หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

พระธาตุไร้เงา อันซีนฯ พระธาตุเมืองนคร

"...ความอัศจรรย์ของพระบรมธาตุแห่งแดนใต้ที่แม้เงายังมิยอมตกต้องพื้น...วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นที่ประดิษฐานปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองนครฯ หรือที่เรียกว่าตามพรลิงค์ในอดีต นอกจากวิหารหลายหลังที่งดงามด้วยงานศิลปะช่างอยุธยาแล้ว ยามแดดตกต้ององค์พระธาตุเจดีย์ เหลื่อมเงากลับทาบทอดไม่ถึงพื้นพสุธา จนแลคล้ายว่าพระธาตุเจดีย์ยิ่งใหญ่องค์นี้ไร้เงาอย่างน่าอัศจรรย์..." จากหนังสืออันซีนไทยแลนด์(2)

• พระธาตุไร้เงา

สมัยก่อนล่องใต้ไปเมืองนครศรีธรรมราชคราใด หากมีโอกาสผมก็จะแวะไหว้องค์พระบรมธาตุเมืองนคร ในวัดพระมหาธาตุฯเสมอ เพราะเพื่อนที่เมืองคอนมันบอกว่า "ถ้ามาเมืองคอนแล้วไม่ได้ไปไหว้องค์พระบรมธาตุก็เหมือนกลับยังไปไม่ถึงเมืองคอน"

แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่เคยรู้เลยว่า พระธาตุเมืองนครนั้นเป็นพระธาตุไร้เงา จนกระทั่งททท.ชูให้เป็นอันซีนไทยแลนด์เมื่อไม่กี่ปีมานี้ นั่นแหละผมถึงกระจ่างแจ้ง

นับแต่นั้นมาเวลาไปไหว้พระบรมธาตุเมืองนครคราใด ผมจะพยายามมองหาเงาของพระธาตุอยู่เสมอ ทั้งยามแดดจ้า แดดร่ม หรือแดดอ่อนๆ...แต่ก็น่าแปลกที่ไม่เคยพบเลยสักครั้ง!!!

เรื่องนี้เพื่อนคนเมืองคอนบอกกับผมด้วยสำเนียงทองแดงว่า "มึงมองไม่เห็นเงาของพระธาตุน่ะดีแล้ว เพราะคนที่นี่(นครศรีฯ)เขาเชื่อกันว่า ถ้าหากพระธาตุมีเงาเมื่อไหร่ และเงาตกไปทางทิศไหน ทิศนั้นก็จะเกิดเหตุการณ์ร้ายๆขึ้น อย่างตอนที่เกิดพายุถล่มแหลมตะลุมพุกเมื่อสมัยนู้นก็มีข่าวว่าก่อนหน้านั้นมีคนเห็นเงาพระธาตุกันหลายคน ส่วนช่วงก่อนเกิดสึนามินี่ก็มีข่าวว่ามีคนเห็นเงาพระธาตุอยู่แว่บหนึ่งเหมือนกัน เรื่องนี้จะจริงหรือไม่จริงกูก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ก็คือคนเก่าคนแก่ที่นี่เขาเชื่อกันอย่างแรง"

อนึ่งนอกจากจะเป็นอันซีนไทยแลนด์เพราะไร้เงาแล้ว ผมมองว่าพระธาตุเมืองนครยังมีความน่าสนใจในระดับอันซีนฯอีกหลายแง่มุมด้วยกัน

• พระธาตุ หาดทรายแก้ว

ตามตำนานกล่าวว่า พระบรมธาตุเมืองนครสร้างขึ้นครั้งแรกประมาณ ปี พ.ศ. 854 ภายในบรรจุพระทันตธาตุ(ส่วนฟันของพระพุทธเจ้า) ณ บริเวณหาดทรายแก้ว ด้วยศิลปะการก่อสร้างแบบศรีวิชัย(หลายคนเชื่อว่ามีลักษณะคล้ายพระบรมธาตุไชยา จ.สุราษฎร์ธานี)

