ชี้หนังพระไตรปิฎกตีบุคลิกพระอรหันต์ ทั้งพระนักกล้าม โง่นิดๆ รักสวยรักงาม
สงกรานต์ ทัพมณี นศ.ชั้นปีที่ 1 ที่ Auckland University หนุ่มวัย 22 ปี ผู้ที่รับบทบาทเป็นพระพุทธเจ้า
เผยเอกสารหนัง "พระไตรปิฎก" ตีความคาแร็กเตอร์พระอรหันต์ ทั้ง พระนักกล้าม, ดูโง่นิดๆ, รักสวยรักงาม ฯ ด้านนักแสดงนำหลายคนไม่รู้ว่าตัวเองจะได้รับบทอะไรทั้งที่มีการแคสฯ มาก่อน ด้านนางร้ายเซ็กซี่ "การ์ตูน" บอกพร้อมพิจารณาหากถูกวิจารณ์
ก่อนออกปากชมหนุ่ม "มาร์ค" เหมาะเป็นพระพุทธเจ้า
ถูกชะลอเรื่องงบประมาณร่วม 1,200 ล้านบาทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยสาเหตุของความไม่โปร่งในหลายต่อหลายประการ สำหรับโครงการการก่อสร้างภาพยนตร์ "พระไตริฏก" โดยมหาเถรสมาคมซึ่งถูกชงเรื่องมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2546 ในรัฐบาลยุคพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังนั่งเก้าอี้เป็นนายกรัฐมนตรี
นอกจากจะถูกวิจารณ์อย่างหนักถึงความเหมาะสมของนักแสดงที่จะมารับบทเป็นพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นนายแบบหนุ่มที่ถ่ายแบบในแนวค่อนข้างจะหวิวมาก่อน ความไม่ชัดเจนตามระเบียบของข้าราชการในเรื่องของการจัดทำ การจัดหาทีมงานผู้ผลิต รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับแล้ว...
เมื่อพิจารณาไปยังเอกสารรายละเอียดในการตีความตัวละครของพระอรหันต์แต่ละรูปของทีมงานผู้สร้างนั้นต้องถือว่าน่าสนใจทีเดียวว่าหากมีการสร้างหนังเรื่องนี้ออกมาจริงๆ บุคลิกของภิษุสงฆ์เหล่านี้จะเป็นไปในลักษณะเช่นใด? ถูกต้องตามลักษณะที่ควรจะเป็นจริงหรือไม่?
อาทิ พระอานนท์ ผู้ซึ่งต้องมีใบหน้าที่เคร่งเครียด ดูจริงจัง, พระเทวทัต มีผิวพรรณขาวคล้ายแขกเปอร์เซีย, พระทัพพมัลลบุตร ผู้ซึ่งเป็นพระนักกล้าม ลำตัวมีกล้ามเป็นมัดๆ เพราะเป็นเจ้าชายแห่งแคว้นนักกล้าม (แคว้นมัลละ), พระนันทะ ผู้อ่อนแอ ไร้จุดเด่น ไม่ค่อยมีความคิดเป็นของตนเอง เหมือนคนเก็บกด และออกบวชกับพระพุทธเจ้าทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความเลื่อมใสศรัทธาแต่อย่างใด
พระโมคคัลลานะ มีตบะแรงมาก แววตาดุกล้าแข็ง เพราะเป็นพระที่ถือว่าเป็นเลิศในทางทรงฤทธิ์ หรือจะเป็นพระอุปนันทะที่ถูกมองว่า ดูโง่นิดๆ เพราะเชื่อคนง่าย หัวอ่อน ขณะที่บางรูปก็เป็นพระประเภทเจ้าสำอางรักสวยรักงาม ฯลฯ
