สมบัติล้ำค่าของหอยทาก
วัว
สิงสาราสัตว์ทั้งหลายในฟาร์ม ต่างคุยอวดกันว่าตัวเองมีความสำคัญอย่างไร
ไก่ขันเสียงแจ้วก่อนใครแล้วบอกว่า “ไข่ของฉัน มนุษย์คนไหนก็อยากกิน”
หมูแย้งว่า “เนื้อของฉัน ใครๆ ก็ชมว่าอร่อย”
วัวตอบว่า “นมของฉันมีคุณค่ากว่าของสัตว์ชนิดใด”
ม้าขาวยกขาหน้าทั้งสองแล้วตะโกนก้องว่า “ใครจะเป็นอัศวิน ก็ต้องขึ้นหลังฉันก่อน”
ไม่มีตัวไหนยอมแพ้ ต่างทุ่มเถียงกัน ระหว่างนั้นเอง ไก่ก็เห็นสัตว์ชนิดหนึ่ง จึงร้องขึ้นว่า
“เอ้า หอยทาก มาทำไม จะมาประกวดกับเขาด้วยเหรอ เธอมีอะไรดีบ้างล่ะ”
“เปล่าหรอก ฉันแค่เดินผ่านมา แต่ฉันมีสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ต้องการยิ่งกว่าสิ่งใด เสียดายที่เอาไปจากฉันไม่ได้ ฉันมีเวลาไงล่ะ” หอยทากตอบ
หอยทาก
หอยทากเป็นสัตว์ที่ดูไร้ค่า แต่ก็น่าอิจฉาอย่างยิ่งเพราะมีเวลาล้นเหลือ ชีวิตไม่รีบร้อน จะไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องแข่งกับใคร ผิดกับมนุษย์ทุกวันนี้ เร่งรีบไปทุกเรื่อง กินข้าวก็เร่ง ทำงานก็รีบ รีบแม้กระทั่งหายใจ ชีวิตก็เลยวุ่น
ขนาดหลับแล้วความวุ่นก็ยังตามเข้าไปในความฝัน
ถ้าเรามีเวลาเหลือเฟืออย่างหอยทาก ชีวิตจะมีความสุขเพียงไหน
ในโลกที่สรรพสิ่งถูกนำมาขายเป็นสินค้า ไม่เว้นแม้กระทั่งรอยยิ้มและน้ำใจของคนไทย เวลาเป็นสิ่งหนึ่งที่ซื้อขายกันไม่ได้ และแย่งจากใครก็ไม่ได้ด้วย
จริงอยู่เราสามารถจ้างคนมาทำงานแทนเรา ทำให้มีเวลาเหลือทำอย่างอื่นได้มากขึ้น แต่เราจ้างคนมากินข้าว ออกกำลังกาย หรือศึกษาหาความรู้แทนเราไม่ได้ เราต้องทำสิ่งนั้นๆ ด้วยตัวเราเอง
ความที่เรามีเวลาอยู่อย่างจำกัด หาซื้อจากใครมาเพิ่มไม่ได้ เวลาจึงเป็นของมีค่ามาก เพราะเหตุนี้เราจึงควรใช้อย่างประหยัดอดออม
แต่วิธีอดออมเวลาของคนสมัยนี้ก็คือ รีบๆ ทำ ทำอะไรแต่ละอย่างต้องพยายามใช้เวลาให้น้อยที่สุด อะไรที่ช่วยร่นเวลาได้ ต้องไปหามา ดังนั้น เครื่องทุ่นแรงทุ่นเวลาจึงขายดีมีเต็มบ้าน ทั้งหม้อหุงข้าว เตาไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า ไปจนถึงรถยนต์ แต่น่าแปลกไหมว่า ยิ่งรีบยิ่งเร่ง เรากลับมีเวลาเหลือน้อยลง แม้กระทั่งเวลาที่จะให้แก่ลูกก็ไม่มี จนเดี๋ยวนี้หลายคนต้องเลี้ยงลูกกันทางโทรศัพท์แล้ว
