หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

เปิดประตู สู่..."ภูฏาน" (1) : ประเทศหนึ่งเดียวในโลกที่นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายานแบบตรันตระเป็นศาสนาประจำชาติ

ทิมพูเมืองหลวงเล็กๆ ท่ามกลางขุนเขาที่มากไปด้วยเสน่ห์อันน่ายล

ปี พ.ศ. 2517 ภูฏาน...ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า ได้เปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าไปเที่ยวเป็นครั้งแรกผลปรากฏว่ามีนักผจญภัยเพียง 274 คนเท่านั้นที่ไปเปิดศักราชการท่องเที่ยวของภูฏาน

ปี พ.ศ. 2536 ภูฏาน กลายเป็นเป้าสนใจของนักเดินทางผู้ใฝ่หาในวิถีอันสงบงามขึ้นมาทันที หลังภาพยนตร์เรื่อง "Little Buddha"ที่ส่วนใหญ่ถ่ายทำในประเทศนี้ออกฉายต่อสายตาชาวโลก

เพราะเสน่ห์ต่างๆในภูฏานนั้นมันช่างชวนหลงใหลยิ่งนัก

ภูฏาน งดงามไปด้วยทิวทัศน์ของขุนเขาอันสลับซับซ้อนและป่าเขาลำเนาไพรที่อุดมสมบูรณ์

ภูฏาน เป็นประเทศหนึ่งเดียวในโลกที่นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายานแบบตรันตระเป็นศาสนาประจำชาติ

ภูฏาน มีวัดวาอารามและงานสถาปัตยกรรม ศิลปกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ภูฏาน มีชาวเมืองที่ยังคงดำรงวิถีอยู่ในจารีต วัฒนธรรม และประเพณีที่สืบต่อกันมาแต่โบราณอย่างแนบแน่น

และที่สำคัญก็คือ ชาวภูฏานใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่ว่ามากไปด้วยรอยยิ้ม ความสุข และอัธยาศัยไมตรี

ชาวภูฏาน ผู้มากไปด้วยอัธยาศัยไมตรีและแนบแน่นกับจารีตประเพณี

เสน่ห์ต่างๆเหล่านี้ทำให้ภูฏานกลายเป็นประเทศในฝันที่นักเดินทางถวิลหามากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับเมืองไทยเกิดกระแสภูฏานฟีเวอร์(อย่างรุนแรง) หลังเจ้าชายจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จมาเยือนประเทศไทยในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

สาวไทยหลายๆคนนอกจากจะกรี๊ดสลบแล้ว ยังฝันใฝ่อยากจะเที่ยวภูฏานสักครั้ง ซึ่งถึงแม้ว่าเจ้าชายจิกมีจะเสด็จกลับไปนานแล้ว แต่กระแสการ(อยาก)ไปเที่ยวภูฏานของคนไทย(โดยเฉพาะสาวๆ)ก็ยังคงฮิตติดลมบนไม่สร่างซา

ในทริปนี้ผมจึงขอพาคุณผู้อ่านไปสัมผัสกับ ภูฏาน ดินแดนที่หลายๆคน ยกให้เป็นดัง "สวรรค์บนพื้นพิภพ" ที่หากใครได้ไปเยือนสักครั้งก็จะคงความประทับใจไปตราบนานเท่านาน...

ทิมพู ซอง

"ทิมพู" เมืองหลวงรวยความสุข

ทิมพู (Thimpu)คือเมืองหลวงของภูฏานในปัจจุบัน (อยู่ห่างจากเมืองปาโรศูนย์กลางทางการบินหนึ่งเดียวของภูฏานประมาณ 65 กิโลเมตร) ที่พระเจ้าจิกมี ดอร์จิ วังชุก กษัตริย์องค์ที่ 3 ย้ายมาจากเมืองหลวงเก่าคือปูนาคา ในปี พ.ศ. 2495

ว่ากันว่า ทิมพูอาจจะเป็นเมืองหลวงหนึ่งเดียวในโลกที่ไม่มีสัญญาณไฟแดง เพราะเมืองนี้มีถนนเล็กๆเพียงไม่กี่สายเท่านั้น

ในขณะที่ย่านคึกคักของเมืองนี้ก็จะอยู่ในย่านชุมชนใจกลางเมือง ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับสีสันชีวิตอันหลากหลายของชาวภูฏานซึ่งมากไปด้วยรอยยิ้มและอัธยาศัยไมตรี อีกทั้งยังคงไว้ด้วยวัฒนธรรมการแต่งกายที่ยึดมั่นในจารีตอย่างแนบแน่น โดยผู้ชายจะแต่งชุดที่เรียกว่า "โค" (Kho) ส่วนผู้หญิงจะแต่งชุดที่เรียกว่า "คีรา" (Kira)

