"เสี่ยเจียง" เอาเรื่องอิตาลีตัดต่อ "องค์บาก" หมิ่นพุทธ ลั่นบริษัททำงานเสริมสร้างวัฒนธรรมมาโดยตลอด
ภาพโปสเตอร์องค์บากบนปกดีวีดี
"เสี่ยเจียง" แจงสื่อกรณีปกดีวีดีหนัง "องค์บาก" เมืองนอกตัดต่อภาพเท้า "จา พนม" คร่อมเศียรพระฯ เผยอิตาลีตัวการนำภาพไปทำแล้วแอบใช้ แจงมีการติดต่อเจรจาไปแล้ว สั่งให้ฝ่ายกฎหมายสหมงคลฟิล์มจัดการ ยันบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโปสเตอร์ใบนี้แน่นอน อีกทั้งยังส่งเสริมวัฒนธรรมไทยมาโดยตลอด บอกไม่แคร์สัมพันธ์การซื้อขายหนังกับประเทศนี้ หากคิดทำลายประเทศไทย
"เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ" พร้อมลูกสาว "เอ๋ อวิกา เตชะรัตนประเสริฐ" ผจก.ฝ่ายการตลาดอาวุโสบริษัทสหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล แจงด่วนเมื่อช่วงค่ำวันนี้ (21 สิงหาคม) กรณีภาพล่อแหลมของโปสเตอร์หนังองค์บาก ที่ต่างประเทศได้ตัดต่อจนโดนวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความไม่เหมาะสม
ทั้งนี้เจ้าของสหมงคลฟิล์มฯ เผยว่าทางบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ขายหนังไปแล้วต่างชาติก็มีสิทธิ์ทำใบปิดหนังเอง แต่ตนก็ได้ทำข้อตกลงไปแล้ว คาดเป็นประเทศอิตาลีที่ละเมิดสัญญา
เสี่ยเจียง
"เรื่องภาพใช่มั้ย ผมว่าจริงๆ แล้วมันก็ไม่ถูกนะ แล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของเราด้วย ถ้าเกิดคนได้ดูหนังตั้งแต่แรกจะรู้ได้เลยว่า ทางบริษัทเราไม่ได้ทำภาพแบบนี้ออกมาเลย คือจากภาพตรงนี้ เราไม่รู้จริงๆ ว่ามันออกมาได้อย่างไร หรือว่ามันหลุดออกมา"
"ภาพนี้คือเราส่งหนังไปขายที่ต่างประเทศ หรืออีกอย่างหนึ่งมันก็เหมือนกันการที่เราซื้อหนังของเขามา เราก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้อยู่แล้วในหนัง เราส่งหนังไปขายเขา มันอยากจะทำอะไรก็เรื่องของมัน แต่เราก็เคยไปบอกเขาแล้วนะ ว่าอย่ามาทำแบบนี้ ทำแล้วมันผิดกฎหมายที่ระบุเอาไว้ แต่เขาก็ยังจะทำอยู่"
"เราทำหนังองค์บากออกมาได้ 5 ปีแล้วนะ และที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยทำลายวัฒนธรรมไทยเลยสักครั้ง เรามีแต่เสริมสร้างวัฒนธรรมไทยให้ดีขึ้น อย่างบางทีเราทำหนังออกมาทางฝรั่งยังบอกเลยว่าอยากให้เราทำฉากโป๊ๆ เยอะๆ แต่เราก็ยังไม่ทำเพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขนาดเรื่องที่ผ่านมา แค่เรื่องผู้หญิง 3 คนมีปัญหา (ดาราแต่งตัวโป๊) เราก็ยังไม่เอาเขามาเล่นหนังเลย เพราะเราไม่อยากให้ไปทำลายวัฒนธรรมของไทย"
โชว์ปกดีวีดีที่ออกแบบถูกต้อง
