หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

เปิดกรุกลุ่มผลประโยชน์เทวพาณิชย์ จากศรัทธาองค์พ่อ “จตุคามรามเทพ”


เศียรจตุคามรุ่นแรก

วัตถุมงคลสาย “จตุคามรามเทพ” สร้างขึ้นมาเป็นครั้งแรกในช่วงปี 2528-2530 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นของกำนัลแก่ประชาชนที่ร่วมมือร่วมแรงร่วมปัจจัยในการสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชในขณะนั้น โดยการจัดสร้างในยุคแรกๆ มีบุคคลเข้าไปเกี่ยวข้องมากมายหลายกลุ่มทั้งบรรดาพ่อค้า แม่ค้า ข้าราชการ และประชาชนทั่วไป รวมทั้งคนกลุ่มหนึ่งที่มีกิจกรรมและผลประโยชน์อยู่ในวงการพระเครื่องและวัตถุมงคล

บุคคลกลุ่มหลังนี้มีส่วนสำคัญในการนำ “จตุคามรามเทพ” วัตถุมงคลเฉพาะกิจเฉพาะงานสาธารณประโยชน์เข้ามาอยู่ในรูปแบบของธุรกิจที่มีกระบวนการทำตลาดจนคุณค่าที่มาจากใจ กลายเป็นคุณค่าที่มาพร้อมกับเงินจำนวนมหาศาล จนทำให้ความเข้าใจใน “จตุคามรามเทพ” ของชาวพุทธจำนวนไม่น้อยบิดเบี้ยวไปในที่สุด

พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ผู้มีส่วนสำคัญแห่งต้นกำเนิดของวัตถุมงคลสาย “จตุคามรามเทพ” ได้บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับกลุ่มผลประโยชน์ที่นำจตุคามรามเทพ เข้าสู่รูปแบบธุรกิจ ไว้ใน www.suriyunjuntra.com ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2550 โดยระบุหัวข้อว่า “กลุ่มทำพระหลักเมืองปลอม” พร้อมกับมีการระบุชื่อบุคคลหลายวงการที่แสวงหาผลประโยชน์จากการจัดสร้างวัตถุมงคลสายจตุคามรามเทพ


จตุคามรามเทพ รุ่นกำแพงศอก

โดยหลายกลุ่มที่มีการระบุถึงกำลังมีเรื่องฟ้องร้องกรณีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งบางคดียังอยู่ในระหว่างการไต่สวนของศาล ขณะที่บางคดีได้มีการตัดสินยกฟ้องไปแล้ว “ผู้จัดการรายวัน” จึงเรียบเรียงข้อมูลอีกด้านมาถ่ายทอดต่อเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลความเป็นไปในจตุคามรามเทพให้มากที่สุดเพื่อความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อไป

พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล หรือ นายตำรวจมือปราบที่ได้รับฉายา “แจ๊ค พาแลนซ์ เมืองคอน” อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช ผู้สั่งให้มีการขึ้นป้ายหน้าโรงพักพร้อมข้อความเพื่อเตือนสติบรรดาเสือร้ายและมิจฉาชีพในยุคนั้นว่า “จังหวัดนครศรีธรรมราช เมืองที่ไม่ปลอดภัยสำหรับโจร” เป็นบุคคลที่มีส่วนสำคัญในการจัดสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อแก้ดวงเมืองให้อยู่ในเกณฑ์ดีกว่าเดิม โดยอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันของทุกภาคส่วนทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่น


พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล

จากข้อมูลระบุว่า คณะผู้สร้างได้จัดทำวัตถุมงคลคู่ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช เช่น รูปปั้นพระโพธิสัตว์, พระผงสุริยันจันทรา, ผ้ายันต์ มีดจตุคามรามเทพ ตะกรุดแบบต่างๆ รวมทั้งพระผงนาคปรกสี่เหลี่ยม เป็นต้น

