หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

ไหว้หลวงพ่อโสธร เที่ยวสุขใจผจญภัยใกล้เมืองกรุง

พระอุโบสถวัดโสธร สีขาวเด่นริมแม่น้ำบางปะกง

"ฝนตก รถติด..."

คำๆนี้ยังใช้ได้ดีเสมอในกรุงเทพฯเมืองหลวงที่ดูสับสนวุ่นวาย แต่ก็น่าแปลกตรงที่เรากลับรู้สึกว่าฝนต่างจังหวัดดูจะสดชื่นชุ่มฉ่ำกว่าฝนในเมืองกรุงมากนัก ทั้งๆที่เป็นฝนตกมาจากฟ้าเดียวกัน

อย่ากระนั้นเลย ในทริปนี้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" จึงขอออกเดินทางออกจากเมืองกรุง มุ่งไปสูดโอโซนและดื่มด่ำกับบรรยากาศของป่าเขาลำเนาไพรใกล้กรุงฯให้ชุ่มชื่นหัวใจกันเสียหน่อย



• ไหว้หลวงพ่อโสธร เที่ยวตลาดโบราณ

จุดแรก "ผู้จัดการท่องเที่ยว" เริ่มต้นด้วยการเดินทางไปไหว้หลวงพ่อพุทธโสธรหรือหลวงพ่อโสธร ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร(อ.เมือง) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยเปิดประเดิมทริป

การมาไหว้หลวงพ่อโสธรในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างขวัญกำลังใจแล้ว พระอุโบสถหลังใหม่ หลังใหญ่ ที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำบางปะกงนี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งนอกจากการเดินซอกแซกชมโบสถ์ตามปกติแล้ว ที่ริมน้ำยังมีบริการล่องเรือชมโบสถ์วัดโสธรและทิวทัศน์ของแม่น้ำบางปะกงอีกด้วย โดยหลังจากที่ไหว้โสธรและเดินถ่ายรูปชมโบสถ์หลังใหญ่เรียบร้อยแล้ว "ผู้จัดการท่องเที่ยว"ก็ไม่รอช้ารีบย่างก้าวลงเรือที่จอดคอยท่าอยู่โดยเร็ว

ศรัทธาของชาวพุทธต่อองค์หลวงพ่อโสธร

เรือนำเที่ยวลำนี้ไม่ได้ล่องลำน้ำให้เราสอดส่ายสายตาชมทิวทัศน์ 2 ฟากฝั่งอย่างเดียวเท่านั้น แต่บนเรือยังมีวิทยากรมาคอยบรรยายเกี่ยวกับอดีตของแม่น้ำบางปะกงให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆท่านๆเข้าใจกันดีมากขึ้น เรียกว่าฟังกันเพลินจนเรือแล่นมาจอดเทียบท่ายังตลาดบ้านใหม่ (ถ.ศุภกิจ)แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

สำหรับ ตลาดบ้านใหม่แม้จะชื่อฟังดูใหม่ แต่ว่ากับเป็นตลาดโบราณริมแม่น้ำที่อยู่คู่กับเมืองแปดริ้วมา 100 กว่าปีแล้ว ตลาดแห่งนี้น่าสนใจไปด้วยบ้านเรือน อาคาร ร้านค้า ร้านอาหาร แผงขายของ ที่ยังคงรูปแบบเดิมเอาไว้ ในขณะที่ของซื้อของขายต่างๆส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าแบบเก่าที่นับวันหากินหาชมหาซื้อได้ยากเต็มที ทำให้ยามที่เราเดินดุ่ยๆไปในตลาดแห่งนี้จึงดูเหมือนกับว่ากำลังเดินอยู่ในบรรยากาศย้อนยุคยังไงยังงั้น

ทั้งนี้หากใครอยากไปเที่ยวชมตลาดแห่งนี้แบบได้บรรยากาศเต็มที่ก็ต้องไปช่วงเสาร์-อาทิตย์ ที่ร้านค้าแทบทุกร้านที่นี่จะพร้อมใจกันขายของ ส่วนถ้าไปในวันธรรมดาก็จะพบเห็นเพียงประปรายไม่กี่ร้านเท่านั้น

ตลาดบ้านใหม่ ตลาดโบราณแห่งเมืองแปดริ้ว(ภาพ : ททท.)

