หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

สักการะ 4 สังเวชนียสถาน (1)ณ สองนคร “เนปาล-อินเดีย”


เจดีย์พุทธคยาสร้างจากแรงศรัทธาของพระเจ้าอโศกมหาราช



หากบรรดานักแสวงบุญชาวมุสลิมทั่วโลกมุ่งหวังเดินทางสู่ นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อเคารพ "กาบาห์" หินดำศักดิ์สิทธิ์ (อัลฮะญัร อัล อัสวัด) สักครั้งหนึ่งในชีวิต พุทธศาสนานิกชนทั่วมุมโลกเอง ก็มีแรงปรารถนาอยากจะได้ไปสักการะและปลงสังเวชที่ "สังเวชนียสถานทั้งสี่" อันเป็นสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สักครั้งในชีวิตเช่นกัน

ฉันเองในฐานะพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง ที่มุ่งหวังจักได้ยลสถานที่อันทรงคุณค่าเหลือประมาณเหล่านั้น เมื่อได้จังหวะและโอกาสฉันจึงเดินทางเหินฟ้า สู่ที่ตั้งสังเวชนียสถานทันที ฉันเรียกการเดินทางครั้งนี้ว่าเป็น "เส้นทางบุญ" เพราะนอกเหนือจากความสนุกสนานแล้ว ยังเป็นทริปที่ต้องทำบุญไปตลอดทาง พอกลับมาเมืองไทย ยังรู้สึกปล่อยวางกับสิ่งต่างๆรอบกายได้เป็นอย่างดี

การเดินทางเพื่อสักการะสังเวชนียสถานทั้งสี่แห่งนั้น ฉันต้องเดินทางผ่านสองประเทศคือประเทศเนปาลและประเทศอินเดีย เพราะที่ประเทศเนปาลเพื่อนบ้านของอินเดียนี้ เขาก็มีหนึ่งในสี่สังเวชนียสถานให้เราตามรอยพุทธบาทเช่นกัน


วิหารพระนางมหามายาเทวีโดดเด่นในลุมพินี



ซึ่งสถานที่แห่งนั้นก็คือ "ลุมพินี" (Lumbini) ตั้งอยู่ในเขตอยู่ในอำเภอไพราว่า ประเทศเนปาล สถานที่แห่งนี้คือ ที่ประสูติแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นสิทธัตถะกุมาร

ลุมพินีมีที่ตั้งอยู่ห่างจากชายแดนอินเดีย-เนปาล ประมาณ 23 กิโลเมตร อยู่ติดชายแดนประเทศอินเดียทางเหนือเมืองโครักปูร์ มีเนื้อที่กว่า 2,000ไร่ สังเวชนียสถานแห่งนี้ ภาษาทางราชการของเนปาลเรียกกันว่า "ลุมมินเด" แต่ชาวบ้านทั่วไปก็ยังนิยมเรียกว่า "ลุมพินี" อันเป็นชื่อก่อนเก่า

พุทธประวัติครั้นโบราณกาลกล่าวถึงลุมพินีว่า มีลักษณะเป็นอุทยานงดงาม ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์เมืองของพระบิดา กับเทวทหะเมืองของพระมารดา เมื่อทรงครรภ์แก่ พระนางสิริมหามายาต้องเสด็จจากกรุงกบิลพัสดุ์ กลับไปคลอดที่บ้านเกิดตามธรรมเนียมฮินดู ทรงเสด็จมาได้เพียงครึ่งทางก็ประชวรพระครรภ์ และมีประสูติกาล ณ ใต้ต้นสาละที่ลุมพินี ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เวลาเที่ยง ปีจอ

ที่นี่มีสถานที่น่ายลชนิดที่ไปถึงแล้วห้ามพลาดอยู่หลายจุด ไม่ว่าจะเป็น สระน้ำที่พระนางสิริมหามายาทรงสนาน หรือ "วิหารพระนางมหามายาเทวี" ที่ภายในวิหารมีภาพแกะสลักด้วยหินอ่อน บ่งบอกถึงการประสูติที่งดงามของเจ้าชายสิทธัตถะอยู่ทางด้านซ้าย เป็นภาพที่พระนางสิริมหามายากำลังโน้มกิ่งสาละด้วยพระหัตถ์ขวา ส่วนภาพด้านขวามือเป็นรูปเจ้าชายสิทธัตถะในลักษณะประทับยืน