มีวัตถุประสงค์ชัดเจนคือเพื่อมอบเป็นของสมนาคุณแก่ผู้ที่มีจิตศรัทธาบริจาคเงินสร้างศาลหลักเมือง ต่อจากนั้นได้มีการจัดสร้างในโอกาสพิเศษต่างๆ หลายครั้งเป็นการเฉพาะภายในกลุ่มลูกศิษย์องค์จตุคามรามเทพเท่านั้น ไม่มีวัตถุประสงค์จะสร้างเพื่อขายแต่อย่างใด พร้อมกับมีการทำลายแม่พิมพ์ทุกครั้งเพื่อกันไม่ให้มีการไปพิมพ์ขายในเชิงพาณิชย์ พร้อมกับได้มีการนำรูปแบบศิลปกรรมวัตถุมงคลหลักเมืองไปจดทะเบียนลิขสิทธิ์ไว้ที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่ปี 2543 เพื่อป้องกันและเป็นช่องทางจัดการกับผู้ที่นำจตุคามรามเทพไปหากินต่อในรูปแบบการค้าในภายหลัง

“เมื่อครั้งวัตถุมงคลของหลักเมืองมีราคาเพียงองค์ละ 49 บาท 39 บาท 19 บาท 12 บาทก็ไม่ค่อยมีคนสนใจ บางครั้งมีคนยากจนอยากได้ก็ให้ไปฟรีๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ... แต่หลังจากพระหลักเมืองมีราคาเรือนแสนเรือนล้าน และหลายล้าน ก็เกิดพวกละโมบอยากร่ำรวยถือโอกาสปลอมแปลงหลอกขายผู้คนต่อมาตั้งตัวเป็นเจ้าสำนักทำผิดกฎหมายในลักษณะละเมิดลิขสิทธิ์ เที่ยวชักชวนวัดวาอาราม โรงเรียน โดยอ้างว่าหาเงินเพื่อการกุศลบังหน้ามีอยู่มากมายหลายกลุ่ม ผู้ที่หลงเชื่อส่วนใหญ่ไม่ทราบว่ากลุ่มที่ทำพระหลักเมืองปลอมถูกจับดำเนินคดีในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ไปแล้วทั้งสิ้น ...”


สุริยันจันทรารุ่นแรก

โดยกลุ่มผลประโยชน์ที่ถูกนำมาเปิดเผยเป็นบุคคลจากหลากหลายวงการ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 8 กลุ่มประกอบด้วย

1.กลุ่ม “นาย อ.” และพี่น้อง ซึ่งเดิมที “นาย อ.” มีฐานะยากจนมาก อาศัยขายของกินมีรายได้เล็กน้อย จนกระทั่ง “นาย อ.” ได้มาเป็นร่างทรง “องค์จตุคามรามเทพ” ให้แก่คณะผู้จัดสร้างหลักเมืองและได้รับการเอื้อเฟื้อจากผู้หลักผู้ใหญ่จนสามารถลืมตาอ้าปากได้ ญาติพี่น้องที่เคยรังเกียจต่างไปมาหาสู่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชักชวน “นาย อ.” สร้างวัตถุมงคลอิงแอบกับการสร้างศาลหลักเมือง แต่ พล.ต.ท.สรรเพชญ ไม่ยินยอมให้สร้าง จนกระทั่งมีการปรับภูมิทัศน์รอบๆ ศาลหลักเมือง มีการรื้อโรงพิธีและสถานที่เก็บวัตถุมงคลหลักเมือง จึงมีการกระจายวัตถุมงคลหลักเมืองออกไปเก็บไว้ยังบ้านของศิษยานุศิษย์หลายคนรวมทั้ง “นาย อ.”

จนกระทั่งเวลาผ่านไปวัตถุมงคลหลักเมืองมีราคาสูงขึ้น ส่วน “นาย อ.” เองก็มีพฤติกรรมใช้จ่ายฟุ่มเฟือยผิดปกติ จึงมีการสืบดูพฤติกรรมจนทราบว่า “นาย อ.” ได้ขโมยวัตถุมงคลของหลักเมืองไปขายให้แก่ “นาย ช.” และนักขายพระที่ศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ จึงมีการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์ และไล่ออกจากการเป็นร่างทรง