• ล่องแก่งหินเพิง

หลังเที่ยวเมืองแปดริ้วแล้ว "ผู้จัดการท่องเที่ยว" มุ่งหน้าต่อไปยังจังหวัดปราจีนบุรี สู่ อ.นาดี เพื่อจะไปสนุกเร้าใจกับกิจกรรมล่องแก่งหินเพิง ซึ่งหลังเดินทางลุยป่าจากจุดจอดรถหน่วยพิทักษ์ป่าเขาใหญ่ 9 (ใสใหญ่)ไปไม่นาน เราก็มาถึงยังแก่งหินเพิงจุดเริ่มต้นของการผจญแก่งในครั้งนี้

แก่งหินเพิง เป็นแก่งที่เหมาะแก่การล่องแก่งประเภทเรือยาง(8-10 คน) มีความยาก-ง่าย ของแก่งและความแรงของกระแสน้ำอยู่ในระดับ 3-5 มีแก่งสำคัญๆอยู่ 6 แก่งด้วยกัน คือ แก่งหินเพิง แก่งวังหนามล้อม แก่งวังบอน แก่งลูกเสือ แก่งวังไทร และแก่งงูเห่า

ก่อนจะลงเรือยางตะลุยแก่ง ทุกคนในทริปต่างก็เตรียมความพร้อมด้วยการใส่เสื้อชูชีพตามคำแนะนำของผู้ดูแล จากนั้นทุกคนต่างก็พร้อมใจกันลงเรือยางออกไปสนุกกับการล่องแก่งด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ โดยในระหว่างล่องแก่งนั้น เราได้เผชิญกับบรรยากาศอันน่าสนุกสนานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การล่องเรือฝ่าแก่งอันเชี่ยวกรากจนทำให้แต่ละคนเปียกปอนไปตามๆกัน การชื่นชมธรรมชาติ 2 ข้างทางยามน้ำไหลเอื่อยๆ การกระโดลงเล่นน้ำช่วงน้ำนิ่งแต่ไหลลึก หรือการเล่นสไลเดอร์ปล่อยตัวและหัวใจไหลไปตามกระแสน้ำ ซึ่งนับเป็นความสนุกสนานเพลิดเพลินที่หาไม่ได้ในกทม.ก่อนที่จะไปขึ้นฝั่งยัง ท่าเรือบริเวณ ขญ.9

หลังเหน็ดเหนื่อยเปียกปอนจากการเล่นน้ำแล้ว ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำ เราจึงเดินทางเข้าสู่รัศมีรีสอร์ท แอนด์ สปา ที่พักของเราในค่ำคืนนี้ ที่ดูร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยและสวนดอกไม้สวยงามนานาพันธุ์ ซึ่งหากใครที่ได้เดินชมแล้วเกิดติดใจจะซื้อติดไม้ติดมือไปเป็นของฝาก ทางรีสอร์ทก็มีบริการจัดให้

และเมื่อมาเจอที่พักใกล้ชิดกับธรรมชาติเช่นนี้ ค่ำนั้นด้วยบรรยากาศเป็นใจผสมกับความเหนื่อยล้าจึงทำให้เราม่อยหลับไปอย่างรวดเร็ว...

ล่องเรือผจญแก่งหินเพิง กิจกรรมสุดระทึกใจ (ภาพ : ททท.)

• โรยตัว 4 หน้าผา 5 น้ำตก

เช้าวันใหม่ที่มีเสียงนกเจื้อยแจ้ว...

"ผู้จัดการท่องเที่ยว"เติมพลังมื้อเช้าด้วยข้าวต้มร้อนๆ และกาแฟสดหอมกรุ่น ท่ามกลางธรรมชาติที่มีหมอกฝนลงนิดๆ พอให้เย็นสบายจนเราอดใจไม่ได้ต้องไปถีบจักรยานเล่นรอบๆบริเวณกันเสียหน่อย ก่อนที่จะมุ่งหน้าข้ามจังหวัดไปผจญภัยกันต่อกับกิจกรรม โรยตัว 4 หน้าผา 5 น้ำตก กิจกรรมผจญภัยแบบท้าทายความสูงโดยมีทีมงานสาริกา แอดเวนเจอร์ พอยท์ เป็นผู้ดูแลและให้ความรู้เกี่ยวกับการโรยตัว

สำหรับการโรยตัว 4 หน้าผา 5 น้ำตกนี้ อยู่ในในเขตอุทยานฯเขาใหญ่ฝั่งนครนายก ซึ่งหลังจากที่ทุกคนใส่อุปกรณ์โรยตัวเตรียมพร้อมกันเรียบร้อย ก็ต้องมุ่งหน้าเดินทางเข้าป่าใหญ่ไปอีกประมาณ 300 เมตร สู่น้ำตกธารรัตนาจุดเริ่มต้นของการโรยตัว

