หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

ชาวบ้านยังไม่เลิกล่า “เงินไหลมา 2” - โจรยังจ้องขโมย “จตุคาม” ไม่เว้นวัน


วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ

นครศรีธรรมราช - “เงินไหลมา 2” ยังป่วนไม่เลิก ชาวบ้านเดินสายล่าที่เก็บ “มหาไมตรี” เปิดใจไขปริศนาแบ่งจ่ายออกแล้ว 41 กอง แฉซ้ำ ข้าราชการระดับสูงอม 100,000 องค์ คาด เล็งทำราคาพุ่งนับล้าน ขณะที่โจรตระเวนเปิดหลังคาฉก “จตุคามรามเทพ” ยังอาละวาดไม่เว้นวัน ล่าสุด กวาดเสี่ยร้านโทรศัพท์-แผงพระเครื่อง 100 องค์ มูลค่ากว่า 2 แสน ลอยนวล

ปัญหาหลายประเด็นในเรื่องของ วัตถุมงคล “จตุคามรามเทพ” ที่ จ.นครศรีธรรมราช ยังสร้างความหนักอกหนักใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องปัญหาการจัดสร้างที่มีออกมาเป็นจำนวนนับร้อยๆ รุ่น อย่างต่อเนื่อง ปัญหาของอาชญากรรมต่อเนื่องอันมาจากวัตถุมงคลที่มีราคาสูง และเป็นที่นิยมเป็นที่หมายตาของเหล่ามิจฉาชีพ และความชุลมุนของการติดตามเฝ้าจองวัตถุมงคลในรุ่นต่างๆ ตามความเคลื่อนไหวที่เสนอไปเป็นลำดับแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (23 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คืนที่ผ่านมาประชาชนจำนวนมากต่างก็ตระเวนไปยังวัดต่างๆ ทั้งในอำเภอเมือง อำเภอพระพรหม อำเภอลานสกา เพื่อติดตามวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ รุ่น “เงินไหลมา 2” ที่มีกระแสข่าวสะพัดว่าทางวัดได้เคลื่อนย้ายออกจากที่เก็บภายในค่ายวชิราวุธ กองทัพภาคที่ 4 กระจายออกไปเก็บยังวัด และโรงเรียนต่างๆ ซึ่งผลของกระแสข่าวดังกล่าว ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปั่นป่วน เนื่องจากต้องคอยไปดูแลความปลอดภัยยังวัดต่างๆ รวมทั้งต้องคอยชี้แจงให้ฝูงชนเข้าใจ

ขณะที่ ด้วยฝูงชนจำนวนมากดังกล่าว เป็นโอกาสในการนำสินค้าประเภทเครื่องดื่มและอาหารมาจำหน่ายในบริเวณวัด สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้เป็นจำนวนมาก

ขณะที่บางวัด เช่น วัดท่าม่วง ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช มีวัตถุมงคลรุ่นดังกล่าวออกให้ประชาชนเช่าจอง และหมดลงภายในเวลารวดเร็ว จึงทำให้ฝูงชนที่ไม่ได้โอกาสสงสัยถึงที่มา และยิ่งตระเวนตามวัดต่างๆ อย่างต่อเนื่องทั้งคืน ส่งผลให้หลายวัดคราคร่ำไปด้วยผู้คนเฝ้ารอกันอย่างอดทนจนกระทั่งเช้าของวันนี้


วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ

หลังจากที่ผู้สื่อข่าวได้พยายามเฝ้ารอ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงจากพระมหาไมตรี ปภารตโน เจ้าอาวาสวัดพระนคร ในฐานะผู้จัดสร้าง ยังกุฏิที่พักภายในวัดพระนคร ต.ในเมือง อ.เมือง พบว่า มีประชาชนหลายสิบคนเฝ้ารอวัตถุมงคลอยู่ภายนอกกุฏิอย่างอดทนเช่นกัน

ส่วนภายใน พบว่า มีนายตำรวจระดับสูงจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และในจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งจังหวัดพังงา มาพบ และพูดคุยกับพระมหาไมตรีหลายนายด้วยกัน ก่อนที่จะเปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวเข้าสัมภาษณ์ถึงข้อเท็จจริง