ต่อมา “นาย อ.” ได้ร่วมกับญาติพี่น้องหากินกับการสร้างวัตถุมงคลขายอย่างเต็มรูปแบบ โดยทำเลียนแบบวัตถุมงคลหลักเมือง จึงมีการแจ้งดำเนินคดีในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ หลังจากนั้น “นาย อ.” ได้เดินสายออกต้มตุ๋นหลอกลวงชาวมาเลย์ สิงคโปร์ ร่วมกับ “พระ น.” พระลูกวัดชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และมีการชักชวนพระวัดต่างๆ ให้ทำวัตถุมงคลหลักเมืองโดยอ้างว่าจะนำเงินไปช่วยการกุศลมากมายหลายแห่ง


เหรียญพังพระกาฬ รุ่น 2

2.กลุ่ม “พระ น.” หรือ “หลวง น.” พระลูกวัดชื่อดัง ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่พยายามตั้งตัวเป็นเกจิอาจารย์อยู่ก่อนแล้ว เมื่อวัตถุมงคลหลักเมืองเริ่มเป็นที่นิยมและมีราคาแพง มีการไปตีสนิทกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่ได้รับอนุญาตให้จัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2543 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปเปิดศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งมีการทำพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่เกาะเภตรา จ.สตูล โดย “พระ น.” ได้ขออนุญาตติดตามไปด้วย ทำทีเป็นผู้ถือกล้องวิดีโอเพื่อบันทึกภาพ ห่มจีวรสีฝาด ทำทีเคร่งครัดในศีล แต่กิริยามารยาทไม่น่าไว้ใจ พล.ต.ท.สรรเพชญ จึงไม่ให้เข้าใกล้พิธี และไม่สนทนาด้วย เพราะพิธีกรรมของหลักเมืองถือเป็นพิธีของฝ่ายอาณาจักร ไม่เกี่ยวกับพระสงฆ์องคเจ้าซึ่งเป็นฝ่ายศาสนจักร

หลังจาก “นาย อ.” ถูกไล่ออก และถูกดำเนินคดีก็ไม่มีรายได้ จึงหาวิธีหลอกลวงชาวบ้าน โดยไปสมคบกับ “พระ น. “ ทำพิธีประทับทรงและอ้างว่าเป็นร่างทรงจตุคามรามเทพ ทำให้ผู้ไม่ทราบข้อเท็จจริงหลงเชื่อเสียเงินเสียทองไปจำนวนมาก และ “พระ น.” ได้นำเงินไปจัดสร้างจตุคามรามเทพ ขึ้นที่วัดที่ตนจำวัดอยู่ สร้างวัตถุมงคลเลียนแบบวัตถุมงคลหลักเมือง พล.ต.ท.สรรเพชญ จึงไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.อ.หาดใหญ่ รวมทั้งทำหนังสือรายงานต่อมหาเถรสมาคม และกรมศาสนา จึงถูกสอบสวนจับสึก

แต่ “พระ น.” ได้ไปอ้อนวอนพระผู้ใหญ่ให้ขอร้อง พล.ต.ท.สรรเพชญ และรับปากว่าจะเลิกพฤติกรรมประพฤติดังกล่าว ภายหลังคิดว่าคดียุติแล้วจึงแสดงอิทธิฤทธิ์มากขึ้น แตกคอกับ “นาย อ.” ตั้งสำนักเปิดตัวเป็นร่างทรงจตุคามฯ เสียเอง จนขณะนี้ได้ตั้งตัวเป็นเกจิอาจารย์ใหญ่ เที่ยวทำพิธีปลุกเสกองค์จตุคามรามเทพให้แก่วัดต่างๆ อย่างลอยนวล


แผงจำหน่ายวัตถุมงคลสาย “จตุคามรามเทพ” ที่กำลังยึดครองพื้นที่แผงพระในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชยุคปัจจุบัน