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าพูดถึงต่อโครงการใหญ่ที่ใช้งบสูงถึง 1,200 ล้านบาทนี้ก็คือเรื่องของการทาบทามดารานักแสดงหญิงให้มาร่วมงานในฐานะของดารานักแสดงนำ(ฝ่ายหญิง)ที่ผู้จัดฯ ยืนยันว่าทั้งหมดนั้นต้องผ่านการแคสติ้งและคัดเลือกเพื่อความเหมาะสม
แต่เรื่องที่น่าแปลกก็คือ หลายต่อหลายคนกลับยังไม่รู้เลยว่าตนเองจะต้องรับบทเป็นใคร? อาทิ จิ๊ก เนาวรัตน์ รวมถึงสาวการ์ตูน อินทิรา เกตุวรสุนทร..."ต้องบอกก่อนเลยว่าตอนนี้ตูนยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนะ แต่ก็ยอมรับว่าเราได้รับเลือกให้ร่วมแสดงจริง" นักแสดงหญิงกล่าวเปิดเผย
"ตูนได้รับเลือกจากทางคณะผู้จัดสร้างให้ลองเข้าไปดูบทว่าเหมาะสมกับเราไหม อีกอย่างหนึ่งที่ได้รับเลือกก็คือเขาเห็นว่าเราหน้าออกไปทางด้านแขกก็เลยสนใจ ตอนนั้นทางพี่ที่เป็นผู้กำกับเขาติดต่อเรามาและบอกเราว่าสนใจเรานะ อยากให้เราได้รับเลือกเล่นในภาพยนตร์เรื่องนี้"
"ตอนนี้มันยังอยู่ในช่วงของการคัดเลือกนักแสดงอยู่ ยังไม่ได้มีการบอกอะไรกับนักแสดงคนไหนว่าจะได้เล่นเป็นอะไร อยู่ในขั้นตอนของการคัดเลือกที่จะเอานักแสดงที่มีหน้าตาให้มันอยู่ในทางเดียวกันก่อน ที่เห็นส่วนใหญ่หน้าตาก็จะออกไปทางด้านของแขก อินเดีย เนปาลอะไรประมาณนี้นะ"
"แต่มันก็มีการวางตัวไว้บ้างแล้วนะสำหรับบทเด่นๆ คือถึงเราจะได้เล่นเป็นตัวอะไรก็ไม่สำคัญแล้วแค่เราได้มีโอกาศเป็นส่วนหนึ่งก็ดีใจมากแล้วจริงๆ"
แม้จะมีชื่อในส่วนของนักแสดงนำแต่กลับมีบทให้เล่นเพียงแค่ตอนสองตอน ทว่านักแสดงหญิงก็รู้สึกภูมิใจเพราะถือเป็นการบำรุงและส่งเสริมพระพุทธศาสนา
"เราก็เหมือนกับคนส่วนน้อย ส่วนคนที่ต้องเล่นทุกตอนนั้นคือคนที่ต้องเล่นเป็นบทพระพุทธเจ้า สาวก ฯลฯ ตูนมีแค่ตอนสองตอนเอง เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้มันเป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับพระ ดังนั้นเขาก็ต้องเน้นที่นักแสดงที่เป็นผู้ชายเป็นหลักแน่นอน แต่มันจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่เพียงแค่นี้เราก็รู้สึกเป็นเกียรติกับตัวของเรามากแล้ว"
ในขณะที่พระเอกหนุ่ม "มาร์ค สงกรานต์" ผู้ซึ่งมารับบทพระพุทธเจ้าโดนวิจารณ์อย่างหนักเพราะเคยถ่ายแบบแนวหวิวมาก่อน ทางฟากของสาวการ์ตูนเองก็ถือว่าไม่แตกต่างเพราะมีงานถ่ายแบบในแนววาบหวิวออกมาเยอะพอสมควร ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้นักแสดงหญิงบอกว่า..."มันอยู่กับที่มุมมองของแต่ละคนมากกว่าว่าจะคิดอย่างไร เพราะชีวิตคนเรานั้นไม่มีใครที่มีชีวิตราบรื่นหรอก"
