|
'3ก๊กใหญ่' ปั่นกระแสจตุคามฯ
อะผ่อง สกุลอมร
ตัวละครหลักในกระแสจตุคามฟีเวอร์มีเพียงไม่กี่คน แต่ละคนล้วนทรงอิทธิพลยิ่ง และแทบทั้งสิ้นล้วนเคยสัมผัสสัมพันธ์กันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง กระทั่งกล่าวกันว่าเมื่อมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องต่างจึงต้องแยกย้ายไปตามวิถี ถึงขั้นบางรายประกาศตนเป็นศัตรูคู่อาฆาต แม้นจะนับว่าตัวเองเป็น 'ลูกพ่อ' เหมือนกัน
แรกเริ่มเดิมทีบุคคลที่มีบทบาทยิ่งต่อการปลุกประแสจตุคามฯ ประกอบด้วย 3 คนด้วยกัน
คนแรก พ.ต.อ.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล (ยศขณะนั้น) ในฐานะมือปราบที่ได้รับมอบหมายให้ไปปราบอาชญากรรมในจังหวัดนครศรีธรรมราช และเป็นคน 'จุดพลุ' เรื่องการสร้างศาลหลักเมือง ร่วมกับกลุ่มนคร 28
คนที่สอง อะผ่อง สกุลอมร หรือ โกผ่อง ร่างทรงคนแรกสุดขององค์จตุคามฯ ที่สร้างปรากฏการณ์พิเศษ ณ วัดนางพระยา จ.นครศรีธรรมราช
คนที่สาม คือ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช มือปราบเกรียงไกรผู้ล่วงลับ ซึ่ง พ.ต.อ.สรรเพชญ เชิญให้เป็นเจ้าพิธีการเกี่ยวกับการเชิญเทวดาและเป็นประธานในพิธีสงฆ์ทางศาสนาพุทธ
วัตถุมงคลสายจตุคามรามเทพรุ่นแรก ถูกสร้างขึ้นในโอกาสประกอบพิธีกรรมเบิกเนตรหลักเมืองศรีวิชัย 12 นักษัตร ระหว่างวันที่ 3-5 มีนาคม 2530 แต่ในยุคนั้นแทบไม่มีใครสนใจแสวงหามาเช่าบูชา วัตถุมงคลถูกกองทิ้งกันเป็นกองๆ กระทั่งวันหนึ่ง 'ปาฏิหาริย์' ก็เกิดขึ้นเมื่อผู้คนเริ่มหันมานิยมเช่าวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ ทำให้มีราคาค่างวดขึ้น
นั่นจึงเป็นที่มาให้กลุ่มคนบางกลุ่มตัดสินใจจัดสร้างวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ ด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ แต่นำมาซึ่งปัญหาและก่อให้เกิดความแตกแยกกันมาจนทุกวันนี้
วัตถุมงคล จตุคามรามเทพ(ดวงตราสุริยันเนื้อว่าน)
นับตั้งแต่ประมาณปี 2545 เป็นต้นมา ได้เกิดกรณีฟ้องร้องเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาที่ถูกกล่าวขานกันว่าเป็น 'ศึกสวรรค์' เพราะมีการใช้ข้ออ้างหลักฐานเชิงจิตวิญญาณในการหักล้างกันในการว่าความ กระทั่งในที่สุด พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล เป็นฝ่ายปราชัย ขบวนการสร้างวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ จึงเริ่มปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัดตั้งแต่นั้นมา หลังจากที่อะผ่อง ได้สร้างวัตถุมงคล 'รุ่นโบราณสถานเขาคา' (เหนือฟ้าเหนือดิน)
ด้านหนึ่งกลุ่มลูกชาย พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช คือ ฉันทิพย์ หรือเล็ก พันธรักษ์ราชเดช และ ณสรรค์ หรือหนุ่ย พันธรักษ์ราชเดช สร้าง รุ่นบูรณะเจดีย์ราย' เป็นเบื้องต้น ก่อนจะ 'แตกคอ' และต่างขยับขยายไปสร้างอีกหลายรุ่น โดย ณสรรค์ ได้แยกตัวออกไปสร้างรุ่นบูรณะหลักเมือง ปี 2547 ซึ่งต่อมาแต่ละรุ่นที่สร้างล้วนได้รับความนิยมจากวงการพระเป็นอย่างมาก ต่างพากันเช่าซื้อในราคาแพงๆ