3.กลุ่ม “พระ ช.” วัดชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.เมืองพระนครศรีอยุธยา เดิมเป็นคนภาคใต้แต่ไปบวชอยู่ที่วัด จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดไปรู้จักกับ “นาย อ.” และชักชวนกันไปประทับทรงจตุคามรามเทพ หลอกลวงชาวบ้าน โดยปกปิดเรื่องการถูกไล่ออกไว้ และการประทับทรง เป็นการประทับหลอก ขณะนั้นวัตถุมงคลสายจตุคามรามเทพกำลังเป็นของมีค่าหายาก และมีราคาแพงมาก จึงได้มีการทำเลียนแบบวัตถุมงคลหลักเมืองขึ้นมาขาย พล.ต.ท.สรรเพชญ ได้ให้ทนายความปลอมตัวไปซื้อวัตถุมงคลที่วัด เมื่อได้พยานหลักฐานเพียงพอจึงไปแจ้งความดำเนินคดีกับ “พระ ช.” ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการสอบสวนของเจ้าพนักงาน

โดยพระกลุ่มนี้มีลูกศิษย์เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคน พยายามขัดขวางการดำเนินคดีของตำรวจ และพยายามทำพระหลักเมืองรุ่นต่างๆ หลอกขายในราคาแพง เมื่อถูกติดตามจับกุมก็เกรงกลัวความผิด จัดพิมพ์ใบประกาศรับจองวัตถุมงคลของวัดดังกล่าว แต่ไปเปิดจองตามศูนย์การค้าต่างๆ ไม่กล้าขายที่วัด เพราะกลัวถูกจับ รวมทั้งใช่เล่ห์เพทุบายต่างๆ หลอกลวงชาวบ้าน

เช่น อ้างว่าจะเชิญเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงไปเป็นเกียรติเป็นประธานในพิธีเททองหล่อพระ แต่เบื้องหลังเป็นการสร้างวัตถุมงคลในลักษณะการปลอมแปลงขาย และโก่งราคาว่าเป็นรุ่นที่เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงทำพิธี หรือเป็นรุ่นพิเศษอย่างอื่นแล้วแต่จะหาวิธีการได้


4.กลุ่ม “นาย ฉ.” หรือ “นาย ล.” และ “นาย ณ.” หรือ “นาย น.” ทายาทบุคคลสำคัญของ จ.นครศรีธรรมราช โดยบุคคลสำคัญของ จ.นครศรีธรรมราช ท่านนี้เป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญได้รับการเรียนเชิญให้เข้าร่วมในการประกอบพิธีอัญเชิญเทวดา ในการปลุกเสกวัตถุมงคลหลักเมืองและเมื่อพิธีต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว พล.ต.ท.สรรเพชญ จะนำวัตถุมงคลไปมอบให้แก่ท่านผู้นี้รุ่นละ 1 องค์เสมอ แต่ “นาย ฉ. “หรือ “นาย ล.” ได้นำรูปแบบไปทำปลอมแปลง นำไปขายหลอกลวงแก่ผู้ที่อยากได้ว่ามีผู้นำมามอบให้แก่ผู้เป็นบิดาไว้หลายองค์ เพราะไม่รู้ว่าการทำพระหลักเมืองมีขั้นตอนอย่างไร เนื่องจากตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากคอยไปรับส่งผู้เป็นบิดาเป็นบางครั้งเท่านั้น

ภายหลังในช่วงที่บุคคลสำคัญของ จ.นครศรีธรรมราช ท่านนี้ล้มป่วยหนักจนต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ในตอนนี้เองที่ “นาย ณ.” หรือ “นาย น.” เห็นว่าพระหลักเมืองมีราคาสูงมากเกิดความโลภอยากได้ และเห็นว่าผู้เป็นบิดาป่วยไม่รู้สึกตัว ไม่มีใครห้ามปรามได้ จึงได้คบกับท่านเจ้าคุณ วัดชื่อดังใน จ.นครศรีธรรมราช แม้ พล.ต.ท.สรรเพชญ จะห้ามปรามก็ไม่ฟัง ยังคงมีการทำเพื่อหาผลประโยชน์ โดยอ้างว่าบิดาคือผู้ประกอบพิธีเพื่อให้คนหลงเชื่อ พล.ต.ท.สรรเพชญ จึงแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดที่ สภ.อ.เมืองนครศรีธรรมราช จตุคามฯ รุ่นที่สร้างเพื่อบูรณะเจดีย์ของวัดชื่อดัง ที่กำลังมีราคาแพง จึงเป็นของปลอมโดยไม่มีใครทราบข้อเท็จจริง

