หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

พระรับได้ "มาร์ค" หวิว ส่วนหนังจะสร้าง/ไม่สร้าง อยู่ที่ทีมงาน

"มาร์ค สงกรานต์ ทัพมณี"

พระผู้ใหญ่แจงหนัง "พระไตรปิฎก" จะสร้างหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ทีมสร้าง ส่วนเรื่องนักแสดงให้รอดูกระแสสังคมหากส่วนใหญ่รับไม่ได้ก็อาจต้องเปลี่ยนตัว เชื่อหนุ่ม "มาร์ค" เข้าใจ แจงเห็นภาพหวือแล้วอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ส่วนเรื่องทุนรอรับบริจาคอยู่ อาจสร้างไปรับบริจาคไป เผยมีผู้สนใจให้เยอะ แต่ติดปัญหาบางประการที่ทางสงฆ์ไม่สามารถกระทำได้

ยังคงไม่ชัดเจนว่าจะเดินไปแนวทางอย่างไรแน่กรณีการสร้างหนังเรื่อง "พระไตรปิฎก" ของทีมสร้างหนังเอกชนรายหนึ่งที่ได้ยื่นเรื่องขอความร่วมมือไปยัง "มหาเถรสมาคม" และมีการทำเรื่องของบฯ กว่า 700 ล้านบาทผ่านไปยังรัฐบาลโดยคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมฯ เซ็นเห็นชอบในหลักการ

...ก่อนจะกลายเป็นประเด็นขึ้นทั้งในส่วนของความเหมาะสมของนักแสดงนำที่จะมารับบทเป็นพระพุทธเจ้าอย่างหนุ่ม "มาร์ค สงกรานต์ ทัพมณี" เนื่องจากเจ้าตัวเคยถ่ายแบบในแนวหวือหวามาก่อน รวมไปถึงเรื่องที่มาของเงินที่จะใช้ในการก่อสร้างซึ่งสูงถึง 1,200 ล้านบาท ตลอดจนข้อสงสัยถึงประโยชน์ต่างๆ ที่จะได้จริงๆ ในการจัดทำครั้งนี้

ล่าสุดในส่วนของประธานฝ่ายสงฆ์ในการสร้างหนังพระพุทธเจ้าฉบับพระไตรปิฎก "พระเทพวิสุทธิกวี" รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวางแผน มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้เปิดเผยว่า ถึงตอนนี้ทุกอย่างคงจะขึ้นอยู่กับทางทีมผู้สร้างว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ไม่เกี่ยวกับทางมหาเถรสมาคม

"ตอนนี้ขั้นตอนไม่เกี่ยวมหาเถรสมาคมแล้วล่ะ เพราะว่าท่านเห็นชอบมาปีกว่าแล้ว ก็อยู่ที่ฝ่ายดำเนินการเท่านั้นเอง ทีนี้ก็อยู่ที่บริษัทที่ผลิตนั่นแหละ ส่วนมหามกุฏราชวิทยาลัยจะเกี่ยวอย่างเดียวคือเรามาตรวจสอบ เนื้อหาสาระเท่านั้น เพราะยังไม่ได้ตรวจหมด แต่เราต้องตรวจไปเรื่อยๆ แต่ละบทๆไป"

"เรื่องตัวพระพุทธเจ้าก็เป็นเรื่องของทางผู้สร้างน่ะว่าเขาว่าอย่างไร เพราะเขาคือฝ่ายสร้าง เขาสรรหากันมาเอง ทางมหามกุฏฯ ไม่ได้ติดใจอะไร ถ้าเขาแสดงได้ บทบาทเขาทำได้ ก็ไม่ติดใจอะไร ถ้าชีวิตปกติของเขาเป็นขี้เมาก็คงไม่น่าดูน่ะ อดีตคืออดีต เรายังไม่ได้สืบประวัติ บุคลิกเขาก็ใช้ได้ แต่โดยพฤติกรรมเราก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน พระก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับดารา"

"มาร์ค สงกรานต์ ทัพมณี"

