ว.วชิรเมธีแนะติดปีกให้ปัญญาแก่สังคมไทย
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี พระนักคิดนักเขียนหนังสือธรรมะ ได้แสดงธรรมเทศนาในงาน "อุทยานสุขภาพ ครั้งที่ 31" ซึ่งจัดขึ้น ณ อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ โดยได้แนะนำทุกฝ่ายร่วมติดปัญญาแก่สังคมไทย กู้วิกฤติทางมโนธรรมของสังคม
ว.วชิรเมธี
วันนี้ (26 พ.ค.) ณ อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ ได้มีการจัดงานอุทยานสุขภาพครั้งที่ 31 ขึ้น โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา เป็นการแสดงธรรมเทศนาของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เจ้าของนามปากกาว.วชิรเมธี พระนักคิดนักเขียนหนังสือธรรมะ ที่เข้าถึงได้สำหรับพุทธศาสนิกชนทุกเพศทุกวัย
พระมหาวุฒิชัย ได้เทศนาเรื่อง "กฏแห่งกรรมหลักธรรมที่ยังอินเทรนด์ พิเศษ ตอนที่ 2" โดยมุ่งประเด็นไปที่กายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรม ว่ากายกรรมนั่นคือการกระทำทางการ,วจีกรรมคือการกระทำด้านวาจา คำพูด และมโนกรรมก็คือการกระทำจากความคิด
"พระพุทธเจ้าจะให้ความสำคัญในเรื่องของมโนกรรมมาก เพราะเป็นด่านแรกของการกระทำ คนเราจะทำอะไรสักอย่าง สิ่งที่ทำอย่างแรกคือคิด เมื่อคิดมันก็จะเป็นมโนกรรม และถ้าพูดในแง่ของสังคมส่วนรวมแล้ว มโนกรรมก็คือความคิด พฤติกรรม อุดมการ ระบบความเชื่อ"
พระมหาวุฒิชัยกล่าวว่า ทุกวันนี้ประเทศของเรากำลังประสบปัญหาวิกฤติหลายด้าน ซึ่งก็สืบเนื่องมาจากลัทธิบริโภคนิยมของคนไทย ที่หันมาให้ความสำคัญกับวัตถุมากขึ้น ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ อยากรวย ซึ่งความต้องการอยากรวยนั้นไม่ได้ผิดบาป หากเป็นความรวยที่มาจากการลงทุนลงแรงของตัวเอง แต่ความหวังที่จะรวยโดยไม่ต้องออกแรง อันเนื่องมาจากการเคารพบูชากราบไหว้วิงวอนเทพเจ้า
"พระพุทธเจ้าท่านประสูติแล้วเดินได้ 7 ก้าว นั่นเป็นการประกาศสัญลักษณ์แห่งความสามารถของหนึ่งสมองและสองมือของมนุษย์ ซึ่งหลังจากนั้นเป็นพันๆ ปี อเมริกันชนในประเทศมหาอำนาจก็ได้สร้างประเทศขึ้น แล้วคนในประเทศเหล่านี้ก็ถือในลัทธิมนุษยนิยม ก็คือถือความสามารถและศักยภาพของมนุษย์ ดังนั้นการลุกขึ้นมาประกาศเรื่องกรรม เรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องกรรมมาจากการกระทำของพระพุทธเจ้านั้น เป็นหลักประชาธิปไตยอย่างเที่ยงแท้ และเป็นการทลายความเชื่อด้านชนชั้นวรรณะของอินเดียลงอย่างสิ้นเชิง"
และพระมหาวชิรเมธีได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องของคนไทยในยุคปัจจุบันที่มักจะไม่ค่อยใช้กำลังความสามารถของตนเอง แต่หวังเพียงสิ่งศักดิ์สิทธิ์สมมติอย่างจตุคามรามเทพ ที่ท่านได้เปิดเผยว่ารู้สึกไม่สบายใจที่พ่อค้าแม่ค้านำเอาแบรนด์ของพุทธศาสนาเข้าไปใช้ และอ้างว่าจตุคามเป็นพระโพธิสัตว์ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่ ทำให้เสียถึงพระพุทธศาสนา ทำให้คนในยุคนี้งมงาย และรวมถึงเป็นการส่งต่อความงมงายให้แก่เยาวชนรุ่นต่อไปด้วย
ว.วชิรเมธีแสดงธรรมต่อไปว่า ทุกวันนี้มีจตุคามในประเทศไทยประมาณ 30-60 ล้านชิ้น ดังนั้นโดยเฉลี่ยแล้วคนไทยจะมีจตุคามคนละหนึ่งชิ้นคล้องคอมาตั้งแต่แรกเกิด ตนเองจะไม่เดือดร้อนเลยถ้าพ่อค้าแม่ค้าเหล่านั้นจะไม่เติมคำว่าพระโพธิสัตว์ลงไป จะไม่เดือดร้อนเลยหากไม่นำมาปลุกเสกในวัด และจะไม่เดือดร้อนเลยหากคนที่นั่งปลุกเสกเหงื่อไหลไคลย้อยนั่นนุ่งห่มผ้าเหลือง
วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ เนื้อแดงโรยไม้
แถมมีกระแสข่าวว่านักการเมืองระดับผู้นำจะทำจตุคามแข่งกัน บอกว่าจะนำรายได้ไปทำอะไรดีๆ ให้สังคม แต่ถ้ามองคำสอนพระพุทธศาสนาจริงๆ แล้ว พระพุทธเจ้ากล่าวว่าถ้าอยากจะได้ผลดีก็ต้องทำเหตุให้ดี แต่ในวันนี้ผู้ใหญ่ระดับผู้นำของประเทศหวังจะนำผลที่เป็นรายได้ไปช่วยสังคม แต่มาจากเหตุที่ไม่ดี มันทำให้หลักการเสียหาย ทุกวันนี้คำว่า "ใครๆ ก็ทำกัน" , "ใครๆ ก็โกงกัน" หรือ "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" นั้นกลายเป็นมโนธรรมใหม่ๆ ของสังคมไทย ซึ่งนั่นทำให้เกิดความ "ขลาดเขลาเบาปัญญา" ในสังคมไทย
พระมหาวุฒิชัยยังแสดงความเป็นห่วงสภาพ "วัวลืมตีน" ของเด็กไทยในทุกวันนี้ว่า เด็กไทยจากหลายๆ ภาคอายที่จะพูดภาษาตนเอง เพราะลืมรากเหง้า เมื่อมาอยู่กรุงเทพก็รู้สึกว่าภาษาถิ่นของตัวเองเป็นปมด้อย ก็ลืมบ้านเกิด พอเรียนภาษาอังกฤษ รู้สึกว่ามันอินเทรนด์ รู้สึกมันโก้เก๋กว่าภาษาไทย เลยทิ้งภาษาของตนเอง พอไปเรียนเมืองนอก ก็ละเลยลืมจนทิ้งประเทศไทย เหล่านี้เห็นว่าเราขาดผู้นำทางจิตวิญญาณ ขาดหลักการให้ยึดเหนี่ยว ขาดรากเหง้า
"แต่จะให้มันดีได้อย่างไร ก็ในเมื่อผู้นำทางจิตวิญญาณ ก็คือพระก็ยังมีส่วนที่ไม่ดีอยู่ อย่าลืมว่าพระก็คือคน ก่อนจะบวชแล้วนุ่งเหลืองห่มเหลือง พระก็คือคนธรรมดา ที่อาจจะได้รับการศึกษาบ้าง ไม่ได้รับบ้าง แต่ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ พระที่ไม่ได้รับการศึกษาแต่กลับงมงายในสิ่งที่เป็นเปลือก จะสร้างคนในสังคมที่งมงายอีกนับสิบนับล้าน"
ว.วชิรเมธีได้ยกเอาตัวอย่างการพัฒนาประเทศด้านการศึกษาของประเทศฝรั่งเศสและอเมริกาว่า ในประเทศฝรั่งเศส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะมีอายุตำแหน่งยาวนานถึง 12 ปี เพื่อวางรากฐานที่มั่นคงแข็งแรงให้แก่เยาวชน และกระทรวงศึกษาธิการยังถือเป็นกระทรวงชั้นหนึ่งของประเทศอีกด้วย สำหรับสหรัฐอเมริกานั้น เยาวชนทุกเชื้อชาติที่เข้ามาในประเทศ ต้องได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน แม้ว่าพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กเหล่านั้นอาจจะยังไม่ได้ใบอนุญาตเข้าเมือง แต่เมื่อเข้ามาในประเทศแล้ว เด็กจะต้องได้รับการศึกษาตามกฎหมายก่อนอย่างอื่น
"แต่ทุกวันนี้ ทุกเดือนเมษายน เด็กไทยจะต้องไปต่อแถวจับฉลากเพื่อเรียนต่อ และเมื่อเปิดเทอมก็จะมีเด็กเป็นหมื่นเป็นแสนไม่มีที่เรียน อยากให้กระทรวงศึกษาธิการช่วยแก้ไข เพราะการศึกษาจะเป็นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ" พระมหาวุฒิชัยกล่าว
และสำหรับศิษยานุศิษย์ที่ต้องการจะแสดงมุทิตาจิตแก่พระมหาวุฒิชัย ในมงคลวโรกาสที่ได้รับการพระราชทานเสาเสมาทองคำในสาขานักแต่งหนังสือนั้น สามารถร่วมงานได้ในวันพรุ่งนี้ (27 พ.ค.) ที่พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร เวลา 18.00 ในงานมีของที่ระลึกเป็นหนังสือธรรมะและซีดีธรรมะดีๆ อีกมากมาย
วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ เนื้อดำ
|