ต่อมาในปี พ.ศ. 1093 พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ได้ทำการสร้างเมืองนครศรีธรรมราชขึ้น พร้อมกับสร้างเจดีย์องค์ใหม่ทรงศาญจิครอบพระบรมธาตุองค์เดิม จากนั้นในปี พ.ศ. 1770 ได้มีพระภิกษุจากลังกามาทำการบูรณะพระบรมธาตุเมืองนครให้เป็นไปตามรูปแบบสถาปัตยกรรมทรงลังกาหรือทรงโอคว่ำ ดังที่เห็นในปัจจุบัน โดยหาดทรายแก้วสถานที่สร้างพระบรมธาตุนั้น เป็นสันดอนทรายชายฝั่งที่เกิดจากการตกตะกอนสะสมในทะเลจนเกิดเป็นผืนแผ่นดินขึ้น ซึ่งก็คือที่ตั้งของ "เมืองนครศรีธรรมราช" ในปัจจุบันนั่นเอง

• พระธาตุทองคำ

สำหรับพระบรมธาตุเมืองนครทรงลังกาที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นกลางเมืองนครศรีฯนั้น มีความสูง 55.78 เมตร องค์ระฆังสูง 9.80 เมตร มีปล้องไฉน 52 ปล้อง โดยปลียอดของปล้องไฉนหุ้มด้วยทองคำเหลืองอร่าม หนาขนาดใบตาล สูงถึง 6 วา 1 ศอก ส่วนรอบพระบรมธาตุองค์หลักก็ยังมีเจดีย์รายรอบเป็นจำนวนมากถึง 158 องค์เลยทีเดียว

และด้วยความที่เป็นปลียอดพระธาตุเป็นทองคำเหลืองอร่าม ทำให้พระบรมธาตุเมืองนครได้รับการเรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่า "พระธาตุทองคำ" ซึ่งถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับพระธาตุไร้เงาอยู่ด้วยเหมือนกัน เพราะเพื่อนคนเมืองคอน(คนเดิม) มันบอกว่า ยามเมื่อแสงส่องต้องลงมายังปลียอดที่เป็นทองคำก็จะไม่เกิดเป็นเงาดำ หากแต่จะเกิดเป็นแสงสะท้อนมลังเมลืองขึ้นมา ถือเป็นหนึ่งในเหตุผล(ทางวิทยาศาสตร์)ที่ว่าทำไมยอดของพระธาตุจึงไร้เงา ส่วนการที่องค์พระธาตุไร้เงานั้น มันบอกว่า ยังเป็นปริศนาที่หาคำตอบไม่ได้อยู่ดี

• พระธาตุแห่งธรรม

พระบรมธาตุเมืองนคร นอกจากจะเป็นดังศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธแห่งคาบสมุทรแดนใต้ที่โดดเด่นไปด้วยงานพุทธศิลป์แบบลังกาแล้ว ยังมีผู้กล่าวว่าพระบรมธาตุเมืองนครนั้นแฝงไปด้วยธรรมมะนิยามในศาสนาพุทธอยู่หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นฐาน 4 ด้านของรัตนเจดีย์ทั้ง 4 ทิศ 4 มุมนั้นเปรียบดังอริสัจจ์ 4 รูปพระอรหันต์ทั้ง 8 ที่ยืนไหว้รอบพระธาตุ ทั้ง 8 ทิศนั้นแทนความหมายของมรรคมีองค์ 8 ปล้องไฉนที่มีจำนวน 52 ปล้องนั้น มีผู้ตีความว่าหมายถึงอายุเวลาของพระพุทธศาสนา อันเกิดจาก 1+50+1 โดย 1 ตัวแรกหมายถึง ช่วง 1 ศตวรรษของพระพุทธเจ้าสมณโคดม 50 หมายถึง 50 ศตววรษหรือ 5,000 ปี ของอายุพระพุทธศาสนา 1 ตัวหลังหมายถึง 1 ศตวรรษของพระศรีอาริยเมตไตรย