ใครที่อยากรู้ว่า GNH (Gross National Happiness) หรือความสุขมวลรวมประชาชาติของชาวภูฏานมีมากแค่ไหน ในย่านชุมชนต่างๆของเมืองทิมพูคือหนึ่งในคำตอบที่จะทำให้นักท่องเที่ยวพลอยมีความสุขตามไปด้วย

คราวนี้หันไปดูศาสนาสถานสำคัญและสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นอย่าง เม็มโมเรียล ชอร์เตน (Memorial Chorten) ของเมืองทิมพูกันบ้าง

อัน "ชอร์เตน" นั้น เปรียบได้กับ สถูปหรือเจดีย์ในบ้านเรา ในภูฏานมีอยู่ 3 รูปแบบ คือ แบบธิเบต (Tibetan Style) มีขนาดเล็กที่สุด(ใน 3 แบบ) มักจะสร้างด้วยหิน แบบเนปาล (Nepalese Style) ที่จำลองลักษณะมาจากพระสถูปโพธานาทในเนปาลมีขนาดใหญ่ที่สุด และแบบภูฏาน (Bhutanese Style) ที่แบ่งเจดีย์เป็น 5 ชั้น แทนธาตุทั้ง 5 ชั้นล่างสุดเป็นฐานสี่เหลี่ยมแทนธาตุดิน ชั้นที่ 2 เป็นโดมแทนธาตุน้ำ ชั้นต่อไปเป็นฉัตร 13 ชั้น แทนธาตุดิน เหนือฉัตรขึ้นไปมีสัญลักษณ์ของพระอาทิตย์และพระจันทร์ คือ ธาตุลม และชั้นสูงสุดคือส่วนที่เป็นยอดแหลมคือ ธาตุอากาศ

เม็มโมเรียล ชอร์เตน

สำหรับ เม็มโมเรียล ชอร์เตน ถือเป็นตัวอย่างอันชัดเจนของเจดีย์แบบภูฏาน ที่ชาวภูฏานสร้างขึ้นเพื่อใช้แทนสัญลักษณ์หัวใจของพระพุทธเจ้า และใช้เป็นที่เก็บพระบรมอัฐิของพระเจ้าจิกมี ดอร์จิ วังชุก ที่ชาวภูฏานยกย่องให้เป็น "พระบิดาแห่งภูฏานยุคใหม่" นอกจากนี้ก็ยังมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าจิกมี ดอร์จิ วังชุก รูปปั้นของท่าน กูรู รินโปเช(นักบวชที่ชาวภูฏานเคารพนับถือมาก) และรูปปั้นของ ซับดรุง งาวังนัมเกล (ผู้รวบรวมภูฏานเป็นหนึ่งเดียว) รวมถึงรูปปั้นพระโพธิสัตว์ต่างๆให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชา ซึ่งชาวภูฏานเชื่อว่าใครที่เข้าไปสักการะจะต้องเดินเวียนขวา(ประทักษิณ)ตามเข็มนาฬิกา ทั้งนี้ก็เพื่อความเป็นสิริมงคล

นอกจากเม็มโมเรียล ชอร์เตนแล้ว เมืองหลวงแห่งดินแดนมังกรสายฟ้า ยังมี ทิมพู ซอง (Thimpu Dzong) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองที่มีคนแวะเวียนไปเที่ยวกันไม่ได้ขาด

ในอดีตซอง(Dzong) เป็นป้อมปราการที่ใช้เป็นฐานที่มั่นป้องกันข้าศึกรุกราน ก่อนปรับเปลี่ยนเป็นสถานที่บริหารราชการประจำเขตในกาลต่อมา(ซองบางแห่งจะมีวัด โรงเรียนสงฆ์ และพระภิกษุสงฆ์อยู่ในนั้นด้วย)

ปี พ.ศ.2536 หลังจากที่ภูฏานหันมาเน้นนโยบายด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น ทางการจึงเปิดซองหลายๆแห่งให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวตามไปด้วย

สำหรับทิมพู ซองนั้น แรกเริ่มเดิมทีเป็นซองเล็กๆ ชื่อ โดงอนซอง (Do-Ngon Dzong) สร้างในปี พ.ศ. 1759 โดยพระลามะผู้ก่อตั้งนิกายลาปา(Lhapa) แต่หลังจากที่ ซับดรุง งาวังนัมเกล (Shabdrung Ngawang Namgyal) ได้รวบรวมภูฏานเป็นหนึ่งเดียวแล้ว พระองค์ได้สั่งให้รื้อถอน โดงอนซอง แล้วสร้าง ทิมพู ซอง ขึ้นใหม่ในพื้นที่เดิมในปี พ.ศ. 2157 โดยได้แบ่งเป็นส่วนราชการ และส่วนของสงฆ์ รวมถึงใช้เป็นที่ประทับของท่านในช่วงฤดูร้อน(พ.ค.-ต.ค.)

