หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

โวยกรมศิลป์ "ตัดลิ้น" พระประธาน 700 ปี ชาวบ้านให้ต่อคืนตั้งแต่ตัด"วัดเสื่อม"คนก็แตก

หายไป - พระพุทธรูปแลบลิ้นภายในสำนักสงฆ์ ต.สบแม่ข่า อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ซึ่งกรมศิลป์เข้าไปบูรณะตัดลิ้นออกเกือบหมด จนชาวบ้านเชื่อว่าเป็นต้นเหตุทำให้วัดเกิดเรื่องวุ่นวายเสื่อมโทรม ส่วนภาพขวาเป็นแบบเดิมที่มีลิ้นยาวออกมา

ชาวบ้านหางดง เชียงใหม่ โวยเจ้าหน้าที่กรมศิลป์กับอดีตผู้ใหญ่บ้าน บูรณะพระพุทธรูปแลบลิ้น อายุ 700 ปี แต่ดันไปตัดลิ้นออก ทำให้เกิดอาเพศวัดเสื่อมโทรม เงียบเหงา ชาวบ้านแตกแยก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ชาวบ้านอยู่กันอย่างร่มเย็น เรียกร้องกรมศิลป์ต่อลิ้นให้พระพุทธรูปเหมือนเดิม ด้านผอ.สำนักงานศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ขอเวลาดูของจริงก่อน เพราะปกติกรมศิลป์จะทำตามหลักวิชาการและขั้นตอน ก่อนจะสรุปว่าเกิดอะไรขึ้นเพื่อเตรียมแก้ปัญหาต่อไป

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ก.ค. ชาวบ้านหมู่ 4 ต.สบแม่ข่า อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ร้องเรียนผู้สื่อข่าวจ.เชียงใหม่ว่า ที่สำนักสงฆ์พระพุทธรูปแลบลิ้น มีพระพุทธรูปแลบลิ้นซึ่งเป็นพระโบราณอายุหลายร้อยปี แต่ต่อมามีการบูรณะและถูกเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรตัดลิ้นไป ทำให้สำนักสงฆ์ดังกล่าวเกิดอาถรรพ์เงียบเหงา ขาดศรัทธาจากชาวบ้าน ทั้งที่ก่อนหน้าที่พระพุทธรูปดังกล่าวยังแลบลิ้นเป็นแบบเดิมอยู่นั้น สำนักสงฆ์แห่งนี้มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อถูกตัดลิ้นไปแล้วปรากฏว่าวัดกลับเงียบเหงาอย่างผิดสังเกต ชาวบ้านได้พยายามช่วยกันหาเงินทุนมาบริจาคหรือเรียกศรัทธาชาวบ้านแต่ก็ไม่เป็นผล ซ้ำร้ายกว่านั้นยังทำให้ชาวบ้านทะเลาะกัน เคลือบแคลงกัน สงสัยกันตลอดเวลา เรื่องเงินในการสร้างวัตถุมงคลหาเงินมาบูรณะสร้างวิหารให้กับพระพุทธรูปดังกล่าวอีกด้วย

หลังรับแจ้งผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังหมู่บ้านดังกล่าว พบนายวรรณ อินทจักร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.สบแม่ข่า เปิดเผยว่า พระพุทธรูปแลบลิ้นองค์นี้จากการสอบถามกรมศิลปากร ทราบว่าเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สูงประมาณ 5 เมตร หน้าตักกว้าง 4.5 เมตร มีอายุไม่ต่ำกว่า 700 ปี สมัยก่อนสำนักสงฆ์แห่งนี้เป็นป่าและไม่มีใครกล้าเข้ามา และหากมองไกลๆ ก็จะเห็นพระพุทธรูปแลบลิ้นอยู่ในป่า ซึ่งเมื่อก่อนชาวบ้านพากันกลัวไม่กล้าเข้ามา เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นพระพุทธรูปหรืออะไรกันแน่ ปล่อยให้พระอยู่ในป่าแบบนั้นเรื่อยมา ต่อมากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในสมัยนั้นจึงพากันเข้ามาบุกเบิกและพบว่าบริเวณแห่งนี้เคยเป็นวัดมาก่อนและกลายเป็นสำนักสงฆ์ร้างในเวลาต่อมา