ส่วนปลียอดทองคำนั้น เปรียบได้กับนิพพานในพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้คนสมัยก่อนจึงมีความเชื่อว่า หากได้ขึ้นมาเดินเวียนประทักษิณ(3 รอบ) ณ ลานประทักษิณก็เป็นดังการเข้าสู่นิพพานกลายๆ ด้านใครที่อยากได้มงคลสูงสุดก็ต้องทำการถวายผ้าพระบฏแก่องค์พระธาตุ อันที่มาของประเพณีแห่งผ้าขึ้นธาตุที่จัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง ในวันมาฆบูชาและวันวิสาขบูชาของทุกปีนั่นเอง

• พระธาตุทรุดเอียง

สำหรับการจะขึ้นไปสักการะองค์พระธาตุที่ลานประทักษิณ จะต้องเดินขึ้นบันไดในวิหารทรงม้าเข้าไป โดยหน้าประตูทางขึ้น ซ้าย-ขวา จะมีรูปเคารพของท้าวจตุคาม(เท้าขัตตุคาม)และท้าวรามเทพ(เท้ารามเทพ) 2 เทพผู้คอยปกปักรักษาองค์พระบรมธาตุอันเปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธศาสนาประดิษฐานอยู่

เพื่อนคนนครบอกกับผมว่า แต่ก่อนคนมักจะเดินผ่านเทพทั้ง 2 ขึ้นไปสักการะองค์พระธาตุแบบไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ จนเมื่อเกิดปรากฏการณ์จตุคามขึ้นมา ก็กลับกลายเป็นว่ามีคนตั้งใจเดินทางขึ้นไปไหว้เทพทั้ง 2 องค์มากกว่าไปไหว้องค์พระบรมธาตุเสียอีก

เรื่องนี้เมื่อ 3 เดือนที่แล้วผมได้มีโอกาสขึ้นไปไหว้องค์พระบรมธาตุบนลานประทักษิณมาก็เห็นจริงดังที่มันว่า จนเมื่อไม่กี่วันมานี้ไอ้เพื่อนนี้มันโทร.มาบอกว่า ทางวัดเขาปิดไม่ให้คนขึ้นไปบนลานประทักษิณแล้ว เพราะบันไดทางขึ้นในวิหารทรงม้าทรุด!!!

แต่นั่นก็ยังไม่หนักหนาเท่ากับข่าวการทรุดเอียงขององค์พระธาตุ อันเกิดมาจากการที่รถบรรทุก บรรทุกวัตถุมงคลวิ่งเข้า-ออก บริเวณลานวัดอยู่เป็นประจำ ทำให้แรงสั่นสะเทือนจากการวิ่งส่งผลกระทบต่อองค์พระธาตุ จนเกิดการทรุดเอียงตามที่เป็นข่าว(แม้กรมศิลป์จะออกมาระบุภายหลังว่า องค์พระบรมธาตุเอียงมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ว่าหลังจากกฎห้ามรถบรรทุกวิ่งเข้าเขตวัดก็ทำให้วัดพระมหาธาตุดูสะอาดเป็นระเบียบและสงบมากขึ้น)

"องค์พระบรมธาตุเมืองนครเป็นสมบัติของชาวพุทธทั้งโลก เป็นสมบัติล้ำค่าที่บรรพบุรุษสร้างขึ้นมา ทุกคนควรจะหวงแหนและอนุรักษ์ไว้ให้อยู่ไปชั่วลูกชั่วหลาน จริงอยู่กาลเวลาอาจจะทำให้ชำรุดทรุดโทรมได้ แต่ก็ไม่ควรมาชำรุดทรุดเอียงเพราะคนบางกลุ่มที่เห็นแก่เงิน เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก"

เพื่อนคนเมืองคอนถือโอกาสระบายความในใจให้ฟัง ซึ่งผมมานึกๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่า สงสัยเท้าจตุคามรามเทพ ที่เป็นดังผู้คอยปกปักรักษาองค์พระธาตุ จะต้านทานพลังความโลภของมนุษย์หลายๆคนที่หากินกับจตุคามรามเทพในยุคนี้ไม่ไหวเสียแล้ว

เพราะเหตุนี้องค์พระบรมธาตุถึงได้ทรุดเอียง

อันเป็นผลพวงมาจากจิตใจของใครหลายๆคนที่ทรุดเอียง เบี่ยงเบนไปจากหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา

ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการออนไลน์"โดย ปิ่น บุตรี


ไปข้างบน