หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

“พระพุทธรูปทองคำ” องค์ใหญ่สุดหนักถึง 5 ตัน


พระพุทธรูปทองคำวัดไตรมิตร จ.กรุงเทพฯ

แต่โบราณกาลมา ชาวพุทธไม่ได้มองพระพุทธรูปเป็นแค่วัตถุ แต่เป็นสิ่งที่มีความสำคัญทางจิตใจ เมื่อเห็นว่าพระพุทธรูปองค์ใดเสี่ยงต่อมนุษย์ใจบาป โดยเฉพาะพระพุทธรูปที่สร้างจากวัตถุมีค่า เช่น ทองคำ ก็จะเอาปูนโบกปิดซ่อนไว้ให้ดูเป็นของไม่มีราคา แต่ก็มีค่าทางจิตใจเหมือนเดิม เพราะเป็นการเห็นด้วยปัญญา ด้วยใจ ไม่ใช่เห็นแค่ตา แต่เมื่อคนที่ซ่อนไว้ตายไปไม่มีใครรู้เห็น พระพุทธรูปที่ถูกซ่อนจึงเป็นความลับตลอดไป

พระพุทธรูปโบราณที่มีค่า มีความสำคัญ จึงถูกซ่อนไว้ด้วยวิธีนี้ เช่น พระแก้วมรกต หรือพระพุทธโสธร

พระพุทธรูปที่ถูกซ่อนไว้และถูกค้นพบเป็นข่าวเกรียวกราวที่สุดในยุคนี้ คงไม่มีองค์ไหนที่สร้างความตื่นเต้นได้เท่า พระพุทธรูปทองคำ วัดไตรมิตร ซึ่งพบเมื่อปี พ.ศ. 2498 มานี่เอง จากนั้นก็ค้นพบพระพุทธรูปทองคำแบบนี้อีกหลายองค์ แต่พระพุทธรูปทองคำวัดไตรมิตรเป็นองค์ใหญ่ที่สุด หนักถึง 5 ตัน และเป็นทองคำที่บริสุทธิ์ที่สุด

ความใหญ่โตขององค์พระเมื่ออัญเชิญขึ้นประทับบนรถบรรทุกที่บริษัทอิสเอเชียติกผู้ได้รับอนุมัติเช่นที่ดินของวัดจัดให้นั้น ต้องคอยเอาไม้ค้ำสายไฟ สายโทรศัพท์ และสายไฟรถรางให้พ้นพระเกตุมาลามาตลอดทางจนถึงวัดไตรมิตร ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำ ส่วนโบสถ์วิหารของวัดไตรมิตรก็เก่าเต็มทนใกล้พังเต็มที จึงสร้างแค่เพิงสังกะสีกันแดดกันฝนให้อยู่ข้างพระเจดีย์หน้าโบสถ์เท่านั้น แล้วบอกกล่าวทั่วไปว่าใครอยากได้ก็จะยกให้ แม้มีหลายวัดที่ต้องการนำไปเป็นพระประธาน แต่ก็ไม่สามารถนำไปได้ บางรายก็ขาดแคลนพาหนะที่จะนำไป บางรายก็ติดขัดที่เส้นทางไม่สามารถจะนำผ่านไปได้ จนรายสุดท้ายขอไปเป็นพระประธานที่วัดบ้านบึงบวรสถิตย์ ที่ชลบุรี แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ว่าไม่งามสมกับที่จะเป็นพระประธาน


พระพุทธรูปทองคำวัดไตรมิตร พระอิริยาบถ นั่งขัดสมาธิ นุ่มนวลงดงาม

จนในปี 2498 มีการเตรียมงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษในปี 2500 วัดไตรมิตรเกิดความสงสารพระพุทธรูปที่ไม่มีใครเหลียวแล จึงสร้างวิหารให้เป็นที่ประดิษฐาน แต่ขณะขนย้ายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2498 นั้น ปูนที่พระพักตร์ได้กะเทาะออก เห็นเนื้อในเป็นทองคำ จึงจัดการกะเทาะออกทั้งองค์และเก็บเป็นความลับ จนมาเป็นข่าวเกรียวกราวในปลายปี 2499

จากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญ เป็นที่ยอมรับกันว่าพระพุทธรูปทองคำองค์นี้งดงามอย่างหาที่ติไม่ได้ พุทธลักษณะสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงสุโขทัย และผู้ที่สร้างพระพุทธรูปทองคำขนาดนี้ได้ก็ต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคทีเดียว แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง นอกจากสันนิษฐานกันว่าน่าจะเป็นพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพราะเป็นยุครุ่งเรืองที่สุดของกรุงสุโขทัย และโปรดให้สร้างพิหารหลวงขึ้นกลางกรุงสุโขทัยเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญต่างๆ ซึ่งหลักศิลาจารึกก็กล่าวไว้ว่า

“...กลางกรุงสุโขทัยนี้มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารส มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันงาม...”

พระพุทธรูปองค์นี้หน้าตักกว้าง 3.10 เมตร สูงจากฐานถึงยอดพระเกตุมาลา 3.94 เมตร ถอดออกได้เป็น 9 ชิ้น มีความบริสุทธิ์ของเนื้อทองจากฐานขององค์พระ 40 เปอร์เซ็นต์ เรื่อยขึ้นไปถึงพระพักตร์มีความบริสุทธิ์ของทอง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนยอดเป็นทองคำเนื้อแท้ 99.99 เปอร์เซ็นต์ และมีน้ำหนักเฉพาะส่วนยอดนี้ 45 กิโลกรัม


ไปข้างบน