พระมหาไมตรี ปภารตโน เจ้าอาวาสวัดพระนคร เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการหารือกันหลายฝ่ายแล้ว สรุปว่า ไม่สามารถที่จะแจกจ่ายวัตถุมงคลแบบเดิมได้อีกแล้ว จึงมีแนวคิดใหม่ คือ กระจายวัตถุมงคลออกไปยังวัด โรงเรียนที่ขาดแคลน ที่ต้องซ่อมแซมสาธารณประโยชน์ต่างๆ ในลักษณะจำหน่ายออกไป โดยทั้งหมดได้แบ่งออกเป็น 41 กอง แบ่งออกไปตามที่ต่างๆเพื่อไปจัดการกันเอง ซึ่งวัดได้ขอร้องไปแล้วว่าแบบองค์เล็กควรจำหน่ายไม่เกิน 200 บาท แต่พบว่ามีจำหน่ายเกินไปบ้าง และวัดที่ได้รับไปนั้นจะต้องให้ประชาชนในบริเวณวัดและใกล้เคียงเช่าจองก่อน ไม่เช่นนั้น เชื่อว่า พระในวัดนั้นไม่ต้องบิณฑบาตแน่ๆ

“ส่วนต่างที่เช่าไปจากวัดนั้นก็เป็นรายได้ให้กับที่นั้นแน่ๆ วัดหนึ่งๆ ต้นทุนประมาณ 300,000 และไปได้อีกประมาณ 3 เท่า เป็น 8-9 แสน อย่างน้อยก็ได้กระจายและสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับวัด ชุมชน โรงเรียน จึงกระจายออกไป จริงๆ แล้วอยากจะขึ้นป้ายว่าวัดที่ได้รับแจกจ่ายไปนั้นเป็นวัดไหนบ้าง แต่ก็กลัวว่า วัดนั้นๆ จะลำบาก จึงให้รู้กับแบบภายใน บางวัดที่ไม่มีคนยังเต็มวัดหากวัดที่มีแล้ววัดอาจจะพังก็ได้ วัดที่ได้รับไปนั้นราว 30 วัด ไม่ใช่เฉพาะที่นครศรีธรรมราช มีทั้งสมุทรสาคร สมุทรสงคราม กทม.สงขลา พัทลุง แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่นครศรีธรรมราช”

พระมหาไมตรี ยังกล่าวต่อว่ากองหนึ่งมีมูลค่าจากวัด คือ 3.5 แสนบาท แล้วไปจัดการเอาเอง จริงๆ แล้ววัตถุมงคลถูกตัดออกไป 1 ส่วน มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท ถ้าคิดจำนวนนี้สามารถได้ถึงราว 20 วัด แต่ส่วนนี้ถูกตัดไว้โดยข้าราชการระดับสูงของอำเภอหนึ่ง และเรื่องนี้มันเป็นเหตุเป็นเรื่องอยู่ ข้าราชการคนนั้นก็กำลังคิดหนักเพราะเรื่องนี้ ไม่นับรวมกับคนที่มาด้วยกันอีก2-3 คนละราว 1 ล้านบาท วัดพระนครศรีธรรมราชมีรายได้เข้ามาบำรุงเสนาสนะราว 10 ล้านบาทเศษ ยังไม่คิดค่าใช้จ่าย

ล่าสุด มีการออกใบปลิวให้ชาวบ้านทราบแล้วว่า ข้าราชการคนนั้นรับวัตถุมงคลจากวัดไปแล้วในราคา 6 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริง เมื่อเป็นเช่นนั้นประชาชนต่างก็ไปรอเฝ้าจองข้าราชการคนนั้นจึงคายออกมา คายออกมาก็ยังไม่หมดกำลังสำลัก เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้รู้จักถึงกิเลสของคนมากขึ้นเผยออกมาหมด วัตถุมงคลรุ่นนี้ติดทหารไปเข้าค่ายอยู่หลายวัน แล้วออกมาไปอยู่วัด และเจ้าอาวาสก็เกือบติดตะราง