"อย่างบทที่ตูนได้รับนั้น ทางทีมงานเขาก็บอกว่าจะเป็นบทผู้หญิงสวย มีเสน่ห์และมีข้อวินัยต่างๆ ในตัว แต่ภายหลังก็จะมีการทำผิดศีลจึงต้องหนีไปบวชประมาณนี้ คือตูนว่าบทที่ได้รับมันก็ตรงดีนะ มันเหมือนกับชีวิตคนเราเลย ที่มีทั้งสุขและทุกข์มาตลอด ซึ่งมันก็เหมือนกับภาพยนตร์เรื่องนี้"
ออกปากชื่นชมหนุ่มมาร์คเหมาะสมกับการเป็นพระพุทธเจ้า แถมยังมีบุคลิกที่สำรวมอีกต่างหาก
"กระแสวิจารณ์ที่พี่มาร์คโดนมานั้นตูนคิดว่ามันเป็นเรื่องปกตินะกับการถ่ายแบบมาก่อนที่จะมาได้มาแสดงภาพยนตร์ ก็เหมือนกับชีวิตคนปกติทั่วไปนั้นแหละ หลังจากผ่านชีวิตอะไรต่างๆ มาตลอดตั้งแต่เกิดแล้วพอมีอยู่ช่วงหนึ่งที่จะต้องมาตัดสินใจบวชก็สามารถที่จะบวชได้ ไม่ว่าชีวิตที่ผ่านมาจะเคยเป็นอย่างไร"
"ครั้งแรกที่ตูนเห็นพี่มาร์คเขาก็ดูแล้วคิดว่าน่าจะเหมาะกับบทพระพุทธเจ้านะ เพราะเขามีหน้าตาและบุคลิกที่ดูดีและสำรวมมาก อีกอย่างหนึ่งของการรับเลือกคนมาเล่นนั้นทางทีมงานผู้สร้างเขาก็คงคัดเลือกมาเป็นอย่างดีแล้ว เพราะกว่าจะคัดเลือกแต่ละคนมาเล่นได้มันจะต้องมีขั้นตอนต่างๆ นะ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคณะผู้สร้างและหน่วยงานของพระพุทธศาสนา"
เผยงานที่ออกมาจะเหมือนกับละครเรื่องหนึ่งทั่วๆ ไป ไม่ได้เป็นภาพยนตร์ที่สื่อในเรื่องธรรมะอะไรมากมาย
"อยากจะบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นภาพยนตร์ที่สื่อออกมาให้ดูเป็นธรรมะอะไรมาก คือภาพยนตร์เรื่องนี้เราจะทำออกมาให้ดูเหมือนชีวิตคนปกติทั่วไปเลย เป็นเหมือนละครเรื่องหนึ่งทั่วไป มีทั้งความรัก โลภ โกรธ หลง เพราะฉะนั้นตูนว่ามันไม่เกี่ยวกับเรื่องราวของกระแสวิจารณ์ต่างๆ ที่ออกมาเลยที่คนที่ทำผิดพลาดอะไรมาในอดีตแล้วไม่สามารถเล่นได้"
พร้อมพิจารณาตนเองหากเกิดกระแสเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมรวมถึงบทบาทการแสดง
"ตูนพยายามไม่คิดไว้ก่อนว่าเราจะโดนอะไรบ้าง เพราะว่าการแสดงครั้งนี้มันเป็นภาพยนตร์ของศาสนา เป็นภาพยนตร์การกุศลและเราก็ทำด้วยใจ ก็ไม่น่าจะโดนกระแสต่อต้านอะไรมาก แต่ถ้าใครคิดว่าตูนดูแล้วไม่เหมาะสมกับการแสดงในเรื่องนี้นั้นตูนก็ยอมรับในกระแสวิจารณ์ตรงนี้ คือเราคงไม่สามารถไปต่อต้านความคิดใครได้"
"ส่วนถ้ามีกระแสต่อต้านกับเราจริงก็พร้อมจะยอมให้เปลี่ยนตัวเพื่อจะได้ไม่ให้มันมีปัญหาต่อไปในอนาคต แต่จริงๆ แล้วการที่เรามาแสดงด้วยใจ เป็นภาพยนตร์การกุศล เกี่ยวกับเรื่องราวของศาสนาไม่น่าจะมีคนมาว่าอะไรเรานะ แถมตัวตนของตูน แล้วเราก็เข้าวัด ทำบุญอะไรอยู่แล้ว"
ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการออนไลน์"
|