เมื่อสามารถตบตาคนได้โดยอาศัยวัดชื่อดังเป็นแหล่งสร้างความน่าเชื่อถือจึงฮึกเหิม คิดสร้างวัตถุมงคลรุ่นต่างๆ ขึ้นมาอีกมากมายหลายรุ่น พล.ต.ท.สรรเพชญ จึงได้ให้ทนายความตามไปแจ้งความดำเนินคดีทุกรุ่นทุกแบบ เพราะเห็นว่าเป็นการสร้างขึ้นมาเองโดยเอาชื่อจตุคามฯบังหน้า

ในระยะหลังมีนายทุนจากกรุงเทพฯ ไปร่วมขบวนการจ้างสื่อให้ประโคมข่าว อ้างว่าบุคคลสำคัญของ จ.นครศรีธรรมราช เป็นเจ้าพิธี ทั้งๆ ที่ท่านนอนหายใจรวยรินอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อได้เงินมากแบ่งกันไม่ลงตัวก็เกิดขัดแย้งกันระหว่างพี่น้อง และเพื่อนร่วมทุน แตกกระจายกันออกไปทำมาหากินกันอย่างเอิกเกริก เพราะคนหลงเชื่อในชื่อเสียงของบุคคลสำคัญท่านั้น ที่ถูกนำชื่อมาแอบอ้าง ไม่ละอายแก่บาป และไม่คิดว่าชื่อเสียงวงศ์ตระกูล และเกียรติยศของบิดาจะเสียหาย

ภายหลัง “นาย ณ.” หรือ “นาย น.” เกิดทะเลาะกันเองกับ “นาย ฉ.” หรือ “นาย ล.” ทั้งที่เป็นพี่น้องร่วมสายโลหิต ได้แยกวงไปทำมาหากินโดยไปอาศัยหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ซึ่งเป็นวัดที่บิดาเคยร่ำเรียนวิทยาคมมาก่อน แล้วสร้างพระเลียนแบบวัตถุมงคลหลักเมืองขึ้นมาอีกหลายรุ่น พล.ต.ท.สรรเพชญ ได้ให้ทนายความไปแจ้งความที่พัทลุง “นาย ณ.” และ “เจ้าอาวาส” ถูกจับกุม โดยเฉพาะเจ้าอาวาสได้ร้องห่มร้องไห้ กลัวว่าจะถูกจับสึก ส่งคนไปอ้อนวอน พล.ต.ท.สรรเพชญ และบอกความจริงว่าถูกนาย ณ. หลอกลวงให้สร้างอ้างว่าจะนำรายได้ไปช่วยบูรณะวัด

แต่พอสร้างเสร็จกลับนำเงินกลับไปมอบแต่วัตถุมงคลที่ยังขายไม่ได้ให้วัดตีราคาเท่ากับที่บอกว่าจะทำบุญ เท่ากับเจ้าอาวาสถูกหลอกและจะต้องติดตะรางจึงพูดความจริง ในที่สุดอัยการกันเจ้าอาวาสไว้เป็นพยาน และสั่งฟ้อง “นาย ณ.” ต่อศาลจังหวัดพัทลุง ขณะนี้กำลังรอนำสืบพยาน


แผงจำหน่ายวัตถุมงคลสาย “จตุคามรามเทพ” ที่กำลังยึดครองพื้นที่แผงพระในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชยุคปัจจุบัน

5.กลุ่ม “นาย ว.” หรือ “เซียน อ.” อดีตบรรณาธิการนิตยสารพระเครื่องชื่อดัง ซึ่งได้นำข้อเขียนของ พล.ต.ท.สรรเพชญ ไปลงพิมพ์หลายฉบับติดต่อกัน โดยผ่านทางผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เมื่อเห็นว่าวัตถุมงคลหลักเมืองมีคนต้องการมากราคาสูง จึงเกิดความโลภ อยากได้เงินทองตามวิสัยพวกพุทธพาณิชย์ จึงร่วมมือกับ “นาย อ.” ทำพระหลักเมืองหาผลประโยชน์ร่วมกัน แต่ภายหลังแตกคอกัน จึงออกมาโจมตีว่านาย อ.เป็นร่างทรงปลอม