พระแท่นวัชรอาสน์ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์



และจุดยอดนิยมที่ผู้ไปเยือนไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งก็คือ "เสาอโศก" ซึ่งเป็นเสาหินที่พระเจ้าอโศกมหาราชจารึกไว้ว่า ณ บริเวณเสาหินแห่งนี้ เป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธองค์เสด็จออกจากพระครรภ์ของพระมารดา มีคำจารึกด้วยอักษรพราหมณ์ ใจความว่า "พระเจ้าอโศกเสด็จมาประกอบพิธีบูชาที่นี่ เพราะพระพุทธเจ้าประสูติที่นี่"อยู่ที่เสา

ฉันสังเกตว่าที่ลุมพินี นี้ไม่ค่อยปรากฏบ้านเรือนผู้คนอาศัยอยู่กันสักเท่าไหร่ มองไปรอบๆจะเห็นเป็นทุ่งนาเวิ้งว้างเสียมากกว่า แต่ก็แปลกอีกเช่นกันที่บริเวณใกล้เคียงห่างจากลุมพินีไม่ไกล ฉันกลับเห็นวัดไทยหลายแห่งตั้งอยู่

นั่งสมาธิ เดินทักษิณาวัตร พร้อมถ่ายรูปคู่กับเสาหินเป็นการจารจารึกด้วยภาพถ่าย ว่าครั้งหนึ่งฉันได้มาถึงสถานที่ประสูติแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่เรียบร้อย ฉันก็พักค้างคืนที่วัดไทยในลุมพินีหนึ่งคืน ก่อนออกเดินทางเหินฟ้ามุ่งหน้าต่อสู่แดนภารตะ เพื่อไปสักการะสังเวชนียสถานอีกสามแห่งที่เหลือ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตประเทศอินเดีย


เสาอโศกสร้างไว้ ณ จุดที่เชื่อกันว่าเป็นที่ประสูติสิทธัตถะกุมาร



เมื่อเดินทางมาถึงอินเดียนั้นฉันก็ไม่รอช้า ที่จะไปสักการะสังเวชนียสถานแห่งที่สองที่ "พุทธคยา" (Buddhagaya)ปัจจุบันตั้งอยู่ใน ตำบลพุทธคยา ขึ้นอยู่กับจังหวัดคยา รัฐพิหาร รัฐที่ได้ชื่อว่ายากจนแร้นแค้นที่สุดในอินเดีย ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยสักนิด เมื่อมาถึงแล้วพบว่ามีขอทานลูกเล็กเด็กแดงมากมาย บ้างนั่ง บ้างนอน รอความเห็นใจจากนักท่องเที่ยวและเหล่าผู้แสวงบุญอยู่

งานนี้แหละที่ฉันอดใจไม่ไหว ถึงกับออกอาการปลงและควักตังค์ให้ไปหลายรูปี สำหรับพุทธคยาแห่งนี้คือสถานที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่นี่จึงเป็นสถานที่อันมากเรื่องราวที่น่าศึกษาไม่ว่าจะเป็น "เจดีย์พุทธคยา" อันทรงค่า "ต้นศรีมหาโพธิ์" ที่ซึ่งตรัสรู้ หรือแม้แต่ "พระแท่นวัชรอาสน์" ที่ประทับเมื่อทรงตรัสรู้ก็หาชมได้ที่พุทธคยา