"บอกตามตรงว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเราแน่นอน กับประเทศอิตาลีที่ทำภาพนี้ออกมา เราก็รู้สึกว่าทำแล้วน่าเกลียดนะ ตอนนี้เราก็คงจะให้มันเลิกทำ เพราะการที่มันทำแบบนี้คือการเหยียดหยามและทำลายประเทศไทยให้สูญเสียมากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมาบริษัทเรามีแต่หนังที่เชิดชูวัฒนธรรมไทย ให้ต่างประเทศได้รับรู้ ทำทุกอย่างเพื่อคนไทย และทำชื่อเสียงให้ประเทศเป็นอันดับหนึ่ง การสร้างหนังเรื่ององค์บากของเรา เราใช้เงินไปเยอะนะ ไม่ใช่เราสร้างหนังแบบถูกๆ ลงทุนถูกๆ แล้วมาทำลายกันแบบนี้"
ส่วนความเสียหายของกรณีนี้นั้น ทางผู้บริหารของทางสหมลคลฯแจงว่าได้ทำการเตือนไปยังคู่ค้าแล้วว่าไม่สามารถทำแบบนี้ได้ เพราะผิดกฎหมาย พร้อมให้ทางกฎหมายของทางบริษัทเตรียมเจรจาอีกครั้งหนึ่ง งานนี้เสี่ยเจียงลั่นเสียลูกค้าไม่ว่าแต่อย่ามาทำลายประเทศไทย
"ภาพที่ออกมาเราไม่ปล่อยบริษัทนี้แน่นอนเพราะมันมาทำลายประเทศไทย หลังจากนี้เราคงให้ทางกฎหมายของทางบริษัทออกมาว่าความกันเอง เพราะตอนที่เราขายกันไป ในข้อกฎหมายเราก็ระบุไว้ชัดอยู่แล้วในสัญญา ดังนั้นเขาทำผิดเราก็ต้องจัดการให้เร็วที่สุด และก็ต้องยอมรับว่าบริษัทเราขายหนังองค์บากไปให้ต่างประเทศ และหนังเรื่องนี้ก็ได้นำชื่อเสียงมาให้ประเทศเรา ให้ก้าวสู่อินเตอร์มากขึ้น"
แสดงอาการสุดเซ็งกับพฤติกรรมของต่างชาติ
"จากนี้ต่อไปในเรื่องของการเซ็นสัญญากับต่างประเทศนั้น เราก็คงต้องตรวจสอบมากขึ้น แต่เราคงจะไประบุบังคับอะไรในสัญญามากไม่ได้ แต่เราจะพยายามคุยกันก่อนในการที่จะเซ็นสัญญาในแต่ละครั้ง อย่างเช่นหนังเรื่องไหนมีภาพที่ไม่เหมาะสม หรือทำลายวัฒนธรรม เราก็จะตัดออกก่อน คือเมืองนอกพอเอาไปฉายที่เกี่ยวกับพระ เขาจะไม่ค่อยตัดออก เขาชอบอยากจะโชว์"
"เราจะบอกเขาก่อนแล้วว่าถ้าจะทำอะไรให้บอกเราก่อน และนี่ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ครั้งแรกเลยที่มีภาพแบบนี้หลุดออกมา และถ้าเกิดเขาเอาภาพอันนี้มาให้เราดูก่อน รับรองว่าเราไม่ยอมแน่นอน จริงๆ แล้วกับภาพนี้มันก็ไม่มีปัญหาอะไรมากหรอก ถ้าเกิดเขาทำให้มันถูกวิธี จริงๆ แล้วเขาไม่น่าเอารูป จา พนมไว้ด้านบน ถ้าเขาเอาไว้ด้านล่าง เอาพระพุทธรูปไว้ด้านบนไม่มีปัญหาเลย นี่เอาจาไปนั่งบนเศียรพระ มันไม่เหมาะสมจริงๆ”
"อีกอย่างหนึ่งในหน้าปกหนังเรื่องนี้ มันก็เป็นภาพจากหนังเรื่องต้มยำกุ้ง ไม่ใช่องค์บากเลย ตอนนี้ทางบริษัทก็ได้ติดต่อไปทางอิตาลีแล้ว หลังจากนี้ก็เหลือแค่ให้เขาชี้แจงมาว่าจะเอาอย่างไร แต่ถึงอย่างไรเราก็ไม่ยอมแน่นอน ตอนนี้เราได้ติดต่อไปทางเขาแล้วว่าและบอกว่าห้ามทำอะไรที่ละเมิดวัฒนธรรมไทยอีก"
"แต่อันนี้เขาไม่ส่งมาให้เราดูจริงๆ เราเลยไม่รู้ว่ามันออกมาในรูปแบบไหน และการทำแบบนี้เราก็ไม่กลัวด้วยว่าเขาจะไม่ซื้อหนังเราอีก เพราะแค่ขอให้เขาไม่ทำลายประเทศเราก็พอแล้ว เรื่องเงินไม่สำคัญแล้ว..."
ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการออนไลน์"
|