ส่วน “นาย ว.” ได้ติดต่อกับ “พระครู ส.” เจ้าอาวาสวัดชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ชักชวนหว่านล้อมจน “พระครู ส.” คล้อยตาม แล้วร่วมพิธีจัดสร้างวัตถุมงคล โดยอ้างว่านำเงินไปบูรณะวัด และศาลเจ้าแม่ ภายในวัด พล.ต.ท.สรรเพชญ จึงได้ให้ทนายความไปแจ้งดำเนินคดี ทั้ง “นาย ว.” และ “พระครู ส.” ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการดำเนินการของพนักงานสอบสวน

ต่อมา “นาย ว.” ได้ชักชวนเจ้าสัวใหญ่ภาคใต้ อดีตเจ้าของโรงแรมชื่อดังในตัวเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อสร้าง “พระผงสุริยันจันทรา” โดยลอกเลียนแบบวัตถุมงคลหลักเมือง อ้างว่าจะนำรายได้ไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งที่ ต.ในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง โดยเจ้าสัวคนดังกล่าวได้เซ็นชื่อของตนบนพระผงสุริยันจันทราที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ เมื่อ พล.ต.ท.สรรเพชญ ให้ทนายแจ้งความก็ใช้อิทธิพลทางการเงินวิ่งเต้นทุกทาง เพราะกลัวเสียชื่อเสียง แต่ พล.ต.ท.สรรเพชญ ยืนยันจะดำเนินการต่อไปให้ถึงที่สุด


วัตถุมงคล “จตุคามรามเทพ”

6.กลุ่ม “เสี่ย จ.” ร้านขายพระแห่งหนึ่งในศูนย์การค้ามาบุญครอง อ้างตัวเป็นเจ้าสำนักสร้างเหรียญพังพระกาฬ เนื้อโลหะ โดยใช้คอมพิวเตอร์ออกแบบให้เหมือนกับที่ พล.ต.ท.สรรเพชญ ออกแบบไว้ทุกอย่าง ทั้งขนาดและน้ำหนัก พร้อมจัดขบวนรถบัสนำผู้ที่หลงเชื่อไปประกอบพิธีตามโบราณสถานต่างๆ

เช่น ปราสาทหินพนมรุ้ง และอีกหลายแห่งเพื่อให้เกิดความขลัง และรอคอยวันที่ พล.ต.ท.สรรเพชญ จะประกอบพิธีที่บ้านสิลา อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ เพื่ออ้างแก่ผู้สั่งจองว่าทำพิธีในวันและเวลาเดียวกัน โดยไม่รู้ว่ามีการทำพิธีล่วงหน้าไปแล้ว พล.ต.ท.สรรเพชญ จึงให้ทนายความไปแจ้งความ ขณะนี้ตกเป็นผู้ต้องหาไม่กล้านำเหรียญพังพระกาฬออกมาให้เช่าเพราะกลัวถูกตำรวจจับ

7.กลุ่ม “นาย ท.” อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช สังกัดพรรคการเมืองชื่อดังของภาคใต้ โดยในอดีตครั้งที่พรรคการเมืองนี้ตกต่ำ พล.ต.ท.สรรเพชญ เคยขอให้องค์จตุคามรามเทพ ช่วยเหลือจนสถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรครับทราบถึงพฤติกรรมของ “นาย ท.” ดี แต่ไม่มีการห้ามปราม

พล.ต.ท.สรรเพชญ ได้ให้ทนายความไปแจ้งความดำเนินคดีต่อ “นาย ท.” กับพวก ไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน อยู่ในระหว่างการดำเนินการของพนักงานสอบสวน


พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ขณะเจิมเสาหลักเมือง

8.กลุ่ม “นาย ส.” และ “จ่า จ.” กลุ่มนี้เข้ามาตีสนิทกับ พล.ต.ท.สรรเพชญ เพื่อขอให้ไปช่วยประกอบพิธีตั้งพระที่บ้าน พล.ต.ท.สรรเพชญ จึงเดินทางไปพร้อมกับร่างทรงจตุคามรามเทพ เพื่อพิสูจน์ว่าหากองค์จตุคามรามเทพศักดิ์สิทธิ์จริงก็จะต้องล่วงรู้ไม่มีใครสามารถหลอกลวงต้มตุ๋นได้ ในที่สุดความจริงก็ปรากฏเมื่อองค์จตุคามรามเทพบอกให้สร้างพระนาคปรก กลุ่มดังกล่าวเกิดความโลภ คิดจะหาช่างมาปั้นพระเองเพื่อจะได้ทำเกินจำนวนเท่าใดก็ได้ หากพระมีราคาก็สามารถนำมาขายได้

พล.ต.ท.สรรเพชญ ไม่ไว้ใจจึงให้ช่างของตนเองปั้น ทันเวลาประกอบพิธี เรียกว่ารุ่น 108 ศพ เพราะตรงกับช่วงที่มีการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายจุด และมีคนตายถึง 108 ศพ กลุ่ม “นาย ส.” และ “จ่า จ.” ดำเนินการทำพระปลอมไม่ทันเสร็จสิ้นก็เกิดทะเลาะแตกแยกกัน ขาดทุนหมดเนื้อหมดตัว ร่างทรงที่เตรียมไว้หลอกลวงต้มตุ๋นก็หายหน้าไป ภายหลังทราบว่าไปเข้าหาผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จังหวัดหนึ่ง เพื่อจะสร้างวัตถุมงคลมอบให้เจ้าหน้าที่ แต่ไม่เห็นมีวัตถุมงคลออกมา จึงยังไม่มีหลักฐานดำเนินคดี ...

นอกจากนี้ยังมีพระตามวัดต่างๆ ตั้งตัวเป็นเกจิอาจารย์ทำพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพมากมายหลายแห่ง เนื่องจากสร้างวัตถุมงคลแบบอื่นแล้วขายไม่ได้ จึงทำวัตถุมงคลเลียนแบบหลักเมือง และในทุกวันนี้มีเจ้าอาวาสจากวัดต่างๆ ติดต่อขอให้ พล.ต.ท.สรรเพชญ ไปร่วมจัดสร้างจตุคามรามเทพ โดยอ้างว่าจะนำเงินมาบูรณะวัด แต่ก็ได้รับการปฏิเสธไปทุกราย ส่วน พล.ต.ท.สรรเพชญ เมื่อสร้างหลักเมืองเสร็จก็ไม่ได้มีการสร้างวัตถุมงคลอีกนอกจากองค์จตุคามจะบอกให้สร้างเพื่อช่วยเหลือประชาชนและบ้านเมืองตามโอกาสต่างๆ โดยอาศัยการโคจรของดวงดาวที่สัมพันธ์กับดวงเมืองในทางร้าย ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ทำได้

นั่นคือคำบันทึกของ “แจ๊ค พาแลนซ์ เมืองคอน” มือปราบที่ครั้งหนึ่งเคยรับอาสาจากองค์จตุคามรามเทพ และประชาชน เพื่อปัดกวาดเมืองพระ ให้สะอาด และสงบ ดำเนินมาจนถึงยุคนี้ ยุคที่กาฝากไร้ค่าเข้ามาเกาะเกี่ยวหากินกับศรัทธาของประชาชนที่ยืนต้นเติบโตขึ้น ณ เมืองนครศรีธรรมราช อดีตศูนย์กลางอาณาจักรศรีวิชัยที่ยิ่งใหญ่ แผ่กิ่งก้านศรัทธาขยายครอบคลุมไปจนถึงแหลมมลายู และไม่แน่อาจจะครอบคลุมหมดทั้งพื้นที่ซึ่งเคยเป็นอาณาจักรศรีวิชัยเดิม และอาจจะทั่วโลก เพียงแต่จะต้องมีการกำจัดกาฝาก และปัดกวาดขยะที่กำลังรกเมืองอยู่ในขณะนี้ให้หมดไปเสียก่อน

ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการรายวัน"


ไปข้างบน