ด้านกรณีของหนุ่มมาร์คนั้น พระวิสุทธิกวีบอกว่าทางคณะสงห์เห็นภาพถ่ายที่ว่าแล้วและอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูกระแสสังคมด้วยว่าจะเป็นอย่างไร..."แนวโน้มที่เขาจะได้เล่นเนี่ยก็ยังไม่ได้คุย ก็ฟังๆ ดูก็ไม่น่ามีอะไรมาก เห็นภาพตามหน้าหนังสือพิมพ์ที่ลงมาก็พอรับได้ ไม่ใช่เกณฑ์ที่จะปฏิเสธ แต่ถ้ามีมากกว่านั้นก็ไม่รู้มีหรือเปล่านะ...(หัวเราะ) ก็ว่ากันอีกที"

"ขั้นตอนต่อไปอยู่ทางผู้สร้าง ตอนนี้สื่อเงียบๆ ไปยังไม่รู้ขนาดไหน ไม่รู้ว่าเงียบเพื่อว่าลุกขึ้นอีกหรืออย่างไร รอดูข่าวไปเยอะๆว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่ได้กังวลเลยว่าต้องเป็นคนนี้ เพราะถ้าสังคมไม่รับก็ต้องเปลี่ยนเท่านั้นเอง ทีนี้ว่าเหตุผลคืออะไร เขา (มาร์ค) เองก็ต้องยอมรับ เพราะถ้าเขามาแสดงไปมันก็คือฝันร้ายสำหรับเขา ถ้าคนไม่ยอมรับ คิดว่าเขาก็คงจะเข้าใจ"

ส่วนข้อแนะนำที่ว่าอาจเบี่ยงไม่ใช้คนนำแสดงเป็นพระพุทธเจ้านั้น พระเทพวิสุทธิกวี กล่าวว่าเนื้อหาคงพูดไม่หมด ยิ่งไม่ใช้ให้เห็นภาพคนยิ่งสงสัย เชื่อหากบรรยายด้วยภาพจะเข้าใจในพระไตรปิฎกมากขึ้น ก่อนจะแจงว่าสาเหตุที่ต้องเลือกใช้พระเอกคนนี้ก็อาจจะเนื่องมากจากเงื่อนไขด้านงบประมาณที่อาจไม่สามารถจ้างนักแสดงซูเปอร์สตาร์ได้

"ซึ่งความจริงก็ใครก็ได้ที่จะมารับบทนี้ แต่ความจริงเขาเลือกกันมาแล้วว่าเหมาะ นิ่งดี รูปร่างสูงใหญ่แถมมีความคล้าย เงื่อนไขเขามีความสำคัญเพราะว่าถ้าเลือกคนเก่งๆ มา ค่าตัวสูง เราก็ไม่มีเงินจะไปจ่าย อันนี้ไม่ใช่เขาเป็นดาราดัง ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ คนมีเยอะ เขาจะแสดงได้ขนาดไหนก็ต้องลองดู คนอื่นเหตุปัจจัยของเขาไม่พร้อมบ้าง อะไรบ้าง เงื่อนไขไม่ลงกัน ความสมัครใจหลายๆ อย่างอีก บวกลบแล้วมันต้องคำนึงหลายอย่าง"

"คือจะถอดส่วนไหนจากไตรปิฎกเนี่ยแหละที่สงสัยกันอย่างนี้ เพราะว่าเราต้องทำมาออกมาก่อน นี่พระไตรปิฎก 2500 กว่าปีแล้วคนยังไม่รู้น่ะ ไม่อยากอ่าน เราจะทำให้มันง่ายขึ้น เราจะเอาอะไรสอนเด็ก ถ้าเด็กไม่เห็นรูปเราก็มองไม่เห็น ยิ่งถ้าไม่ให้เห็นองค์พระพุทธเจ้า มันก็เป็นความลับอยู่ดี เป็นสิ่งที่ทำให้คนงุนงงสงสัย เราต้องทำให้ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด เราจำลองเรื่อง 2000 กว่าปีมาแล้ว เราต้องอธิบาย ต้องทำความเข้าใจ ทำให้คล้ายของจริงที่สุด"