องค์พระพุทธรูปเดิมที่มีลิ้นยาวออกมา

จากนั้นทุกฝ่ายจึงร่วมกันบูรณะสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นวัดกลับมา และนิมนต์พระสงฆ์มาจำพรรษาอยู่ ต่อมาก็มีผู้ใจบุญคนหนึ่งใช้เงินส่วนตัวมาบูรณะให้วัดแห่งนี้ ให้กับพระพุทธรูปองค์นี้ เพราะสงสารท่านตากแดดตากฝนมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี ปรากฏว่าก็ไม่ได้เกิดอาถรรพ์อะไร กลับทำให้ชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุขร่มเย็น ชาวบ้านก็แห่กันมาทำบุญกันที่วัดแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย ซึ่งพระพุทธรูปดังกล่าวนั้นเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ และท่านจะแลบลิ้นออกมาเห็นชัดเจน เมื่อตอนพบเห็นและทำการบูรณะสถานที่แห่งนี้ใหม่ๆ ก็มีศรัทธาชาวบ้านแห่มาทำบุญกันจำนวนมาก ช่วยกันมาทำบุญ มีพระสงฆ์มาจำพรรษาอยู่จนเป็นรูปร่างขึ้นมา

นายวรรณกล่าวต่อว่า ต่อมาเมื่อประมาณปี 2534-2535 เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้มาสำรวจและทำการบูรณะพระพุทธรูปองค์นี้ใหม่ เนื่องจากแขนของท่านหลุดไปตอนที่พบ ปรากฏว่าไม่สามารถยกแขนของท่านขึ้นมาต่อได้เนื่องจากมีน้ำหนักมาก ทางกรมศิลปากรและชาวบ้านในสมัยนั้นจึงหล่อแขนของท่านขึ้นมาใหม่ โดยนำแขนเก่าไปไว้หลังสำนักสงฆ์และได้ถากบริเวณพระพักตร์ของพระพุทธรูปดังกล่าวทำการบูรณะใหม่ และไปตัดลิ้นของพระพุทธรูปองค์นี้ออกไปเกือบหมด ตอนนั้นตนยังไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านพยายามคัดค้านแต่ไม่เป็นผล และรู้สึกเสียใจอย่างมากที่เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรร่วมกับอดีตผู้ใหญ่บ้านในสมัยนั้นมาถากหน้าของพระพุทธรูปและตัดลิ้นของพระพุทธรูป แม้แต่นายอำเภอสมัยนั้นเมื่อรู้ข่าวว่ามีการถากหน้าตาของพระพุทธรูปและตัดลิ้นไปจึงรีบเดินทางมาปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ช่างดำเนินการถากหน้าและตัดลิ้นเรียบร้อยแล้ว นายอำเภอมาไม่ทัน ชาวบ้านทุกคนเสียใจอย่างมาก

"ตอนที่พบพระพุทธรูปองค์นี้ท่านจะแลบลิ้นออกมาอย่างเด่นชัด ต่อมาทางกรมศิลป์ในสมัยนั้นมาตรวจสอบ สำรวจ และไปตัดลิ้นของพระองค์ท่านทำเป็นหน้าใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง โดยทางเจ้าหน้าที่กรมศิลป์และอดีตผู้ใหญ่บ้านในสมัยนั้นให้เหตุผลว่า พระพุทธรูปไม่สมควรอมลิ้นหรือแลบลิ้นเพราะจะทำให้เกิดอาถรรพ์ เลยทำการบูรณะทำหน้าหรือพระพักตร์ของพระพุทธรูปใหม่ ตัดลิ้นท่านออกเสีย ความจริงแล้วของเก่าแก่ไม่น่าจะไปทำแบบนั้น ควรอนุรักษ์ไว้" ผู้ใหญ่บ้านกล่าว