ต่อมาในสมัยพระเจ้าจิกมี ดอร์จิ วังชุก ได้ทรงโปรดให้สร้างทิมพูซองเพิ่มเติมโดย เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการปกครองและการบริหารประเทศ โดยได้เพิ่มเติม ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา ห้องทรงงานกษัตริย์และส่วนอื่นเพิ่มเข้ามา

ถนนที่ไร้สัญญาณไฟในทิมพู การันตีถึงความเป็นเมืองหลวงอันสงบงามได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันทิมพูซองมีห้องทั้งหมดกว่า 1,000 ห้อง แต่ว่าส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะได้เข้าชมเฉพาะส่วน Main Hall ที่ ภายในประดิษฐาน พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ รูปเคารพองค์อื่นๆ และงานจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับศาสนาอันน่ามอง

ส่วนใครที่อยากสัมผัสกับกับความขรึมขลังของวัดในแบบภูฏาน เมืองทิมพูมีวัดที่น่าสนใจให้เที่ยวชม อย่าง วัดแม่ชี ซิลูคา (Zilukha Numnary) วัดหนึ่งเดียวในเมืองหลวงที่มีแม่ชีจำวัดและศึกษาเล่าเรียนอยู่ วัดชันกังคา (Changangkha Temple) วัดเก่าแก่อายุกว่า 600 ปี ที่มีหลายสิ่งหลายอย่างให้เที่ยวชม

นอกจากงานสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นแล้ว กรุ๊ปทัวร์ส่วนใหญ่ที่ไปเที่ยวภูฏานมักจะไม่พลาดการไปเที่ยวสวนสัตว์ประจำเมืองหลวง ชมสัตว์หลากหลายชนิด โดยเฉพาะเจ้าตัว "ทาคิน" (Takin) ตัวชูโรงของสวนสัตว์แห่งนี้

ทาคิน เป็นสัตว์ประจำชาติของภูฏาน ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงในพื้นที่หนาวเย็น มีหน้าและเขาคล้ายแพะ แต่ว่าไม่มีเครา ตัวใหญ่ประมาณวัว เมื่อโตเต็มที่มีน้ำหนักประมาณ 250 กิโลกรัม ทาคินจะกินใบไผ่หน่อไม้เป็นอาหารหลัก

ทาคิน เป็นสัตว์ประจำชาติของภูฏาน

สำหรับเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของทิมพูที่ชวนสัมผัสก็คือ การขึ้นไปชมเมืองทิมพูในมุมสูง ณ จุดชมวิวประจำเมือง ที่วันไหนฟ้าเป็นใจก็จะได้เห็นตัวเมืองทิมพูตั้งอยู่ในอ้อมกอดแห่งขุนเขาได้อย่างชัดเจน ซึ่งถึงแม้ว่าทิมพูจะเป็นเมืองหลวงเล็กๆที่ความเจริญทางด้านวัตถุดูเป็นรองเมืองใหญ่ๆทั่วไปในโลกนี้ แต่ว่าความสงบงาม และวิถีชีวิตของชาวเมืองก็ดลบันดาลให้ผู้ที่ไปสัมผัส เที่ยวชม เกิดความสุขมวลรวมในจิตใจได้ไม่น้อยทีเดียว...(อ่านต่อตอนหน้า)

*****************************************

ภูฏาน ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเทือกเขาหิมาลัย มีเวลาช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง ใช้เงินสกุล"Ngultrum" โดย 1 ดอลลาร์สหรัฐตกประมาณ 35 Ngultrum

ภูฏาน ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกในข้อแม้ ต้องไม่เกิน 10,000 คนต่อปี และนักท่องเที่ยวจะต้องจ่ายภาษีรายวัน วันละ 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว(มี.ค.-พ.ย.) และ 165 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (ธ.ค.-ส.ค.) โดยอัตราภาษีนี้รวมค่าที่พัก ค่าอาหาร การเดินทางภายในประเทศ บริการนำเที่ยว และกิจกรรมท่องเที่ยวหรือค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

การเดินทางสู่ภูฏาน จากมีสายการบิน Druk Air บินจากเมืองไทยสู่ภูฏาน สำหรับผู้สนใจข้อมูลภูฏานเพิ่มเติมสามารถตรวจสอบได้ที่ http://72.18.135.200/DOTBHUTAN/default.asp หรือที่ สถานทูตภูฏาน 0-2274-4742

ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการออนไลน์" เรียบเรียงโดย : คุณเหล็งฮู้ชง



ไปข้างบน