แม้จะมีการชี้แจงแล้วว่างบประมาณที่ทางรัฐเสนอจ่ายให้ 700 กว่าล้านบาทนั้นเป็นแค่เฉพาะการปั๊มแผ่นดีวีดีเพื่อการแจกจ่ายโดยที่ทางผู้สร้างเองยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับงบ 500 ล้านบาทในการถ่ายทำ แต่เรื่องจริงคงจะไม่ใช่เช่นนั้นเสียแล้ว เพราะดูเหมือนว่างบประมาณในส่วนที่ว่าจะเป็นตัวหลักในการทำงานครั้งนี้อยู่พอสมควรทีเดียว เนื่องจากในส่วนของเงินบริจาคที่ทีมสร้างคุยว่ามีแล้วก็หาเป็นเช่นนั้นได้

"เรื่องงบก็หากันไปน่ะ ที่ได้มาแล้วก็คือที่ทางท่องเที่ยวที่กาญจนบุรีให้มาก็หมุนกันอยู่ (ทางทีมผู้สร้างขอไปสิบห้าล้านบาท ทางการท่องเที่ยวกาญจนบุรีให้มาก่อน 3 แสนบาท) และคงไปถ่ายที่นั่น สร้างฉากที่นั่น ทำไปเรื่อยๆ ได้มากก็ทำมาก ซึ่งเราก็ของบประมาณรัฐบาลด้วย ตั้ง 2 รัฐมนตรีแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มา ตั้งแต่คุณหญิงทิพาวดี มาถึงคนนี้ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า"

"เพราะว่าซ้ายทีขวาทีมาตลอด ถ้าไม่ได้ก็รับบริจาคไป ถ้าจะทำงานให้มันสมบูรณ์ก็ต้องใช้งบเยอะ ตอนนี้เราให้เอกชนบริจาคได้ คือถ้าอยากให้คนเขาเห็นภาพ ความจริงก็ควรผลิตออกมาซักตอนหนึ่งก่อน ให้เห็นภาพ เพราะเวลาจะเอาไปเสนอได้ก็พรีเซ็นต์ได้ด้วยของจริง เรื่องคำพูดมันพูดกันร้อยชั่วโมงก็พูดไม่จบน่ะ มันต้องดูจากภาพ"

"ตอนนี้ก็รอฟังอยู่ว่า เมื่อข่าวออกไปแล้วเนี่ยสังคมจะรับได้หรือไม่ รอฟังส่วนนี้เหมือนกันไม่ฟังมันก็ไม่ได้ เพราะว่าเราไม่ได้หากำไร เราจะทำ 1 แสนชุด 250 ตอน ลงทุนสูง เราก็คิดว่าทำอย่างไรไม่ให้ก๊อปปี้กัน เราก็ไม่อยากไปฟ้องร้องเรื่องลิขสิทธิ์อะไรกัน"

ยันมีผู้สนใจบริจาคจำนวนมาก แต่ติดปัญหาเรื่องหักเปอร์เซ็นต์ค่าใช้จ่ายซึ่งในการบริจาคของมหาวิทยาลัยสงฆ์ไม่สามารถทำได้

"ที่จริงคนบริจาคตรงนี้มันก็เยอะนะ แต่ว่ามันมีเงื่อนไขที่เรารับไม่ได้ เพราะว่ามันเกี่ยวข้องมหาวิทยาลัย เราเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ ไม่ว่าจะเรื่องการตลาด หรืออะไรก็แล้วแต่มันเกี่ยวข้องกันไปหมด คิดหักเปอร์เซ็นต์ด้วย10 - 20% ซึ่งทางเราเนี่ยเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ เราไปหักแบบนั้นไม่ได้"

"รับมาล้านหนึ่งก็ต้องล้านหนึ่ง ไม่ใช่ 7 แสน ถ้าไม่งั้นมหาวิทยาลัยจะเดือดร้อน มันลำบากตรงนี้แหละ ที่จริงผู้บริจาคก็เสนอมาหลายรายแล้ว เราก็รับไม่ได้ตรงนี้ ถ้าเขาขอ 10% สมมติบริจาคมา 300 ล้าน หายไป 30 ล้าน เราก็ปาราชิกกันแหงแก๋ เรื่องงบหลวงพี่ดูแลด้วย ไม่ถึงกับดูแลโดยตรงหรอก แต่อย่างไรเสียมหามกุฏฯ ก็ต้องรับทราบตรงนี้"

ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการออนไลน์"




ไปข้างบน