แทนที่จะรีบทำเพื่อทำอะไรได้หลายๆ อย่าง จะไม่ดีกว่าหรือ หากเลือกทำให้น้อยลง แต่ให้เวลากับแต่ละอย่างเต็มที่ ไม่เร่งรีบ แต่ก็ไม่เฉื่อยแฉะ ลองพิจารณาดูจะพบว่าในแต่ละวัน แต่ละอาทิตย์ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่จำเป็น แต่เรากลับไปเสียเวลากับมันไม่น้อย อาทิ งานสังคม เดินช็อปปิ้งตามห้าง ท่องอินเตอร์เน็ต ดูแลจัดการกับสมบัตินานาชนิด ฯลฯ
กิจกรรมเหล่านี้ หากสะสางให้เหลือเท่าที่จะเป็น หรือจำกัดเวลาลง เราจะมีเวลาเหลือสำหรับสุขภาพกายสุขภาพจิตของตนเอง และมีเวลาให้แก่ครอบครัว ตลอดจนทำสิ่งมีประโยชน์อื่นๆ อีก
ในชีวิตนี้ มีงานอยู่สี่ประเภทคือ ด่วนแต่ไม่สำคัญ ไม่ด่วนและไม่สำคัญ ด่วนและสำคัญ ไม่ด่วนแต่สำคัญ เวลาส่วนใหญ่ของคนเราหมดไปกับสองประเภทแรกไม่น้อยเลย และที่วุ่นๆ เพราะงานประเภทที่สามก็มาก
ที่เป็นเช่นนั้นส่วนใหญ่ก็เพราะไปละเลยงานประเภทสุดท้าย พอไม่ดูแลสุขภาพร่างกาย ไม่มีเวลาให้กับลูก ก็เลยต้องปวดหัวและเสียเวลากับโรคภัยไข้เจ็บ และแก้ปัญหาของลูกอยู่บ่อยๆ
เอ พูดอย่างนี้หมายความว่า การล้างจาน ถูบ้าน ซักผ้า ไม่สำคัญ เพราะฉะนั้นโละทิ้งไปเลยหรือ
หามิได้ ไม่ว่าจะเป็นงานสำคัญหรือไม่ก็ตาม ถ้าลงมือแล้วควรทำด้วยความใส่ใจ ไม่รีบร้อน และไม่พึงทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เช่น มือรีดเสื้อ ปากคุยโทรศัพท์ ส่วนตาดูลูกน้อย
การทำอย่างนั้นได้ปริมาณก็จริงแต่ด้อยคุณภาพ แถมเพิ่มความเครียดอีกต่างหาก
คนทุกวันนี้เครียดกันมากเพราะชอบเร่งรีบ ยิ่งรีบก็ยิ่งรู้สึกว่าเสร็จช้า จึงหงุดหงิด เลยเร่งหนักขึ้น ซึ่งก็ส่งผลให้เครียดเพิ่มขึ้น กลายเป็นวัฏจักร จะหลุดจากวัฏจักรนี้ได้ต้องเริ่มที่ใจก่อน คือไม่เร่งรีบ
กฎของเวลานั้นมีอยู่ว่า ยิ่งรีบก็ยิ่งช้า (พิสูจน์กฎนี้ได้เวลารีบขับรถให้ถึงที่หมายหรืออยากให้หวานใจมาถึงไวๆ ) เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้เสร็จเร็ว ถึงเร็ว ก็ต้องทำใจสบายๆ ใจไม่ต้องไปไหน อยู่กับสิ่งนั้นแหละ ถ้าไปพะวงถึงจุดหมายเมื่อไหร่ ก็จะพลอยเร่งรีบไม่รู้ตัว แล้วความเครียดจะมาเกาะกุมใจ
เชื่อหรือไม่ว่า เมื่อใจเราสงบนิ่ง เวลาก็จะเคลื่อนช้าลง ทำให้เรามีเวลาเพิ่มขึ้น ลองฝึกใจให้รู้จักความสงบเย็นบ้าง
หอยทาก
เมื่อใดที่สามารถรักษาใจให้สงบได้ แม้กายจะเคลื่อนไหวไปกับงาน จะพบว่าเราเองก็สามารถทำชีวิตให้มีเวลาเหลือเฟือได้ ไม่ใช่แต่หอยทากเท่านั้นที่ทำได้
ที่มา จากหนังสือ "ธารน้ำใสกลางใจ" โดย รินใจ
|