“เรื่องที่เกิดขึ้นจะถือว่าวิบัติ หรือไม่วิบัติ ไม่ได้อยู่ที่วัตถุมงคล ชนวนมวลสารต่างๆไม่ได้เกี่ยวข้องมันอยู่ที่คนเพียงอย่างเดียว ของนี้เป็นของกลางๆ จะพูดให้ดีก็ได้ พูดให้ร้ายก็ได้ ใครจะด่าอย่างไรวัตถุมงคลก็อยู่เฉย แต่คนนั้นจะวิบัติหรือไม่อยู่ที่คนนี่ คือ วัตถุมงคล แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่เป็นมงคลอยู่ในคนนี่เอง ถ้าทำความเป็นมงคลได้ให้อยู่ในทุกคนก็ไม่วิบัติ แต่ถ้านำเอาสิ่งอัปมงคลมาใส่ตัวเองก็จะวิบัติ ทุกอย่างเห็นเป็นเม็ดเงินไปหมดแล้ว เป็นเรื่องปกติคนที่ถือเงินล้านอยู่ในมือมันก็น่าคิดอยู่ ส่วนตัวนั้นมีความรู้สึกว่าเมื่อวัตถุมงคลทั้งหมดที่หมดไปนั้นรู้สึกโล่งมากขึ้น สบายใจมากขึ้น” พระมหาไมตรี กล่าว


วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ

ลัก “จตุคาม” ไม่เว้นแต่ละวัน

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับวัตถุมงคลรุ่นเงินไหลมายังไม่จบสิ้น แล้วนั้นปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นก็ยังมีไม่เว้นแต่ละวัน

รายล่าสุดนั้นเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกของคืนที่ผ่านมาโดย พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.สภ.อ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุคนร้ายงัดหลังคาโรยตัวเข้าไปลักทรัพย์ในร้านจำหน่ายโทรศัพท์และวัตถุมงคล “กะโรมโฟนชอปป์” เลขที่ 99/29 ริมถนนกะโรม ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จึงเข้าทำการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบ นายพงศกร เพิงรัตน์ อายุ 36 ปี เจ้าของร้านยืนรอเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลังจากนั้น จึงนำเจ้าหน้าที่เข้าชี้จุดที่เกิด พบว่า อยู่ตอนหลังของร้าน คนร้ายได้เกิดหลังคาและถีบทำลายฝ้าเพดาน ก่อนที่จะโรยตัวลงมารื้อค้นเอาทรัพย์สินไปจำนวนมาก

นายพงศกร เพิงรัตน์ เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุนั้นไม่อยู่เนื่องจากไปร่วมงานแต่งญาติ เมื่อกลับมาถึงพบว่าหลังคาเปิด และมีร่องรอยรื้อค้นกระจุยกระจาย พบว่าสิ่งที่หายไปประกอบด้วยวัตถุมงคลจตุคามรามเทพรุ่นต่างๆ ที่สะสมไว้รวมประมาณ 100 องค์มูลค่าประมาณ 1 แสนบาทเศษ หัวนะโมโบราณ โทรศัพท์มือถือจำนวน 20 เครื่อง มูลค่าประมาณ 60,000 บาทเงินสด 4,000 บาท สร้อยทองคำ 2 บาท รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า 2.4 แสนบาท

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบร่องรอย พบว่า คนร้ายพยายามงัดตู้เก็บพระเครื่องแต่ไม่สามารถงัดออกไปได้ รวมทั้งมีร่องรอยในการงัดตู้กระจกแต่ก็งัดไม่สำเร็จเช่นกัน โดยถ้างัดสำเร็จนั้นมูลค่าวัตถุมงคลที่ได้ไปไม่น้อยกว่า 500,000 บาทแน่นอน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บลายนิ้วมือแฝงบริเวณโต๊ะกระจก และเก็บรอยเท้าบริเวณฝาผนังที่ปรากฏเป็นร่องรอยอยู่อย่างเห็นได้ชัด ก่อนสันนิษฐานว่าคนร้ายเป็นคนที่รู้ความเคลื่อนไหวของนายพงศกรเป็นอย่างดี รวมทั้งช่องทางที่งัดเข้ามาเป็นช่องทางที่งัดเข้ามาอย่างง่ายดายรวมถึงรู้เปิดเพดานตรงไหน จึงตรงกับห้องนอนจุดที่เก็บวัตถุมงคล ซึ่งจะได้สืบสวนหาตัวมาดำเนินคดีต่อไปแล้ว

ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการรายวัน"


ไปข้างบน