อีกด้านหนึ่ง โกผ่อง กับบรรดาพี่น้อง เช่น โกช้า ตี๋เล็กจับมือกับ อุ๊ กรุงสยาม สร้างวัตถุมงคลจตุคามฯ ร่วมกัน โดยทีมของโกผ่องสร้าง 'รุ่นมั่งมีศรีสุข' ส่วน อุ๊ สร้าง 'รุ่นชนะมาร' แล้วนำไปประกอบพิธีปลุกเสกร่วมกัน ต่อมาไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม อุ๊ กรุงสยาม ได้แยกตัวไปสร้างวัตถุมงคลเอง ส่วนโกผ่องไปจับมือกับพระอาจารย์โชติ หรือท่านโชติ วัดพุทไธสวรรค์ อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา
วัชรพงศ์ ระดมเพ็ง หรือ อุ๊ กรุงสยาม ก่อนจะมาเปลี่ยนนามสกุลเป็น ระดมสิทธิพัฒน์ อดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสารพระเครื่องกรุงสยาม ซึ่งเคยนำเสนอเรื่องราวขององค์จตุคามรามเทพในหนังสือของตัวเองอย่างต่อเนื่อง กระทั่งจับมือกับโกผ่อง แต่เมื่อเกิดปัญหาจึงไปร่วมมือกับพระครูสงบ เจ้าอาวาสวัดนางพระยา ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีฯ สร้างวัตถุมงคลอีกหลายรุ่น เช่น 'รุ่นเททอง 2 แผ่นดิน' 'รุ่น 2 แผ่นดิน' ก่อนจะมาโด่งดังกับรุ่น 'สมบัติจักรพรรดิ' ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดังได้ทั้งเงินและกล่อง
ผ้ายันต์จตุคามรามเทพ
สำหรับอะผ่องนั้น ว่ากันว่าเป็นคนทำพิธีอัญเชิญองค์พ่อจตุคามรามเทพ และขณะที่มีการประทับได้มีการจับมือครอบและเขียนเพื่อมอบวิชาจันทรภาณุ เหนือฟ้า เหนือดิน พร้อมทั้งสั่งให้ดูแลพระพุทธศาสนาด้วย ต่อมาท่านโชติจึงได้สร้างรูปหล่อจตุคามรามเทพขนาดหน้าตัก 29 นิ้ว และต่อมามีการสร้างวัตถุมงคลรุ่น 'มรดกพ่อ' เพื่อนำปัจจัยไปสร้างพระมณฑปในวัดให้แล้วเสร็จ โดยกำหนดวันทำพิธีมหาเทวาภิเษกเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547
อีกกลุ่มหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญ คือ กรณีของพระใบฏีกาปรานพ หรือ หลวงหนุ่ย พระลูกวัด วัดคอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่ากันว่าพยายามไปตีสนิทกับผู้สร้างองค์จตุคามรามเทพคนหนึ่ง ทำให้มีโอกาสติดตามคณะไปร่วมพิธีที่เกาะเภตรา อ.ปะเหลียน จ.สตูล โดยได้บันทึกกล้องวีดีโอไว้ด้วย ขณะที่ สรรเพชญ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ทั้งที่ปกติแล้วในพิธีต่างๆ จะระวังมาก ไม่ให้ใครบันทึกทั้งภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว ต่อมา ณ ที่นี้เองที่หลวงหนุ่ยบอกว่าได้รับการครอบครู และนำไปสู่การสร้างเทวสถาน วัดคอหงษ์ และจัดสร้างวัตถุมงคลอีกหลายๆ รุ่นตามมา
ปัจจุบัน 'หลวงหนุ่ย' กลายเป็นชื่อที่ผู้คนในวงการจตุคามฯ ถามหากันมากที่สุดชื่อหนึ่ง และหากเป็นรุ่นไหนที่มีชื่อนี้ปรากฏก็มักได้รับความนิยมจากตลาดค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มย่อยๆ อีกหลายกลุ่มที่มีชื่อวนเวียนอยู่ในวงการผู้สร้างจตุคามรามเทพ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้สร้างใน จ.นราธิวาส จ.สุราษฎร์ธานี หรือ จ.กระบี่ ซึ่งมีการสร้างวัตถุมงคลรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และล้วนนับเป็น 'ขาใหญ่' ในวงการจตุคามฯ อย่างแท้จริง
ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการรายสัปดาห์"
| 