องค์พระพุทธรูปใหม่ที่กรมศิลปากรเข้าไปบูรณะและตัดลิ้นออกจนหมด

ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 กล่าวต่อว่า จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่เคยเล่าให้ฟังว่า พระพุทธรูปองค์นี้เมื่อก่อนมีนักบวชจากประเทศอินเดียเดินทางมายังประเทศไทย และสร้างสำนักสงฆ์หรือพระพุทธรูปไว้หลายแห่ง และเนื้อที่สำนักสงฆ์แห่งนี้เมื่อก่อนจะไม่แคบเหมือนทุกวันนี้ จะมีประมาณ 30-40 ไร่ สังเกตต้นโพธิ์จะอยู่ห่างจากวัดไปประมาณ 50-60 เมตร ต่อมามีประชาชนเข้ามาถากถางยึดครองพื้นที่เป็นที่อยู่อาศัย จนเนื้อที่เหลือน้อยไม่กี่ตารางวาในปัจจุบัน โชคยังดีที่ชาวบ้านในสมัยนั้นได้บันทึกภาพพระพุทธรูปตอนที่ทำการบุกเบิกใหม่ๆ ไว้ จะเห็นว่าท่านแลบลิ้นออกมาอย่างชัดเจน หลังจากที่เจ้าหน้าที่กรมศิลป์และอดีตผู้ใหญ่บ้านในสมัยนั้นตัดลิ้นท่านไปแล้ว วัดแห่งนี้ก็เงียบเหงาทันตา ทำอะไรก็ไม่ขึ้น ชาวบ้านและผู้มีจิตศรัทธาจากที่อื่นได้พยายามมาช่วยกันรื้อฟื้นบูรณะในรูปแบบต่างๆ ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายทุกฝ่ายได้ลงความเห็นว่าจะต้องหาเงินและผู้รู้มาทำการต่อลิ้นให้กับท่าน และทำพิธีให้ถูกต้อง อาจจะทำให้สำนักสงฆ์แห่งนี้ฟื้นกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเรื่องกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการว่าจะทำอย่างไร รูปแบบไหนเพื่อจะหาเงินมาต่อลิ้นให้กับท่าน

นายทัศน์ไชย ทะนันไชยปรีดา นายกอบต.สบแม่ข่า อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เมื่อประมาณปี 2549 ตนได้สร้างวัตถุมงคลพระเจ้าอมลิ้นหรือแลบลิ้นขึ้นมา เพื่อหางบประมาณก่อสร้างวิหาร ส่วนงบประมาณก็จัดหามาเองโดยไม่ได้ใช้งบประมาณของอบต.แต่อย่างใด เมื่อสร้างวัตถุมงคลเสร็จสิ้น ได้นำออกให้เช่าบูชาจำหน่ายปรากฏว่าได้เงินบ้าง ไม่ได้บ้าง รวมแล้วเป็นเงิน 49,255 บาท หักค่าใช้จ่ายในพิธีปลุกเสกและอื่นๆ เหลือเงินทั้งสิ้น 45,000 บาท และได้มอบเงินให้กับสภาอบต.สบแม่ข่า เพื่อสบทบทุนสร้างวิหาร ซึ่งตอนนั้นเกิดปัญหาคณะกรรมการและชาวบ้านต่างเคลือบแคลงสงสัยตนกล่าวหาว่า ตนเอาชื่อของสำนักสงฆ์แห่งนี้ไปหาผลประโยชน์ ซึ่งไม่เป็นความจริง จนเกิดความขัดแย้งกันตลอด และวิหารก็สร้างสำเร็จไปแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย พระพุทธรูปก็ยังคงลิ้นขาดเหมือนเดิม ตอนนี้ก็อยากให้ชาวบ้านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาช่วยกันต่อลิ้นให้กับท่านและช่วยกันฟื้นฟูวัดแห่งนี้ต่อไป เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาสำนักสงฆ์แห่งนี้อยู่อย่างลำบากทั้งพระสงฆ์สามเณรที่จำพรรษาที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ตนก็พร้อมที่จะลงมาช่วยอีกครั้ง สืบค้นหาประวัติของพระพุทธรูปองค์นี้ให้กระจ่างชัดอย่างถูกต้อง เขียนระบุไว้ให้กับลูกหลานต่อไปได้รับทราบ ทุกวันนี้ต่างก็พูดกันไปเรื่อยว่าเป็น "พระพุทธรูปปางมารวิชัย แลบลิ้นเพื่อหลอกมาร ภูตผีปีศาจให้กลัว" บ้างก็บอกว่าเมื่อก่อนผีในป่าเยอะ ผู้สร้างจึงสร้างพระพุทธรูปแลบลิ้นไว้เพื่อตบตาหลอกผีอะไรทำนองนั้น