ฉันเริ่มต้นด้วยการเยี่ยมชม "เจดีย์พุทธคยา"เป็นอันดับแรก เจดีย์แห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช และสร้างต่อมาในสมัยพระเจ้าหุวิชกะ พ.ศ.649 กษัตริย์ราชวงศ์กนิษกะ องค์เจดีย์นั้นมีลักษณะเป็นทรงพีระมิดตัดปลาย สูงราว 170 ฟุต รองรับสถูปด้านบน ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย สัญลักษณ์แห่งการเอาชนะหมู่มาร ที่ชาวไทยรู้จักกันในนาม "หลวงพ่อพุทธเมตตา" ณ ที่นี่จะค่อยๆได้ยินเสียงสวดมนต์ดังผะแผ่วเข้ามาเป็นระยะๆ จากบรรดาพระสงฆ์ที่ดินทางมาแสวงบุญที่นี่

จากเจดีย์พุทธคยาเดินวนมาสู่เบื้องหลังจะได้พบกับ "ต้นศรีมหาโพธิ์" ที่กล่าวกันว่า พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมโพธิญาณใต้ต้นศรีมหาโพธิ์แห่งนี้ ต้นศรีมหาโพธิ์ที่เห็นกันในปัจจุบันนั้น เป็นมหาโพธิ์ต้นที่ 4 สืบทอดจากต้นแรกที่เป็นสหชาติที่พุทธองค์ทรงประทับนั่งในวันตรัสรู้


ต้นพระศรีมหาโพธิ์แผ่กิ่งก้านเป็นร่มเงาใหญ่



ลักษณะต้นศรีมหาโพธิ์มีขนาดใหญ่ 3-4 คนโอบ ถูกล้อมรอบด้วยแท่นซีเมนต์ เพื่อป้องกันการโค่นล้มของต้น มีรั้วโปร่งกั้นรอบแท่น ติดกันคือ "พระแท่นวัชรอาสน์" หรือพระตำหนักเพชร ที่มีความหมายว่า พระที่นั่งแห่งมหาบุรุษใจเพชร สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช แกะสลักด้วยแผ่นหินทราย เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานกว้าง 4.10 นิ้ว ยาว7.6 นิ้ว ความหนา5 นิ้วครึ่ง ประดิษฐานไว้ ณ ด้านทิศตะวันออกใต้โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์

บนพื้นผิวด้านหน้าแกะสลักเป็นรูปหัวแหวนเพชร มีรัศมีพุ่งไปโดยรอบทิศทั้งสัญลักษณ์ถึง ความเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งแห่งน้ำพระทัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมีเพชรซีกประดับอยู่โดยด้านข้างทิศเหนือและทิศใต้แกะสลักเป็นรูปดอกบัวและรูปห่านหรือพญาหงส์

ด้านต้นพระศรีมหาโพธิ์ แกะสลักเป็นรูปดอกมณฑารพ ซึ่งเป็นดอกไม้สวรรค์ที่ร่วงหล่นในวันปรินิพพาน เป็นที่น่าเสียดายว่าด้านทิศตะวันออกนั้นถูกเชื่อมติดกับองค์พระเจดีย์จึงไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ว่าเป็นรูปอะไร


อีกหนึ่งมุมของลุมพินีสังเวชนียสถานที่ประสูติ



ฉันใช้เวลาอยู่ในพุทธคยาแห่งนี้นานกว่าสามวัน โดยอาศัยพักที่ "วัดไทยพุทธคยา" ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับบริเวณพุทธคยา เวลาในแต่ละวันหมดไปกับการนั่งสมาธิ ขัดเกลาจิตใจในแดนพุทธคยาแห่งนี้ ร่วมกับผู้คนอีกนับร้อยนับพันที่เดินทางมาจากทุกสารทิศต่างชาติต่างภาษา

แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั้นคือ สักการะสังเวชนียสถานของพุทธองค์นับเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่ายิ่งในชีวิต ก่อนจะออกเดินทางต่อเพื่อไปสักการะสังเวชนียสถานแห่งที่3ต่อไป

* * * * * * * * * * * * * *

สายการบินที่จะนำท่านสู่อินเดียมีหลายสายการบินด้วยกัน อาทิ การบินไทย , Indian Airlines,airindia อัตราการแลกแปลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ 1บาท=1รูปี

จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการ Online" งานเขียนโดย มะเมี้ยะ


ไปข้างบน