แม้สายน้ำตกธารรัตนาจะเป็นสายขาวฟูฟ่องดูงดงาม แต่ในจิตใจของ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ตอนนี้กลับเต้นตุ๊มๆต่อมๆและอดที่จะขาสั่นไม่ได้ เพราะบนหน้าผาสองพี่น้องเหนือน้ำตกธารรัตนาที่เป็นหน้าผาแรกนั้นมีความสูงถึง 70 เมตรทีเดียว

เมื่อเจอผาสูงขนาดนี้ก็ทำให้ ต่างคนต่างเกี่ยงกันว่าใครจะลงไปก่อน ใครจะลงไปหลัง จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ต้องเป็นผู้เลือกให้ ช่วงเวลานี้ ใครโรยตัวก็โรยตัวไป ใครถ่ายรูปก็ถ่ายรูปไป ส่วนใครที่ว่างๆก็จะคอยตะโกนให้กำลังใจเพื่อน ซึ่งบางคนเมื่อโรยตัวลงไปถึงข้างล่างแล้ว เห็นได้ชัดว่าขาอ่อน ยืนแทบไม่ไหว ส่วนบางคนก็หน้าซีดจนถูกแซวว่า"หน้าขาวแบบไม่จำเป็นต้องพึ่งพาครีมพญาหน้าขาวแต่อย่างใด"

หลังจากผู้กล้าหลายคนๆลงไปแล้ว ทีนี้ก็มาถึงคิวของเราแล้ว ซึ่งช่วงที่ดูคนอื่นโรยตัวนั้นก็ดีอยู่หรอก แต่พอต้องโรยตัวเองนั่นแหละ โอ้โห ทั้งเสียว ทั้งลุ้น แถมยังเปียกอีกต่างหาก แต่ว่าเมื่อค่อยๆไต่ลงไปสุดท้ายก็ถึงยังพื้นล่างอย่างอยู่รอดปลอดภัย

เมื่อผ่านผาแรกไปได้ทุกๆคนก็เริ่มรู้สึกใจชื้นขึ้น หลายๆคนเริ่มออกอาการหิวข้าวออกมา ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจนำข้าวที่แบกมาออกมากันโซ้ยกันกลางป่าตรงนั้นเลย โดยเมนูสุดอร่อยของวันก็คือข้าวเหนียวหมูทอดห่อใบตองนั่นเอง นับว่าช่างได้บรรยากาศจริงๆ

ดูเหมือนว่าหลังกินข้าวเหนียวหมูทอดแล้ว ทุกๆคนดูจะมีพลังขึ้น เจ้าหน้าที่จึงพาไปลุยกันต่อกับด่านที่ 2 คือ น้ำตกสองสวรรค์ ที่มี 2 ชั้น ชั้นที่ 1 ที่สูง 25 เมตร และชั้นที่ 2 สูง 34 เมตร ซึ่งทั้ง 2 ด่าน ดูจะโรยตัวผ่านง่ายกว่าผาสองพี่น้องมาก

สนุกตื่นเต้นแบบเปียกๆ กับการโรยตัวผ่าน 4 ผา 5 น้ำตก

ต่อจากนั้น จุดโรยตัวต่อไปเราต้องเดินป่าไปอีกประมาณ 1.8 กิโลเมตร ที่แม้จะดูเหมือนไม่ไกลมาก แต่ว่ากว่าจะเดินลัดเลาะผ่านหินเล็ก หินใหญ่ และธารน้ำตกไปได้ ก็ทำเอาเหนื่อยเหมือนกัน และแล้วก็มาถึงผาสุดท้ายจนได้ ผานี้สูง 15 เมตร เท่านั้น ซึ่งเมื่อโรยตัวผ่าน 3 ผามาแล้ว ผาสุดท้ายจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร

และเมื่อโรยตัวผ่านผาสุดท้ายไปแล้ว เราก็ไปนั่งยิ้มแฉ่งในเรือคายัครอเพื่อนคนอื่นๆ ทยอยโรยตัวลงตามมา ที่เมื่อนึกย้อนไปแล้วก็ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะสามารถโรยตัวผ่านกันมาได้ นี่แหละที่เขาว่าไม่ลองไม่รู้ ซึ่งสำหรับการเที่ยวในทริปนี้นอกจากจะอิ่มบุญและสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว เรายังได้พลังใจจากธรรมชาติกลับออกไปอีกด้วย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สำหรับผู้สนใจเที่ยวตามสถานที่ข้างต้นแบบแพ็คเกจทัวร์ พร้อมที่พัก สามารถสอบถามได้ที่ รัศมีรีสอร์ท แอนด์ สปา โทร. 0-3740-3959 หรือสอบถามรายละเอียดการเดินทางและสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ ททท. ภาคกลางเขต 8 โทร. 0-3731-2282,0-3731-2284

ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการออนไลน์"


ไปข้างบน