระเบียบนั้นจะให้อาตมาพิจารณาเองว่า จะให้รายไหนคงไม่ได้ เพราะหากอนุญาตนาย ก. แล้วไม่อนุญาต นายข.คงไม่ได้ เพราะถือเป็นเรื่องของความศรัทธา มีการพูดถึงเรื่องการจัดระเบียบซึ่งเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็ต้องช่วยกันทุกฝ่ายไม่ใช่โยนมาให้อาตมาคนเดียว เพราะวัดพระมหาธาตุฯ ถือเป็นสมบัติของทุกคนไม่ใช่ของอาตมาหรือของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งในมุมมองของอาตมานั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่วัดพระมหาธาตุฯ มีคนรู้จักมากขึ้น เดินทางหลั่งไหลเข้ามากราบนมัสการมากขึ้น
|