นายสุรพล สัตยารักษ์ นายอำเภอหางดง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตนเพิ่งเคยมาเห็นพระพุทธรูปแลบลิ้นเป็นครั้งแรก และจากการได้ดูจากภาพเก่าที่ยังคงเก็บรักษาไว้ ถือเป็นโบราณวัตถุเก่าแก่ที่ศักดิ์สิทธิ์ควรค่าแก่การรักษาไว้ ตนเพิ่งมารับตำแหน่งที่นี่ และได้เดินทางมาสำรวจเป็นครั้งแรกที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ตอนนี้ชาวบ้านอยากให้ต่อลิ้นให้กับพระพุทธรูปดังกล่าวให้สมบูรณ์ ซึ่งเรื่องนี้ตนก็จะได้ทำเรื่องประสานไปยังสำนักงานศิลปากร เชียงใหม่ อีกครั้ง รวมทั้งผู้รู้เรื่องวัตถุโบราณ เพื่อพิจารณาในการที่ชาวบ้านจะต่อลิ้นให้กับท่านได้หรือไม่ อย่างไร และต้องทำอย่างไรให้ถูกต้อง และจะได้สอบถามรายละเอียดอีกครั้งจากกรมศิลปากรและผู้รู้ทางพุทธศาสนาอีกครั้งว่า ทำไมต้องไปตัดลิ้นของพระพุทธรูปองค์นี้ เป็นพระพุทธรูปปางไหน สร้างเมื่อไหร่ สาเหตุต้องแลบลิ้นเพราะอะไรให้แน่ชัด ก่อนที่จะมาช่วยชาวบ้านดำเนินการ

"ผมเพิ่งมาเห็นพระพุทธรูปแลบลิ้นเป็นครั้งแรก และพร้อมที่จะช่วยเหลือทางสำนักสงฆ์และชาวบ้านดำเนินการต่อไป ตอนนี้ได้ให้เอารูปภาพของพระพุทธรูปองค์นี้ที่บันทึกไว้ตอนที่ยังไม่ได้บูรณะให้ไปเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานอบต.สบแม่ข่า รอการพิจารณาดำเนินการกันต่อไป ส่วนพระพุทธรูปแลบลิ้นองค์นี้มีส่วนสูงประมาณ 5 เมตร หน้าตักกว้างประมาณ 4.5 เมตร ปางมารวิชัย ส่วนทรัพย์สินมีค่าในตัวพระพุทธรูปหรือหัวใจของพระนั้น ถูกคนร้ายเจาะด้านหลังเอาไปหมดแล้ว

ด้านนายสหวัฒน์ แน่นหนา ผอ.สำนักงานศิลปากรที่ 8 จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนยังไม่ได้รับทราบข้อมูล เนื่องจากการบูรณะที่ชาวบ้านอ้างว่าเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรเข้าไปดำเนินการถากหน้าและตัดลิ้นพระพุทธรูปนั้น เป็นช่วงที่ตนยังไม่ได้เข้ามารับตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม จะได้นำข้อมูลแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องย้อนไปตรวจสอบดูข้อมูลของการบูรณะ สำหรับการเข้าไปบูรณะของเจ้าหน้าที่ศิลปากรนั้น ปกติแล้วหากสำรวจพบว่าเป็นโบราณสถานและโบราณวัตถุ เชื่อว่าการที่จะเข้าไปดำเนินการบูรณะของเจ้าหน้าที่นั้นจะเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกระบวนการที่เหมาะสม ซึ่งตนขอเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้ละเอียดก่อนจึงจะชี้แจงได้ อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายจำลอง กิตติศรี ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ จะได้เดินทางไปตรวจสอบพระพุทธรูปแลบลิ้นที่ถูกตัดลิ้นอีกครั้ง และหารายละเอียดที่เกิดขึ้นเพื่อให้กระจ่างชัด

ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ข่าวสด"


ไปข้างบน